[REVIEW] "สอบ IELTS หรือ Duolingo ดีคะพี่ ?" วันนี้จะมารีวิวให้ฟังแบบละเอียดไปเลย !!

สวัสดีค่ะทุกคน ก่อนอื่นเลยขอเกริ่นว่า ทำไม จขกท.ถึงมารีวิวเกี่ยวกับการสอบ IELTS และ Duolingo test  เนื่องจากว่าตัวเองกำลังจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ได้ยื่นสมัครไปในปีที่เริ่มมีการระบาดของโควิท ทั้งตัวเองและเพื่อนคนไทยที่ได้ offerจากมหาลัยแบบมีเงื่อนไข หรือที่เรียกว่า Conditional offer คือเหลือส่งคะแนนภาษานั้น ในช่วงโควิททำให้มหาลัยได้เพิ่มทางเลือกของคะแนนภาษาอังกฤษ สำหรับนักศึกษาทั่วโลก เพราะบางประเทศ สถานการณ์รุนแรงจนสนาม IELTS บางสนามได้ปิดไป  Duolingo test จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ที่มหาลัยอนุญาตให้ใช้เป็นเกณฑ์ด้านภาษา

       ส่วนตัว จขกท. ได้ offer มาในปี 2020 ช่วงที่โรคกำลังระบาดใหม่ ๆ ในประเทศอังกฤษ จึงทำเรื่องขอทางมหาลัยเลื่อนเป็นเข้าเรียนในปี 2021  พอผ่านปี 2020 ตอนนั้นคิดว่ายังไม่อยากไปสอบ IELTS เพราะว่าที่ไทยเลขขึ้นๆ ลงๆ เลยคิดว่า จะตัดสินใจไปเรียน pre-sessional ของมหาลัยเอา แต่ลืมดูหมายเหตุในจดหมาย offer ของตัวเองฉบับใหม่หลังขอเลื่อนมาเรียนปี 2021 ว่าโปรแกรมของ จขกท. ไม่รับคะแนนจากการเรียนพรี แล้วมีเดทไลน์ส่งคะแนนภาษาด้วย  ความพินาศ จึงบังเกิดตอนนี้ !!  ต้องมีคะแนนภาษาส่งภาย ใน 1 เดือนนนน

     ขอเท้าความว่าก่อนหน้านี้เคยสอบ IELTS ไปแล้วรอบนึงในปี 2019 ได้ overall 6 ฟัง6 อ่าน5.5 เขียน5.5 พูด6 พื้นฐานคือเรียนโรงเรียนไทยยันมหาลัย เรียนพิเศษภาษาอังกฤษมาเรื่อย ๆ  ก่อนไปสอบตอนปี 2019 ลงเรียน IELTS มาบ้าง แต่ครั้งนี้ จทกข. เตรียมตัวสอบแบบ Full-time บุกจริงอะไรจริง วันนี้ขอมาแชร์แบบหมดเปลือกถึงเทคนิคที่ตัวเองใช้ และเปรียบเทียบ 2 การสอบนี้จากมุมมองส่วนตัว

เทคนิคการเตรียมตัวสอบ IELTS

Listening (40ข้อ 30นาที)

พาร์ทฟัง ส่วนตัวเราขอแบ่งเป็น 4 ส่วน 
Part 1 ส่วนนี้มักจะเป็นบทสนทนา ของ 2 คน สอบถามข้อมูลส่วนตัวกัน เช่น การโทรจองโรงแรม จองตั๋ว 
หรือสัมภาษณ์แบบสำรวจ มีจำนวน 10 ข้อ เป็นพาร์ทที่หลายคนโกยคะแนนได้มากสุด ไม่ซับซ้อน แต่ต้องมีสติ สะกดให้ถูก เติมS หรือไม่S
Part 2 จากที่สอบมาส่วนนี้จะเป็น ตารางให้กรอกข้อมูล หรือแผนที่ ต้องตั้งใจฟังตำแหน่งให้ดี
Part3 เป็นบทสนทนาของนักเรียน&นักเรียน หรือนักเรียน&อาจารย์ เนื้อหาจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ lecture หรือ วิชาการหน่อยๆ 
ข้อสอบตรงนี้มักเป็น choice เทคนิคของเราคือให้อ่านโจทย์ให้ครบว่า โจทย์ถามว่าใครรู้สึกอย่างไร 
verbในประโยคคำถามพวกนี้เป็นสิ่งที่เราเอามาจับประเด็นตอนเค้าพูดได้ เช่น agree, surprise, found 
Part4 เป็นการบรรยายของคน ๆ เดียว ต้องใช้สติอย่างมากในการฟัง สังเกตศัพท์ที่พอจะดูเป็นคีย์เวิดได้ 
พูดก็พูดคือ Part4 เป็นพาร์ทที่เราคิดว่าดวงก็มีส่วน บางที่ได้เรื่องที่มีความรู้ ฟังนิดเดียวจบคำศัพท์ได้ 

    เราฝึกทำข้อสอบฟังจากช่องนี้ทุกวัน วันละ 2-3 ชุดให้คุ้นสำเนียงและวิธีการพูด ท้ายคลิปจะมีเฉลย 
จดคะแนนใส่ excel ทุกครั้ง ค่าเฉลี่ยที่ได้ตรงกับคะแนนที่เราได้ตอนสอบจริง หรือบางครั้งจะได้ลดลงมา 0.5 คะแนนแต่ไม่ทิ้งจากนี้
https://www.youtube.com/channel/UCIgELCOfrcYA9jWF4TOJUnQ

Reading (40ข้อ 60นาที)

    Readingเป็นส่วนที่เราคิดว่าต้องใช้บุญเก่า มาฝึกเอาในเวลาสั้นๆจะค่อนข้างยาก ส่วนตัวคือจะอ่าน หัวข้อและ พารากราฟแรก
จากนั้นจะอ่านคำถามแบบเร็ว ๆ ว่าเราต้องหาอาะไรจากในบทความ  คำถามมักจะมีทั้ง T, F, NG /จับคู่พารากราฟกับประโยคสรุป/ ชื่อคน/ เติมคำ/ ช้อยส์  จะมีทั้งหมด 3 บทความเรียงจากง่ายไปยาก เรามักแบ่งเวลาทำเป็น 15/20/25 นาที  การสอบแบบคอมคนมักจะกังวลว่าจะทำพาร์ทนี้ยากกว่าแบบกระดาษ ส่วนตัวเราไม่พบปัญหานี้เราว่าสะดวกมาก ยิ่งเจอพวกเติมคำนี้ ก๊อปวางได้เลย อย่างน้อยก็ไม่สะกดผิดแหละงานนี้

Writing (2ข้อ 60นาที)

    ทางผู้คุมสอบจะบอกเลยว่าให้ใช้เวลา Part 1 น้อยกว่า Part 2 เนื่องจาก Part 2 จะมีคะแนนมากกว่า  
เราแบ่งเวลาเป็น Part 1= 20 นาที Part 2 = 35นาที; 5 นาทีสุดท้ายเอามาตรวจคำผิด กับแก้ประโยคให้เพราะขึ้น 
เราฝึก Part 1 และ Part 2 ครบทุกประเภทคำถามเพื่อให้รู้แพทเทิร์นของการตอบคำถามประเภทต่างๆ  
จากประสบการณ์สิ่งที่สำคัญมากคือต้องเหลือเวลามาตรวจความถูกต้อง ครั้งที่เราทำเสร็จทันพอดีสังเกตว่า 
จะได้คะแนนน้อยกว่า ครั้งที่เหลือเวลามาตรวจคำผิด เทคนิคต่าง ๆ ของการเขียนเราดูจากเว็บนี้ ซึ่งดีมากๆ 
https://ieltsliz.com/
สอบแบบคอม ดีตรงที่มีตัวนับจำนวนคำให้ ไม่ต้องห่วงเรื่องลายมือ ย้ายประโยคไปมาได้

Speaking (3 parts 10-15นาที)

Part 1 ถามคำถามทั่วไป เรียนอยู่หรือทำงาน ส่วนนี้ตอบแบบมีเหตุผลสนับสนุน หรือยกตัวอย่างมาขยายความได้นิด ๆ หน่อย ๆ
Part 2 Examiner จะเลือกคำถามให้เราพูดสดๆ 2 นาที สามารถจด โน๊ตเพื่อวางโครงเรื่องได้ ส่วนตัวมีเทคนิคดังนี้ 
เรียงเรื่องตอบให้ครบที่โจทย์ถาม ตรงนี้ต้องตอบตรงประเด็นนะ เคยมีครั้งนึงได้เรื่องที่ไม่ค่อยมีideaแล้วตอบไม่ตรงประเด็น 
คะแนนตกเลย เขาคอนเซินมาก ๆ หากเราตอบไปนอกเรื่อง การยกตัวอย่าง หรือเล่าประสบการณ์ จะทำให้เรื่องสมบูรณ์ขึ้น  
เรื่องที่เราเคยได้มีหัวข้อเกี่ยวกับ Music, perfect job, city you want to live in future, person you admire ประมาณนี้ 
สำหรับเราคิดว่าโจทย์ที่หินคือโจทย์ที่ให้พูดดรื่องในอดีต เพราะต้องพูดให้ถูก tense
Part 3 เป็นส่วนที่จะ discuss คำถามที่เกี่ยวกับหัวข้อที่ได้จาก Part2 เทคนิคคือ ต้องตอบคำถามที่เขาถามแล้วค่อยพูดขยาย 
บอกเหตุผลว่าทำไมคิดแบบนี้ หรือมีตัวอย่างมาซับพอร์ท การใช้โครงสร้างประโยคเปรียบเทียบจะทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้น
ส่วนตัวเราเป็นคนที่พูดรัว และมักจะชอบพูดผิด พอลองอัดเสียงตัวเองมาฟังค้นพบว่าชอบพูดแบบไม่ผัน tense แก้ไข้โดยการมีสติและพูดให้ช้าขึ้น 
การฟัง BBC Learning English ในยูทูปช่วยเรื่องการสร้างคำศัพท์ในหมวดต่าง ๆ 

    เรามี Zoom คุยกับอาจารย์ฝรั่ง เพราะคิดว่าคุยกับเนทีฟเขาน่าจะช่วยแก้ได้และฝึกการฟังไปด้วย
เราซ้อมครบทุกหัวข้อในพาร์ทพูดจากเว็บนี้ https://ieltsliz.com/
เรามี list คำถามที่จำได้ตอนสอบไว้ ใครสนใจทักมาขอได้ค่ะ

เทคนิคการเตรียมตัวสอบ Duolingo test
https://englishtest.duolingo.com/

    Duolingo test ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นสำหรับใครหลาย ๆ คน เพราะยังใหม่ เป็นการสอบออนไลน์ที่สามารถสอบจากคอมพ์ของเราเองได้
มีการแบ่ง เป็น 4 Parts คล้าย ๆ การสอบภาษาอื่น ๆ ดังนี้
   
- Literacy (ความสามารถในการเขียนและการอ่าน)
- Comprehension (ความสามารถในการฟังและการอ่าน)
- Conversation(ความสามารถในการพูดและการฟัง)
- Production (ความสามารถในการเขียนและการพูด)

    คะแนนจะออกมาเป็นทั้งคะแนน overall และคะแนนแยก Part คะแนนเต็ม 160  ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เวลาสอบข้อสอบจะไม่ได้เรียงตามพาร์ทเหมือน IELTS แต่จะขึ้นมาแบบแรนดอม โดยโจทย์แต่ละข้อจะมาจากแต่ละพาร์ท
โจทย์จะมีประเภทย่อย ๆ เยอะกว่า IELTS เวลาฝึกซ้อม ต้องแบ่งเวลาให้แต่ละประเภทให้ดี 
และตอนที่เราสมัครสอบจะสามารถลองทำข้อสอบฟรีผ่านตัวเว็บได้เลย

    ส่วนตัวฝึกผ่านเว็บ https://hedwigedu.com/ ซึ่งเป็นเว็บที่จำลองไว้เหมือนจริงมาก และหลากหลายสุดๆ มีหลายข้อที่เราเจอจริงตอนสอบด้วย
มีกลุ่มFacebook : Duolingo English Test  เป็นกลุ่มที่เด็กต่างชาติจะเอาเทคนิกมาแชร์กัน ใครจะสอบจอยกรุ๊ปได้เลย
ส่วนเรื่องการเขียนของ Duolingo test จะต่างจาก IELTS เพราะแต่ละข้อจะให้เวลามาน้อยมาก แบบมาก เราลงเรียนของ https://www.udemy.com/course/duolingo-english-test/  เขาสรุปไว้ได้ดี และมีแพทเทิร์นที่สามารถเอาไปใช้ได้จริง
การฝึกความเร็วในการพิมพ์ เราฝึกจากเว็บนี้และเอามาวิเคราะห์ว่าเราจะพิมพ์ตอบได้เร็วเท่าไหรในการสอบ
https://10fastfingers.com/typing-test/english

เปรียบเทียบการสอบ IELTS (Computer) และ Duolingo test (Online)
IELTS = I
Duolingo test = DT


ราคา
I : 6,900 บาท (Academic)
DT : 49$ หรือประมาณ  1,600 บาท

การรองรับของมหาลัย
I : มีสถาบันรองรับมากกว่า ทั้งไทยและต่างประเทศ
DT : หลาย Top U ในต่างประเทศสามารถใช้ได้แล้ว  ในอังกฤษสามารถใช้ออก uncon offer ได้ 
หลังจากนั้นจะได้ CAS เอาไปทำวีซ่าได้เลย
แต่บางมหาลัยในแคนนาดาแจ้งว่าออก offer จากการใช้ Duolingo ได้ แต่ตอนทำวีซ่าทางวีซ่า ก็จะเอา IELTS ด้วยอยู่ดี 
(ของแคนนาดาได้ยินมาจากเพื่อนต่างชาติ ใครทราบเพิ่มเติมตรงนี้มาแชร์กันได้ค่ะ)

สถานที่
I : จขกท. สอบแบบคอมของทาง British council  เลือกสนามสอบที่จามจุรีสแควร์ ชั้น 24 สะดวกสบาย ห้องน้ำดี 
แต่แอร์หนาวมาก ควรเตรียมเสื้อกันหนาวไป ส่วนสัมภาระสามารถฝากในล๊อกเกอร์ได้
DT : สอบที่บ้าน หรือห้องที่ไม่มีเสียงและคนรบกวน ไม่อนุญาตให้ใช้หูฟังในการสอบนะคะ  

เวลา
I : สอบแบบ computer ของทาง British council สามารถเลือกสอบข้อเขียนเช้า หรือบ่ายได้ค่ะ 
บางคนไม่อยากตื่นเช้าก็เลอกสอบพูดตอนสายๆ และข้อเขียนบ่าย ทั้งพูดและข้อเขียนอยู่ในชั้นเดียวกันค่ะ
DT : ข้อดีคือไม่จำกัดเวลา เลือกสอบได้ 24 ชั่วโมง ใช้เวลาสอบไม่เกิน 1 ชม.

ความถี่ในการสอบ
I : สอบได้บ่อยตามต้องการ สอบแบบ computer มีให้สมัคร เกือบจะทุกวันเลยค่ะในปัจจุบัน
DT : สอบได้เดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น คือภายใน30 วัน เราสามารถสอบได้ไม่เกิน 2 ครั้ง 
** ซึ่งตรงนี้สำคัญมาก ๆ หากบางคนไม่ทราบเงื่อนไข อาจจะทำให้ส่งคะแนนไม่ทันได้ เหมาะกับคนมีเวลาสอบเรื่องๆไม่รีบใช้คะแนน

มาตฐานความปลอดภัยในการสอบ
I : แม้ว่าจะสอบแบบ computer แต่เจ้าหน้าที่ก็เคร่งตามมาตรฐานของ IELTS มีขั้นตอนต่าง ๆ ในห้องสอบจะนั่งแยกเป็นคอก ๆ
DT : ในขณะที่สอบจะมีการบันทึกวีดีโอของผู้สอบผ่านกล้องหน้า หากตาเรามองไปทางอื่นหรือดูโน๊ตที่จดไว้เค้าจะรู้ทันดี 
และคะแนนครั้งนั้นจะเป็นโมฆะให้สอบใหม่ แต่ถ้าทุจริตแบบชัดๆ ทาง Duolingo ก็จะสามารถแบนเราจากการสอบได้ 
จากการสอบเองและถามเพื่อน ๆ ในช่วงแรก ๆ ของการสอบนี้ ทาง Duolingo จะไม่เคร่งเท่าปัจจุบัน นับได้ว่ายิ่งเวลาผ่านมาเค้ายิ่งเคร่งขึ้น 
หลัง ๆ มีคนโดนสอบใหม่เยอะมาก ทำให้เสียเวลาต้องสอบอีกรอบ

การให้คะแนนและตัวข้อสอบ
I : รูปแบบข้อสอบค่อนข้างนิ่งและมีมาตรฐาน
DT : หลัง ๆ เรื่มมีรูปแบบข้อสอบหลากหลายมากขึ้น การสอบ Duolingo จะยังไม่มีการสอบแบบให้อ่านบทความ หรือเหมือน Reading ของ IELTS แต่ในเดือนหลัง ๆ มานี้เริ่มมีการเพิ่มมาในส่วนของแบบฝึกหัดที่ให้ฝึกทำ คาดว่าจะมีการนำมาใช้เร็วๆนี้  
** บางมหาลัยช่วงที่ให้ใช้คะแนน Duolingo แรก ๆ จะขอแค่คะแนนรวม แต่หลัง ๆ มีการขอแบบแยกพาร์ทด้วย ซึ่ง part production เป็นอะไรที่หินมาก ๆ เมื่อเทียบคะแนนกับ IELTS แล้ว เหมือนคะแนน Duolingo ที่มหาลัยขอไว้จะสูงกว่า IELTS เสียอีกจึงทำให้คนกลับไปสอบ IELTS กัน  แต่ถ้ามหาลัยไหนตั้งเกณฑ์คะแนนแบบแยกพาร์ทไม่สูงมาก Duolingo นั้นอาจจะง่ายกว่า ดูเป็นเคส ๆ ไป

ระยะเวลารอผลคะแนน
I : ผลคะแนนออกทางออนไลน์ 3 วันทำการหลังจากสอบ หากชนกับวันอาทิตย์อาจจะออกช้าไป 1 วัน ผลแบบกระดาษส่งทางKerry ได้รับภายในวันที่ 5-6
DT : ผลสอบออกภายใน 2 วัน กดส่งคะแนนให้มหาลัยทางเว็บได้เลย แต่ถ้าหากโดนโมฆะให้สอบใหม่ก็จะต้องรอไปอีก2วันหลังจากสอบใหม่

จากการสอบทั้งสองตัวนี้ภายใต้การเตรียมตัวประมาณ 2-3 สัปดาห์
สุดท้ายเราใช้ IELTS ยื่นทางมหาลัยไปค่ะ ได้ overall 6.5 ฟัง= 7 อ่าน= 7 เขียน= 6 พูด= 6.5 
ที่เลือกใช้ IELTS ไปเพราะว่าคะแนนDuolingo part production ที่มหาลัยต้องการยังอีกไกลกับที่เราสอบได้มากค่ะ
แนะนำว่าถ้ามหาลัยไหน ตั้งเกณฑ์ subtest ของ Duolingo ไม่สูง การสอบ Duolingo จะผ่านได้ง่ายกว่า IELTS ค่ะ
Ex มหาลัยตั้ง IELTS 6.5 subtest 6 ขึ้นไปทุกแบนด์
U เราตั้ง Duolingo 115 และ แต่ละพาร์ท 105ขึ้น ยกเว้น production 110 ขึ้น
U เพื่อนเราตั้ง Duolingo 120 และ แต่ละพาร์ท 90ขึ้น

สุดท้ายนี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลอยู่ เป็นกำลังใจให้และ ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่