ไกลออกไปสู่ทะเลแคสเปียน ห่างจากเมืองหลวงบากูของอาเซอร์ไบจัน 100 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในการตั้งถิ่นฐานที่น่าทึ่งที่สุดในโลก เมืองที่มีการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบในเครือข่ายแท่นขุดเจาะน้ำมันและเกาะเทียมที่เชื่อมต่อกันด้วยสะพานขาหยั่ง 300 กม. นี่คือ Neft Daslari หรือที่รู้จักในชื่อ "Oil Rocks" ที่ตั้งอยู่ภายในทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยระยะทางที่เหลือเชื่อ 55 กม. จากชายฝั่งทะเลสาบ
อาเซอร์ไบจานนั้น มีชื่อเสียงในด้านแหล่งน้ำมันที่อุดมสมบูรณ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ มีหลักฐานการขุดเจาะน้ำมันและการค้าปิโตรเลียมจริงตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 และ 4 รวมทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการรั่วซึมของน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ สามารถพบได้ในต้นฉบับภาษาอาหรับและเปอร์เซีย ตลอดจนงานเขียนของนักเดินทางที่มีชื่อเสียง เช่น มาร์โค โปโล โดยชาวเปอร์เซียเรียกพื้นที่นี้ว่า " ดินแดนแห่งไฟ " (Land of Fire)
หลังจากที่รัสเซียเข้ายึดครองดินแดนในปี 1870 การขุดเจาะสมัยใหม่ได้เริ่มขึ้น โดยในช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง บ่อน้ำมันของอาเซอร์ไบจานได้จัดหาน้ำมันดิบไปแล้วกว่า 175 ล้านบาร์เรลต่อปี หรือ 75% ของการผลิตน้ำมันทั้งหมดของประเทศ ต่อมาหลังสงคราม ขณะสำรวจน้ำมันในทะเลแคสเปียน วิศวกรของสหภาพโซเวียตได้เจาะน้ำมันคุณภาพสูงที่ระดับความลึก 1,100 เมตร ใต้ก้นทะเลบริเวณโขดหินที่ชาวประมงท้องถิ่นรู้จักในชื่อ Black Stones จากนั้นไม่นาน แท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งแห่งแรกของโลกก็ถูกสร้างขึ้นตรงจุดนั้น และ Neft Daslari ก็ถือกำเนิดขึ้น
นิคมนี้เดิมมีชื่อว่า Chernie Kamni (Black Stones) แต่ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น Neft Daşları (Oily Rocks)
ถือเป็นแพลตฟอร์มน้ำมันนอกชายฝั่งแห่งแรกของโลก ในทะเลแคสเปียน
เนื่องจากการสกัดน้ำมันกลางทะเลเป็นเรื่องยากมาก และหินมีขนาดเล็กเกินไปสำหรับการรองรับแท่นสูบ ด้วยเหตุนี้ เรือบรรทุกน้ำมันและเรือรบที่ถูกทิ้งจำนวน 7 ลำจึงถูกจม รวมถึง "Zoroaster" ของนักอุตสาหกรรม Ludwig Nobel ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันลำแรกของโลกที่สร้างขึ้นในสวีเดน ทำหน้าที่เป็นรากฐานของการตั้งถิ่นฐานหลักของเมืองแท่นขุดเจาะน้ำมันนี้
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา Neft Daslari มีแท่นขุดเจาะประมาณ 2,000 แท่น ซึ่งแผ่กระจายเป็นวงกลม 30 กิโลเมตร ร่วมกับเครือข่ายสะพานข้ามที่มีความยาว 300 กิโลเมตร และเหนือชานชาลาเหล่านี้ คนงานได้สร้างตึกอพาร์ตเมนต์แปดชั้น โรงงานเครื่องดื่ม สนามฟุตบอล ห้องสมุด เบเกอรี่ ร้านซักรีด โรงภาพยนตร์ขนาด 300 ที่นั่ง โรงอาบน้ำ สวนผัก และแม้แต่สวนที่มีต้นไม้เรียงรายซึ่งนำดินมาจากแผ่นดินใหญ่ ซึ่งในช่วงรุ่งเรืองมีคนงานประมาณ 5,000 คนอาศัยอยู่ที่นี่
ในเวลานั้น ไซต์ Neft-Dashlari ได้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกของ โจเซฟ สตาลินและเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของสหภาพโซเวียตสู่ทิศตะวันตก มีการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันนอกชายฝั่งของอาเซอร์ไบจานที่ดำเนินต่อไปจนถึงปี 1969 ทำให้ " บากู " เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจาน ร่ำรวยขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 โดยเรือบรรทุกน้ำมันได้ส่งออกน้ำมันประมาณครึ่งหนึ่งของโลกจากท่าเรือของตน
Oil Rock เมืองแห่งการขุดเจาะน้ำมันที่ได้รับการจัดอันดับโดย Guinness World Record
ว่าเป็น “ the oldest offshore oil platform in the world ” หรือแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
การเสื่อมถอยของ Neft Daslari เริ่มต้นด้วยการล่มสลายของสหภาพโซเวียตและการค้นพบแหล่งน้ำมันใหม่ที่อื่น แรงงานลดลงและแท่นขุดเจาะน้ำมันหลายแห่งถูกทิ้งร้าง การละเลยและขาดการบำรุงรักษาทำให้หลายโครงสร้างพังลงสู่ทะเล ในขณะที่สิ่งก่อสร้างอื่น ๆ อยู่ในขั้นตอนของการพังทลาย และจาก 300 กิโลเมตรของถนน เหลือเพียง 45 กิโลเมตรเท่านั้นที่ยังคงใช้งานได้ แต่ถนนเหล่านั้นก็อยู่ในสภาพทรุดโทรม
อย่างไรก็ตาม สำหรับรัฐบาล สถานที่นี้ยังคงเป็นความลับที่น่าภาคภูมิใจที่ตกทอดมาจากยุคโซเวียตและได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และยังเป็นเรื่องยากสำหรับชาวต่างชาติที่จะเข้าไปชม แม้แต่ข้อมูลสภาพปัจจุบันของ Oil Rock ก็ยังไม่สามารถซูมเข้าไปบน Google Maps ได้ แต่ในช่วงครบรอบ 60 ปีของ Oil Rock ทางรัฐบาลได้อนุญาตให้ทีมถ่ายทำสารคดีจากสวิตเซอร์แลนด์เข้าไปถ่ายทำ ถือเป็นทีมถ่ายทำจากชาติตะวันตกชาติแรกที่ได้รับการอนุญาต ซึ่งเปิดเผยให้เห็นสภาพทรุดโทรมของถนนหนทางและแท่นขุดเจาะที่ถูกปล่อยให้ทิ้งร้างจำนวนมาก
แม้ที่ผ่านมามีแผนจะปรับปรุง Neft Dashlari โดยอาจเปลี่ยนให้เป็นรีสอร์ทตากอากาศสุดหรูในเขตร้อนชื้น แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งในปัจจุบันที่นี่มีการผลิตน้ำมันได้เพียงเล็กน้อย โดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า แหล่งน้ำมันใต้เมืองนี้จะคงอยู่ต่อไปอีกเพียง 20 - 30 ปีเท่านั้น
แอตแลนติสของโซเวียต
โครงสร้างอันเป็นเอกลักษณ์นี้ที่อยู่กลางทะเลเหล่านี้กำลังอยู่ในสภาพทรุดโทรม
ที่มา: Spiegel / Wikipedia
Cr.
https://www.amusingplanet.com/2016/01/neft-daslar-city-built-on-oil-platforms.html / KAUSHIK PATOWARY
Cr.
https://bock-schroeder.com/oil-and-gas-history-of-baku-azerbaijan / by Jans Bock-Schroeder
Cr.
https://www.bauwelt.de/themen/Die-Erdoelstadt-Neft-Dashlari-Insel-Staedte-ohne-Zukunft-2099282.html
Cr.
http://urban.guerrillasemiotics.com/?tag=azerbaijan
Cr.
https://kkurojjanawong.wordpress.com/2019/12/05/oil-rock-เมืองน้ำมันที่เก่าแก่/K. Kurojjanawong
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
Oil Rock – เมืองน้ำมันที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
อาเซอร์ไบจานนั้น มีชื่อเสียงในด้านแหล่งน้ำมันที่อุดมสมบูรณ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ มีหลักฐานการขุดเจาะน้ำมันและการค้าปิโตรเลียมจริงตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 และ 4 รวมทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการรั่วซึมของน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ สามารถพบได้ในต้นฉบับภาษาอาหรับและเปอร์เซีย ตลอดจนงานเขียนของนักเดินทางที่มีชื่อเสียง เช่น มาร์โค โปโล โดยชาวเปอร์เซียเรียกพื้นที่นี้ว่า " ดินแดนแห่งไฟ " (Land of Fire)
หลังจากที่รัสเซียเข้ายึดครองดินแดนในปี 1870 การขุดเจาะสมัยใหม่ได้เริ่มขึ้น โดยในช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง บ่อน้ำมันของอาเซอร์ไบจานได้จัดหาน้ำมันดิบไปแล้วกว่า 175 ล้านบาร์เรลต่อปี หรือ 75% ของการผลิตน้ำมันทั้งหมดของประเทศ ต่อมาหลังสงคราม ขณะสำรวจน้ำมันในทะเลแคสเปียน วิศวกรของสหภาพโซเวียตได้เจาะน้ำมันคุณภาพสูงที่ระดับความลึก 1,100 เมตร ใต้ก้นทะเลบริเวณโขดหินที่ชาวประมงท้องถิ่นรู้จักในชื่อ Black Stones จากนั้นไม่นาน แท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งแห่งแรกของโลกก็ถูกสร้างขึ้นตรงจุดนั้น และ Neft Daslari ก็ถือกำเนิดขึ้น
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา Neft Daslari มีแท่นขุดเจาะประมาณ 2,000 แท่น ซึ่งแผ่กระจายเป็นวงกลม 30 กิโลเมตร ร่วมกับเครือข่ายสะพานข้ามที่มีความยาว 300 กิโลเมตร และเหนือชานชาลาเหล่านี้ คนงานได้สร้างตึกอพาร์ตเมนต์แปดชั้น โรงงานเครื่องดื่ม สนามฟุตบอล ห้องสมุด เบเกอรี่ ร้านซักรีด โรงภาพยนตร์ขนาด 300 ที่นั่ง โรงอาบน้ำ สวนผัก และแม้แต่สวนที่มีต้นไม้เรียงรายซึ่งนำดินมาจากแผ่นดินใหญ่ ซึ่งในช่วงรุ่งเรืองมีคนงานประมาณ 5,000 คนอาศัยอยู่ที่นี่
ในเวลานั้น ไซต์ Neft-Dashlari ได้กลายเป็นผลงานชิ้นเอกของ โจเซฟ สตาลินและเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของสหภาพโซเวียตสู่ทิศตะวันตก มีการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันนอกชายฝั่งของอาเซอร์ไบจานที่ดำเนินต่อไปจนถึงปี 1969 ทำให้ " บากู " เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจาน ร่ำรวยขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 โดยเรือบรรทุกน้ำมันได้ส่งออกน้ำมันประมาณครึ่งหนึ่งของโลกจากท่าเรือของตน
อย่างไรก็ตาม สำหรับรัฐบาล สถานที่นี้ยังคงเป็นความลับที่น่าภาคภูมิใจที่ตกทอดมาจากยุคโซเวียตและได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และยังเป็นเรื่องยากสำหรับชาวต่างชาติที่จะเข้าไปชม แม้แต่ข้อมูลสภาพปัจจุบันของ Oil Rock ก็ยังไม่สามารถซูมเข้าไปบน Google Maps ได้ แต่ในช่วงครบรอบ 60 ปีของ Oil Rock ทางรัฐบาลได้อนุญาตให้ทีมถ่ายทำสารคดีจากสวิตเซอร์แลนด์เข้าไปถ่ายทำ ถือเป็นทีมถ่ายทำจากชาติตะวันตกชาติแรกที่ได้รับการอนุญาต ซึ่งเปิดเผยให้เห็นสภาพทรุดโทรมของถนนหนทางและแท่นขุดเจาะที่ถูกปล่อยให้ทิ้งร้างจำนวนมาก
แม้ที่ผ่านมามีแผนจะปรับปรุง Neft Dashlari โดยอาจเปลี่ยนให้เป็นรีสอร์ทตากอากาศสุดหรูในเขตร้อนชื้น แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งในปัจจุบันที่นี่มีการผลิตน้ำมันได้เพียงเล็กน้อย โดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า แหล่งน้ำมันใต้เมืองนี้จะคงอยู่ต่อไปอีกเพียง 20 - 30 ปีเท่านั้น
Cr.https://www.amusingplanet.com/2016/01/neft-daslar-city-built-on-oil-platforms.html / KAUSHIK PATOWARY
Cr.https://bock-schroeder.com/oil-and-gas-history-of-baku-azerbaijan / by Jans Bock-Schroeder
Cr.https://www.bauwelt.de/themen/Die-Erdoelstadt-Neft-Dashlari-Insel-Staedte-ohne-Zukunft-2099282.html
Cr.http://urban.guerrillasemiotics.com/?tag=azerbaijan
Cr.https://kkurojjanawong.wordpress.com/2019/12/05/oil-rock-เมืองน้ำมันที่เก่าแก่/K. Kurojjanawong
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)