Duel of fist ไอ้หนุ่มหมัดสั่ง ผลงานโกอินเตอร์ของไข่มุกเอเชีย ภาวนา ชนะจิต

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

กำเนิด "ไอ้หนุ่มหมัดสั่ง“

ในปี 2514 บริษัทชอว์บราเดอร์แห่งฮ่องกงได้เดินทางมาถ่ายทำหนังเรื่อง วีรบุรุษนิรนาม (The Anonymous Heroes) ในไทย โดยมอบหมายให้บริษัทยูเนียนโอเดียนจำกัด อำนวยการโดยยุทธ โกสีย์เจริญ เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการถ่ายทำหนังเรื่องนี้

หนังเรื่อง วีรบุรุษนิรนาม ชอว์ฯ ตั้งใจส่งเข้าประกวดในงานมหกรรมหนังเอเซียประจำปี 2514 ที่กรุงไทเป ไต้หวัน ผู้กำกับคือจางเชอะ ผู้กำกับเงินล้านของชอว์ ทีมที่มาถ่ายทำมีทั้งสิ้น 34 คน รวมทั้งดารานำคือ เดวิด เจียง ดาราตุ๊กตาทองปี 2512, ตี้หลุง, จิงลี่ และดาราประกอบอีกหลายคน

ฉากที่ชอว์ ฯ เจาะจงมาถ่ายทำในไทยคือฉากรถไฟซึ่งเป็นฉากใหญ่ เพราะในฮ่องกง ไม่มีรถจักรไอน้ำ เพราะเปลี่ยนเป็นรถจักรดีเซลไฟฟ้ากันหมดแล้ว  ทีมงานเดินทางมาถึงสนามบินดอนเมืองเมื่อวันที่ 28 เม.ย.2514 เข้าพักที่โรงแรมแมนดาริน สามย่าน

การถ่ายทำฉากรถไฟนี้ใช้สถานีรถไฟที่กาญจนบุรีเป็นที่ถ่ายทำ หลังจากจางเชอะได้ดูสถานที่ถ่ายทำแล้ว ก็มีเหตุให้ต้องบินกลับไปทำธุระด่วนที่ฮ่องกงหลายวัน จึงต้องพักกองก่อน ระหว่างที่รอผู้กำกับจางเชอะบินกลับมานั้น บริษัทยูเนียนโอเดียนเห็นเป็นโอกาสอันดี เลยตัดสินใจสร้างหนังเรื่อง ไอ้หนุ่มหมัดสั่ง โดยให้ทีมดารานำจีนชุดนี้ประกบกับดาราไทยคือ ภาวนา ชนะจิต และนักมวยไทยคะนองเดช ศิษย์หิรัญ 

จางเชอะเองเมื่อทราบเข้าก็เห็นชอบด้วยและกลับมากำกับให้ เมื่อเสร็จธุระที่ฮ่องกงแล้ว ทีมงานฮ่องกงอยู่ในไทย 10 วัน แบ่งเป็นถ่ายทำหนังเรื่อง ไอ้หนุ่มหมัดสั่งใน 5 วันแรก และถ่ายวีรบุรุษนิรนามใน 5 วันหลัง

ฉากภายนอกทั้งหมดของ ไอ้หนุ่มหมัดสั่ง ถ่ายในไทย มีบริเวณสะพานพระราม 6 ถ่ายฉากเดวิด เจียงขี่มอเตอร์ไซด์ และเก็บภาพบริเวณบางกอกน้อย, ถ่ายเดวิด เจียงกับภาวนาบริเวณด้านนอกของโรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนตัล, เดวิด เจียงที่ด้านนอกโรงแรมดุสิตธานี, บริเวณท่าเรือ ส่วนฉากภายในทั้งหมด ไปสร้างฉากถ่ายทำในโรงถ่ายชอว์ฯ ที่ฮ่องกง เช่นฉากสนามมวยราชดำเนินและฉากคอฟฟี่ช็อปของโรงแรมสยามอินเตอร์ฯ (สร้างออกมาเหมือนเปี๊ยบ) โดยภาวนาและคนองเดชต้องบินไปถ่ายทำที่ฮ่องกงด้วย

ไอ้หนุ่มหมัดสั่ง (อีกชื่อคือพี่น้องตระกูลอึด) ชื่อภาษาอังกฤษคือ Duel of Fists ออกฉายที่ฮ่องกงเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2514 ประสบความสำเร็จทำให้คนฮ่องกงรู้จักภาวนา (ชื่อจีนคือ Lau Lan Ying) มากขึ้น จนเกิดสมญานามที่สื่อฮ่องกงตั้งให้ภาวนาว่า “ไข่มุกแห่งเอเซีย” ต่อมาภาวนาได้ร่วมแสดงหนังที่ร่วมทุนไทย-ฮ่องกงอีกคือ สิงห์สยามถล่มคาราเต้ (2515)

ในปี 2515 จางเชอะได้สร้างภาคต่อของหนังเรื่อง ไอ้หนุ่มหมัดสั่ง ในชื่อไทยว่า ไอ้หนุ่มหมัดคอนกรีต (Angry Guest หรือ Duel of Fists 2)

*เรียบเรียงจากข้อมูลในหนังสือจักรวาลดาราปี 2514

ขอขอบพระคุณบทความจากเพจ Thai Movie Posters





































แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่