Hello ฮาโหล, สวัสดีทุกคนอีกครั้งนะคะ
วันนี้ฐากลับมาพร้อมกับ PART 2 เทคนิคการทำข้อสอบ TOEIC จริงที่ฐาใช้และทำให้ทำข้อสอบทันได้สบายๆ ~~~
แชร์ประสบการณ์สอบ TOEIC ให้ได้ 935 คะแนน ฉบับฐา tha.nattha
PART 2 ประสบการณ์จากข้อสอบจริง
(ใจไม่แข็ง แชร์เก็บไว้ก่อนได้นะคะ เพราะว่าฐาตั้งใจเขียนละเอียดมาก ยาวแต่จบ ! ใครอ่านจบ คะแนนปังแน่นอน )
ใครยังไม่ได้อ่าน Part 1 ตามไปที่นี่ได้เลยค่า ->
https://www.facebook.com/tha.natthanattha/photos/271061838006984)
โพสต์ที่แล้วฐาได้แชร์วิธีที่ใช้เตรียมตัวสอบ TOEIC, โพสต์นี้จะพูดถึงข้อสอบจริงที่เจอ และเทคนิคการทำข้อสอบวันจริงค่ะ
ตั้งใจเขียนออกมามากๆ หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่กำลังเตรียมตัวหรือมีแพลนจะไปสอบ TOEIC นะคะ
ข้อสอบ TOEIC นี้มีทั้งหมด 200 ข้อ เวลาสอบทั้งหมด 120 นาที
ฐาเขียนแยกเป็น Listening Part และ Reading Part เรียงลำดับตาม Part 1-7 ค่า
หรือใครที่ชอบดูวิดิโอ ภาพและเสียง ตามไปดูที่นี่ได้เล้ย
Listening Part :
https://youtu.be/_QepVZGTFVI
Reading Part :
https://youtu.be/gv6u6Vi98t8
𝙇𝙞𝙨𝙩𝙚𝙣𝙞𝙣𝙜 𝙋𝙖𝙧𝙩 100 ข้อ, 45 นาที
** Audio จะมีประมาณ 4 สำเนียงนะคะ คือ American, British, Canadian, Australian
Part 1 Photograph จำนวน 6 ข้อ (ข้อ 1 – ข้อ 6)
- ในเล่มข้อสอบจะมีรูปขนาดใหญ่ เห็นชัดให้มาเลย 6 รูปแค่นั้น ที่เหลือคือเรารอฟังตัวเลือก a, b, c, d ว่าตัวเลือกไหนตรงกับภาพมากที่สุด
- เทคนิคคือ ดูรูปแล้วเก็บรายละเอียดเร็วๆ ว่าในรูปนั้น มีใครบ้าง, กี่คน, กำลังทำอะไรกันอยู่ หรือสิ่งของ สภาพแวดล้อมในรูปเป็นยังไง – เสร็จแล้วตั้งสติรอฟังตัวเลือกที่จะได้ยิน ระหว่างที่เขากำลังอ่านตัวเลือก ถ้าข้อ a ไม่ใช่ ก็เลื่อนดินสอไปจ่อที่ตัวเลือกต่อไปเลย ถ้าข้อไหนใช่ จะได้ฝนเลย ไม่ต้องมานั่งนึกว่าไอข้อที่ใช่เมื่อกี้ มันคือ a, b, c หรือ d
- ข้อควรระวังคือ ให้ฟังให้จบประโยค ว่าตัวเลือกนั้นพูดถึงภาพนั้นได้ถูกต้อง ไม่ขาดและไม่เกิน อย่าเลือกฝนแค่เพราะว่าข้อนั้นมีคำของสิ่งที่ปรากฏในรูป เช่น รูปนั้นมีโทรศัพท์วางอยู่บนโต๊ะ ตัวเลือกนึงบอกว่าผู้หญิงกำลังโทรศัพท์ แต่ความจริงโทรศัพท์มันแค่วางอยู่เฉยๆ ไม่ได้มีใครทำอะไรกับมัน ก็อย่าด่วนฝนนะคะ, อาจมีศัพท์บางคำที่เราฟังไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ความหมาย ก็ให้เลือกข้อที่โดยรวมฟังแล้วใช่สุด บรรยายถึงรูปนั้นได้ดีสุด
.
Part 2 Question & Response จำนวน 25 ข้อ (ข้อ 7 – ข้อ 31)
- ในเล่มข้อสอบจะไม่มีอะไรให้เลย นอกจากเลขข้อ 7 ถึงข้อ 31, จะมีคนพูดมา 1 ประโยคคำถาม (บางทีก็เป็นประโยคบอกเล่า) พูดจบแล้วจะตามด้วยตัวเลือก a, b, c เหมือนเป็นการสนทนาเพื่อโต้ตอบกลับ แม้จะมีแค่ 3 ตัวเลือก แต่ก็ทำให้อิหยังวะได้
- เทคนิคคือ ฟังคำถามแล้วจับให้ได้ว่าเขาถามยังไง เช่น what, why, when, where, which, how หรือบางทีก็ถามแบบ question tag พอฟังตัวเลือกก็พยายามฟังว่าตัวเลือกไหนที่ดูโต้ตอบเป็นเรื่องเดียวกับคำถาม หรือบางทีคำตอบดูไม่ใช่เป๊ะๆ แต่เพราะพอฟังตัวเลือกอื่นๆแล้วมันไม่เกี่ยวกันเลย ทำให้เราตัดออกไปได้
- ข้อควรระวังคือ อย่าด่วนเลือกตัวเลือกที่เราได้ยินคำ คำเดียวกับที่อยู่ในคำถาม เพราะบางทีก็พูดกันคนละเรื่องเลย แต่แค่เป็นคำเดียวกัน, หรือเป็นคำที่เสียงคล้ายกัน แต่จริงๆแล้วคนละคำ, พูดมาเป็นคำถามแต่ไม่ได้ตอบตรงๆ เช่น ถามว่าต้องเตรียมน้ำผลไม้สำหรับการประชุมเท่าไหร่ คำตอบคือ ทุกคนในแผนกเข้าร่วมประชุมนี้ (ไม่ได้ตอบเป็นจำนวน แต่ตอบกลายๆแทน) หรือถามว่า จะกินอาหารเช้าได้ที่ไหนบ้าง คำตอบคือ มีอยู่ 2-3 ตัวเลือก (ไม่ได้ตอบเป็นสถานที่ตรงๆว่ากินที่ไหนได้), ยังไม่จบๆ คำถามบางข้อ ก็โต้ตอบกลับด้วยคำถาม เช่น พรุ่งนี้เราต้องเอาอะไรไปประชุมบ้าง? คำตอบคือ เธอยังไม่ได้อ่านอีเมล์หรอ? ,หรือบางทีมาเป็นประโยคบอกเล่า แล้วเราก็ต้องตอบโต้กลับ เช่น เราควรซื้อเครื่องทำกาแฟ คำตอบคือ นั่นเป็นไอเดียที่ดี
.
Part 3 Short Conversation จำนวน 39 ข้อ (ข้อ 32 – ข้อ 70)
- ในเล่มข้อสอบจะมีคำถามมาคู่กับตัวเลือก เราจะได้ยินคนคุยไปมากัน 2 – 3 คน ทั้งหมด 11 บทสนทนา แต่ละบทสนทนาจะถามทั้งหมด 3 คำถาม มีตัวเลือก 4 ตัว a, b, c, d – เราจะได้ยินบทสนทนาและ เขาจะอ่านคำถามและตัวเลือกให้เราฟังค่ะ
- เทคนิคคือ ไปกวาดสายตาว่าคำถามของบทสนทนาที่กำลังจะได้ยิน ถามอะไร เพื่อให้เรามีในหัวคร่าวๆว่าต้องจับประเด็นอะไรจากบทสนทนา เช่น บทสนทนานี้น่าจะเกิดขึ้นที่ไหน? ผู้หญิงจะทำอะไรต่อ? ผู้ชายโทรมาทำไม? - พอเราฟังบทสนทนาจบ ใน audio เขาจะอ่านคำถามและตัวเลือกให้เราฟัง เราก็ใช้จังหวะนั้นเลือกตัวเลือกได้เลย ถ้าข้อไหนไม่มั่นใจ ให้อ่านประมวลผลอีกทีแต่อย่าเสียเวลานาน – เราจะได้ย้ายไปเตรียมตัวอ่านคำถามของบทสนทนาต่อไปเตรียมไว้เลย ถ้ามีเวลาเหลือก็กวาดตาอ่านตัวเลือกของแต่ละคำถาม – ทำแบบนี้เป็นวงจรไปจนครบ 11 บทสนทนา
- ข้อควรระวังคือ ในบทสนทนาจะมีผู้ชาย ผู้หญิงคุยกัน เช่น บางตัวเลือกถามว่าผู้ชายจะทำอะไร ก็ให้เลือกกิจกรรมที่ผู้ชายจะทำ ไม่ใช่เลือกกิจกรรมที่ได้ยินจากเทป แต่จริงๆแล้วเป็นกิจกรรมที่ผู้หญิงจะทำ ดังนั้นตั้งสติดีๆค่า
.
Part 4 Short Talk จำนวน 30 ข้อ (ข้อ 71 – ข้อ 100)
- ในเล่มข้อสอบจะมีคำถามมาคู่กับตัวเลือก เราจะได้ยินคนเดียวพูด ระยะเวลายาวประมาณนึง อาจเป็นประกาศที่สนามบิน พอดแคสต์ ชี้แจงในที่ประชุม พยากรณ์อากาศ ทั้งหมด 10 บทสนทนา แต่ละบทสนทนาจะถามทั้งหมด 3 คำถาม มีตัวเลือก 4 ตัว a, b, c, d
- เทคนิคพาร์ท 4 เหมือนพาร์ท 3 เลยค่ะ คือ กวาดสายตาอ่านคำถาม เก็บประเด็นที่จะถาม แล้วตั้งใจฟัง แล้วก็ทำซ้ำแบบนี้ต่อจนครบ 10 บทสนทนา
- ข้อควรระวังคือ หลังจากที่เราฟังจบ เราจะพอจับใจความได้ว่าพูดถึงอะไร แต่บางที ตัวเลือกอาจคล้ายกัน, หรือบางคำถาม เราก็ต้องลองประมวลผล และตีความเอาจากสิ่งที่เราจะได้ยิน เช่น ผู้พูดเป็นใคร? ประกาศนี้เกิดขึ้นที่ไหน? – โดยสรุปคือถ้าเราฟังไม่หลุด เราจะตอบถูกอยู่นะคะ คำถามไม่ยากเกิน
- มีแนวคำถามแบบใหม่ที่พาร์ท 4 คือ ข้อท้ายๆของพาร์ทนี้ จะมีรูปภาพกราฟฟิคมาใช้ประกอบในการถามเรา เช่น พูดถึงเรื่องยอดขาย + มีกราฟแท่งโชว์ยอดขายรายเดือน แล้วพูดว่ามีเดือนที่เราขายของได้ถึง 30,000 ชิ้น -> คำถามจะถามว่าในบทสนทนาเมื่อสักครู่ เขาพูดถึงยอดขายเดือนไหน? ดังนั้นเราก็ต้องไปดูที่กราฟแท่ง ว่าเดือนไหนที่ยอดขายแตะ 30,000 ชิ้น = ได้คำตอบ จบปึ้ง
.
เทคนิคส่วนตัวตอนทำพาร์ทฟัง
คือ เพ่งสติ หาจุดรวมสายตาไว้ที่เดียว แล้วแช่ไว้ เหมือนคนเหม่ออะค่ะ เผลอไม่ได้ วอกแว่กไม่ได้ จะมาคันหู หรือเห็นจมูกเล็บฉีกแล้วอยากดึง ไม่ด้ายยยย ไม่งั้นเตรียมตัวหวิวกับคะแนนข้อนั้น, ถ้าข้อไหนหลุดแล้ว ปล่อยเลย อย่าอาลัยอาวรณ์ ย้ายไปเตรียมตัวทำข้อต่อไปเลยค่ะ, ถ้าฟัง แล้วไม่หลุด โอกาสที่จะตอบพาร์ทฟังถูกค่อนข้างสูงนะคะ
.
ใครอ่านถึงจุดๆนี้ ยินดีด้วยค่ะ ครึ่งทางแล้ว 5555
(ขอเสียงคนที่ถึงจุดนี้หน่อยย คอมเมนท์ประกาศศักดากันมาเล๊ย)
ต่อ Reading Part ที่คอมเมนท์นะคะ ^^
#TOEIC #สอบTOEIC #สอบTOEIC2021 #สอบTOEIC2020 #รีวิวสอบTOEIC #สอบโทอิค #เตรียมตัวสอบTOEIC #เตรียมตัวสอบโทอิค #TOEIC2021 #TOEIC2020 #ฝึกภาษาอังกฤษ #สอบภาษาอังกฤษ #คะแนนtoeic
แชร์ประสบการณ์สอบ TOEIC ให้ได้ 935 คะแนน ! เทคนิคทำข้อสอบจริง
วันนี้ฐากลับมาพร้อมกับ PART 2 เทคนิคการทำข้อสอบ TOEIC จริงที่ฐาใช้และทำให้ทำข้อสอบทันได้สบายๆ ~~~
แชร์ประสบการณ์สอบ TOEIC ให้ได้ 935 คะแนน ฉบับฐา tha.nattha
PART 2 ประสบการณ์จากข้อสอบจริง
(ใจไม่แข็ง แชร์เก็บไว้ก่อนได้นะคะ เพราะว่าฐาตั้งใจเขียนละเอียดมาก ยาวแต่จบ ! ใครอ่านจบ คะแนนปังแน่นอน )
ใครยังไม่ได้อ่าน Part 1 ตามไปที่นี่ได้เลยค่า -> https://www.facebook.com/tha.natthanattha/photos/271061838006984)
โพสต์ที่แล้วฐาได้แชร์วิธีที่ใช้เตรียมตัวสอบ TOEIC, โพสต์นี้จะพูดถึงข้อสอบจริงที่เจอ และเทคนิคการทำข้อสอบวันจริงค่ะ
ตั้งใจเขียนออกมามากๆ หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่กำลังเตรียมตัวหรือมีแพลนจะไปสอบ TOEIC นะคะ
ข้อสอบ TOEIC นี้มีทั้งหมด 200 ข้อ เวลาสอบทั้งหมด 120 นาที
ฐาเขียนแยกเป็น Listening Part และ Reading Part เรียงลำดับตาม Part 1-7 ค่า
หรือใครที่ชอบดูวิดิโอ ภาพและเสียง ตามไปดูที่นี่ได้เล้ย
Listening Part : https://youtu.be/_QepVZGTFVI
Reading Part : https://youtu.be/gv6u6Vi98t8
𝙇𝙞𝙨𝙩𝙚𝙣𝙞𝙣𝙜 𝙋𝙖𝙧𝙩 100 ข้อ, 45 นาที
** Audio จะมีประมาณ 4 สำเนียงนะคะ คือ American, British, Canadian, Australian
Part 1 Photograph จำนวน 6 ข้อ (ข้อ 1 – ข้อ 6)
- ในเล่มข้อสอบจะมีรูปขนาดใหญ่ เห็นชัดให้มาเลย 6 รูปแค่นั้น ที่เหลือคือเรารอฟังตัวเลือก a, b, c, d ว่าตัวเลือกไหนตรงกับภาพมากที่สุด
- เทคนิคคือ ดูรูปแล้วเก็บรายละเอียดเร็วๆ ว่าในรูปนั้น มีใครบ้าง, กี่คน, กำลังทำอะไรกันอยู่ หรือสิ่งของ สภาพแวดล้อมในรูปเป็นยังไง – เสร็จแล้วตั้งสติรอฟังตัวเลือกที่จะได้ยิน ระหว่างที่เขากำลังอ่านตัวเลือก ถ้าข้อ a ไม่ใช่ ก็เลื่อนดินสอไปจ่อที่ตัวเลือกต่อไปเลย ถ้าข้อไหนใช่ จะได้ฝนเลย ไม่ต้องมานั่งนึกว่าไอข้อที่ใช่เมื่อกี้ มันคือ a, b, c หรือ d
- ข้อควรระวังคือ ให้ฟังให้จบประโยค ว่าตัวเลือกนั้นพูดถึงภาพนั้นได้ถูกต้อง ไม่ขาดและไม่เกิน อย่าเลือกฝนแค่เพราะว่าข้อนั้นมีคำของสิ่งที่ปรากฏในรูป เช่น รูปนั้นมีโทรศัพท์วางอยู่บนโต๊ะ ตัวเลือกนึงบอกว่าผู้หญิงกำลังโทรศัพท์ แต่ความจริงโทรศัพท์มันแค่วางอยู่เฉยๆ ไม่ได้มีใครทำอะไรกับมัน ก็อย่าด่วนฝนนะคะ, อาจมีศัพท์บางคำที่เราฟังไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ความหมาย ก็ให้เลือกข้อที่โดยรวมฟังแล้วใช่สุด บรรยายถึงรูปนั้นได้ดีสุด
.
Part 2 Question & Response จำนวน 25 ข้อ (ข้อ 7 – ข้อ 31)
- ในเล่มข้อสอบจะไม่มีอะไรให้เลย นอกจากเลขข้อ 7 ถึงข้อ 31, จะมีคนพูดมา 1 ประโยคคำถาม (บางทีก็เป็นประโยคบอกเล่า) พูดจบแล้วจะตามด้วยตัวเลือก a, b, c เหมือนเป็นการสนทนาเพื่อโต้ตอบกลับ แม้จะมีแค่ 3 ตัวเลือก แต่ก็ทำให้อิหยังวะได้
- เทคนิคคือ ฟังคำถามแล้วจับให้ได้ว่าเขาถามยังไง เช่น what, why, when, where, which, how หรือบางทีก็ถามแบบ question tag พอฟังตัวเลือกก็พยายามฟังว่าตัวเลือกไหนที่ดูโต้ตอบเป็นเรื่องเดียวกับคำถาม หรือบางทีคำตอบดูไม่ใช่เป๊ะๆ แต่เพราะพอฟังตัวเลือกอื่นๆแล้วมันไม่เกี่ยวกันเลย ทำให้เราตัดออกไปได้
- ข้อควรระวังคือ อย่าด่วนเลือกตัวเลือกที่เราได้ยินคำ คำเดียวกับที่อยู่ในคำถาม เพราะบางทีก็พูดกันคนละเรื่องเลย แต่แค่เป็นคำเดียวกัน, หรือเป็นคำที่เสียงคล้ายกัน แต่จริงๆแล้วคนละคำ, พูดมาเป็นคำถามแต่ไม่ได้ตอบตรงๆ เช่น ถามว่าต้องเตรียมน้ำผลไม้สำหรับการประชุมเท่าไหร่ คำตอบคือ ทุกคนในแผนกเข้าร่วมประชุมนี้ (ไม่ได้ตอบเป็นจำนวน แต่ตอบกลายๆแทน) หรือถามว่า จะกินอาหารเช้าได้ที่ไหนบ้าง คำตอบคือ มีอยู่ 2-3 ตัวเลือก (ไม่ได้ตอบเป็นสถานที่ตรงๆว่ากินที่ไหนได้), ยังไม่จบๆ คำถามบางข้อ ก็โต้ตอบกลับด้วยคำถาม เช่น พรุ่งนี้เราต้องเอาอะไรไปประชุมบ้าง? คำตอบคือ เธอยังไม่ได้อ่านอีเมล์หรอ? ,หรือบางทีมาเป็นประโยคบอกเล่า แล้วเราก็ต้องตอบโต้กลับ เช่น เราควรซื้อเครื่องทำกาแฟ คำตอบคือ นั่นเป็นไอเดียที่ดี
.
Part 3 Short Conversation จำนวน 39 ข้อ (ข้อ 32 – ข้อ 70)
- ในเล่มข้อสอบจะมีคำถามมาคู่กับตัวเลือก เราจะได้ยินคนคุยไปมากัน 2 – 3 คน ทั้งหมด 11 บทสนทนา แต่ละบทสนทนาจะถามทั้งหมด 3 คำถาม มีตัวเลือก 4 ตัว a, b, c, d – เราจะได้ยินบทสนทนาและ เขาจะอ่านคำถามและตัวเลือกให้เราฟังค่ะ
- เทคนิคคือ ไปกวาดสายตาว่าคำถามของบทสนทนาที่กำลังจะได้ยิน ถามอะไร เพื่อให้เรามีในหัวคร่าวๆว่าต้องจับประเด็นอะไรจากบทสนทนา เช่น บทสนทนานี้น่าจะเกิดขึ้นที่ไหน? ผู้หญิงจะทำอะไรต่อ? ผู้ชายโทรมาทำไม? - พอเราฟังบทสนทนาจบ ใน audio เขาจะอ่านคำถามและตัวเลือกให้เราฟัง เราก็ใช้จังหวะนั้นเลือกตัวเลือกได้เลย ถ้าข้อไหนไม่มั่นใจ ให้อ่านประมวลผลอีกทีแต่อย่าเสียเวลานาน – เราจะได้ย้ายไปเตรียมตัวอ่านคำถามของบทสนทนาต่อไปเตรียมไว้เลย ถ้ามีเวลาเหลือก็กวาดตาอ่านตัวเลือกของแต่ละคำถาม – ทำแบบนี้เป็นวงจรไปจนครบ 11 บทสนทนา
- ข้อควรระวังคือ ในบทสนทนาจะมีผู้ชาย ผู้หญิงคุยกัน เช่น บางตัวเลือกถามว่าผู้ชายจะทำอะไร ก็ให้เลือกกิจกรรมที่ผู้ชายจะทำ ไม่ใช่เลือกกิจกรรมที่ได้ยินจากเทป แต่จริงๆแล้วเป็นกิจกรรมที่ผู้หญิงจะทำ ดังนั้นตั้งสติดีๆค่า
.
Part 4 Short Talk จำนวน 30 ข้อ (ข้อ 71 – ข้อ 100)
- ในเล่มข้อสอบจะมีคำถามมาคู่กับตัวเลือก เราจะได้ยินคนเดียวพูด ระยะเวลายาวประมาณนึง อาจเป็นประกาศที่สนามบิน พอดแคสต์ ชี้แจงในที่ประชุม พยากรณ์อากาศ ทั้งหมด 10 บทสนทนา แต่ละบทสนทนาจะถามทั้งหมด 3 คำถาม มีตัวเลือก 4 ตัว a, b, c, d
- เทคนิคพาร์ท 4 เหมือนพาร์ท 3 เลยค่ะ คือ กวาดสายตาอ่านคำถาม เก็บประเด็นที่จะถาม แล้วตั้งใจฟัง แล้วก็ทำซ้ำแบบนี้ต่อจนครบ 10 บทสนทนา
- ข้อควรระวังคือ หลังจากที่เราฟังจบ เราจะพอจับใจความได้ว่าพูดถึงอะไร แต่บางที ตัวเลือกอาจคล้ายกัน, หรือบางคำถาม เราก็ต้องลองประมวลผล และตีความเอาจากสิ่งที่เราจะได้ยิน เช่น ผู้พูดเป็นใคร? ประกาศนี้เกิดขึ้นที่ไหน? – โดยสรุปคือถ้าเราฟังไม่หลุด เราจะตอบถูกอยู่นะคะ คำถามไม่ยากเกิน
- มีแนวคำถามแบบใหม่ที่พาร์ท 4 คือ ข้อท้ายๆของพาร์ทนี้ จะมีรูปภาพกราฟฟิคมาใช้ประกอบในการถามเรา เช่น พูดถึงเรื่องยอดขาย + มีกราฟแท่งโชว์ยอดขายรายเดือน แล้วพูดว่ามีเดือนที่เราขายของได้ถึง 30,000 ชิ้น -> คำถามจะถามว่าในบทสนทนาเมื่อสักครู่ เขาพูดถึงยอดขายเดือนไหน? ดังนั้นเราก็ต้องไปดูที่กราฟแท่ง ว่าเดือนไหนที่ยอดขายแตะ 30,000 ชิ้น = ได้คำตอบ จบปึ้ง
.
เทคนิคส่วนตัวตอนทำพาร์ทฟัง
คือ เพ่งสติ หาจุดรวมสายตาไว้ที่เดียว แล้วแช่ไว้ เหมือนคนเหม่ออะค่ะ เผลอไม่ได้ วอกแว่กไม่ได้ จะมาคันหู หรือเห็นจมูกเล็บฉีกแล้วอยากดึง ไม่ด้ายยยย ไม่งั้นเตรียมตัวหวิวกับคะแนนข้อนั้น, ถ้าข้อไหนหลุดแล้ว ปล่อยเลย อย่าอาลัยอาวรณ์ ย้ายไปเตรียมตัวทำข้อต่อไปเลยค่ะ, ถ้าฟัง แล้วไม่หลุด โอกาสที่จะตอบพาร์ทฟังถูกค่อนข้างสูงนะคะ
.
ใครอ่านถึงจุดๆนี้ ยินดีด้วยค่ะ ครึ่งทางแล้ว 5555
(ขอเสียงคนที่ถึงจุดนี้หน่อยย คอมเมนท์ประกาศศักดากันมาเล๊ย)
ต่อ Reading Part ที่คอมเมนท์นะคะ ^^
#TOEIC #สอบTOEIC #สอบTOEIC2021 #สอบTOEIC2020 #รีวิวสอบTOEIC #สอบโทอิค #เตรียมตัวสอบTOEIC #เตรียมตัวสอบโทอิค #TOEIC2021 #TOEIC2020 #ฝึกภาษาอังกฤษ #สอบภาษาอังกฤษ #คะแนนtoeic