.
*เรื่องสั้นเรื่องนี้มีคำอิสานและคำหยาบคายค่ะ*
————————————————————————-
แสงแดดยามสายบวกกับสายลมพัดโชยมาไม่ขาดระยะ ท้องนาเขียวขจีไปด้วยต้นข้าว หมู่นกกาโผบินเป็นกลุ่มอยู่บนท้องฟ้า บ้างก็จับต้นไม้ต้นนู้นแล้วบินไปจับต้นไม้ต้นนี้ เป็นภาพที่ดูแล้วสบายตาสบายใจที่สุด เป็นภาพที่คนเมืองไม่เคยได้เห็น
‘คนเมืองเหรอ’ ! โอมย้ำกับความคิดของตน เพียงแค่คิดก่อนจะคลี่ยิ้มให้ตนเอง และ เลิกใส่ใจกับคำนี้
โอมนอนเล่นโทรศัพท์มือถือที่แคร่ใต้ต้นมะม่วง สวมแว่นตากันแดดเรย์แบนทรงราวเมทัลสีดำ ก็อปเกรดเอตามตลาดนัด เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว วางหมวกไว้ข้าง ๆ กาย วันนี้แม่กับพ่อชวนมาหว่านปุ๋ยข้าวในนา โอมต่อให้แม่หว่านนำไปก่อน เหลือสักสองไร่ตนเองค่อยลงไปช่วย ส่วนพ่อกำลังซ่อมคันนาที่ขาดอยู่
เขาเลื่อนดูเฟซบุ๊กอย่างสบายอารมณ์ ทว่าจู่ ๆ ก็มีแจ้งเตือนหนึ่งแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา กดเข้าไปดูมีข้อความบอกว่า
…วันนี้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว…
โอมอ้าปากค้าง มือไม้อ่อน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ สมองประมวลผลให้ความจำเดิม ๆ กลับมาอีกครั้ง ทั้งที่ลืมไปแล้ว เป็นรูปถ่ายของตนเองกับผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นเจ้าของแว่นที่กำลังสวมอยู่ แม้จะซื้อที่ตลาดนัดก็เถอะ มันก็มีความหมาย เป็นคนที่ใช้เวลาบ่มเพาะต้นรักมาตั้ง 6 ปีตั้งแต่ ม.1 ยัน ม.6 สุดท้ายต้องแพ้คนเมือง 6 เดือน ! ‘6 ปีแพ้ 6 เดือน ! ‘
‘คนเมือง’ ใช่คำนี้โอมนึกถึงแต้วนั่นเอง แต้วบอกจะไปทำงานที่กรุงเทพหลังจบ ม.6 ไม่เรียนต่อ ส่วนโอมเรียนต่อที่ราชภัฏจังหวัดใกล้เคียง ไปได้ไม่ทันเท่าไหร่แต้วส่งข้อความมาบอกเลิก โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย สุดท้ายต้องปล่อยแต้วไปตามทางที่ต้องการ แต่ โอมยังรักแต้วเสมอ
วันนี้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว
‘แต้วจะรักโอมตลอดไป ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่’ เป็นคำพูดที่แต้วโพสต์พร้อมแท็กชื่อของเขา มีรูปที่แต้วลงไว้หลายรูป เขาเผยยิ้มที่มุมปากแบบยอมรับความพ่ายแพ้ เลื่อนดูไปทีละรูป ๆ
“โคตรมารดามืงเอ้ย… บักเฟซบุ๊ก ! ขั้นมืงสิเฮ็ดจังซี้นะ มาขี้ใส่ใจกูโลด ! ฮึ… ฮึ ฮา !” เค้นเสียงหัวเราะออกมาอย่างตลก สบถด้วยถ้อยคำหยาบคายกึ่งตลก นึกตลกแต่ทำไมน้ำตามันต้องไหลออกมาด้วย ไม่ยอมเช็ดน้ำตาที่ไหล ปล่อยให้มันไหลเป็นทางอยู่อย่างนั้น แม่กับพ่อไม่มีทางมาเจอหรอก อยู่กลางทุ่งนู่น ถึงน้ำตาจะไหลอย่างไร เขายังเค้นเสียงหัวเราะออกมาเยาะเย้ยความพ่ายแพ้นี้ของตนเอง
“กูลืมไปเมิดแล้วหนา ! มืงคือมาเตือนความจำให้กูจำได้เฮ็ดหยัง ! บักเฟซบุ๊กเอ้ยเฟซบุ๊ก ! “ พูดกับหน้าจอโทรศัพท์ แถมยังเปิดรูปตนเองกับอดีตแฟนสาวค้างไว้ไม่ยอมปิดลง
ขณะนี้สมองกับหัวใจของโอมกำลังทำศึกสงครามกันอยู่ หัวใจอยากทราบข่าว อยากรู้ว่าแต้วเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหมตั้งแต่เลิกกันไป ตอนเลิกกันวันแรกโอมลบแต้วออกจากเพื่อนในเฟซบุ๊กทันทีเพราะอยากลืม สมองกลับสั่งห้ามไม่ให้ทำ
สมอง เผื่อแต้วอยู่กับแฟนจะทักหาไม่ได้ แต้วเป็นคนบอกเลิกนะ แต้วผิดสัญญานะ ‘เราเลิกกันเถอะโอมแต้วมีคนใหม่แล้ว ‘ ข้อความบอกเลิกของแต้วประโยคสั้น ๆ มันยังชัดเจนในหัว
หัวใจ แต้วทำอะไรอยู่ ลืมกันแล้วหรือยัง ลืม 6 ปีของเราได้จริงหรือ คบกับเขาสบายดีหรือเปล่า เขาดูแลดีไหม ตัดบัวไม่เหลือใยจริง ๆ เหรอ เรากลับมารักกันอีกได้ไหม เลิกกับมันได้ไหม โอมรักแต้ว โอมยังรอแต้วเสมอ
สมอง ไม่ ! แต้วใจร้าย แต้วเลว แต้วเลือกเขาไม่ใช่มืง แต้วเป็นคนทิ้งมืงไป
หัวใจ โอมรอแต้วเสมอนะ…
“ฮื้ย” !!! โอมสบถพร้อมเขี่ยหน้าจอโทรศัพท์แรง ๆ เร็ว ๆ เพื่อกำจัดความคิดที่ตีกันของตนเอง และแล้วสมองก็แพ้ใจ เพราะอะไรไม่รู้โอมถึงอยากเข้าไปค้นโปรไฟล์เฟซบุ๊กของแต้ว
“เบิ่งรูปแฟนเขาบ่เป็นหยังหรอกโอม กะคือมืงเบิ่งรูปผู้หญิงคนอื่นนั่นล่ะ” บอกกับตัวเอง ก่อนจะเลื่อนดูโพสต์และรูปของแต้ว
มือไม้และหัวใจต้องสั่นอีกครั้ง เมื่อเจอโพสต์พร้อมข้อความผิดหวังของแต้ว โอมดูได้เพราะแต้วตั้งค่าโพสต์ทุกโพสต์เป็นสาธารณะ เหมือนอยากให้บางคนได้รับรู้
ในหน้าวอลล์หรือหน้าฟีดข่าวของแต้ว เขาเจอโพสต์ตัดพ้อตนเองและรู้สึกผิด เจอโพสต์สมน้ำหน้าตนเองของแต้ว เจอโพสต์กล่าวขอโทษใครบางคน และคนนั้นคือเขาเอง เพราะ ชื่อที่แต้วพิมพ์มันเป็นชื่อโปรไฟล์ของเขา
…แต้วขอโทษ แต้วโง่เอง หากมีโอกาสได้กลับไปอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง สัญญาจะรักษาไว้ให้ดีที่สุด จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว แต้วรู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ ไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไป เพียงคำขอโทษมันคงไม่พอ แต่แต้วก็อยากจะขอโทษ Oom Boogeyman ฉันโง่เอง !…
แต้วโพสต์เอาไว้เมื่อ 2 วันที่แล้ว แถมยังพิมพ์ชื่อโปรไฟล์ของเขาลงไปด้วยอีก เพียงพิมพ์ชื่อเท่านั้นไม่ได้ติดแฮชแท็ก หัวใจเต้นเร็วอีกครั้ง มือกดหน้าจอโทรศัพท์ไปที่ปุ่มส่งข้อความ ด้วยความรักที่ยังท่วมท้นไม่เคยจางหาย ไม่เคยลืมแต้วได้สักวัน
ทว่ามือต้องหยุดชะงักค้างกลางอากาศ เมื่อสมองกับหัวใจทะเลาะกันอีกแล้ว ถึงอย่างไรแต้วก็เป็นคนผิดสัญญาเอง เป็นคนปล่อยมือไปเอง เป็นคนทำลายความรักเอง แต่ก็รักเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน สุดท้ายหาทางออกของปัญหาจนได้คือ แชร์ความทรงจำนั้นออกไป หวังเล็ก ๆ ว่าแต้วคงจะผ่านมาเห็นความทรงจำนี้
วันนี้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว
…ตะกี้อ้ายเคยฮักเจ้าจังใด ตอนนี้อ้ายกะฮักเจ้าคือเก่านั่นล่ะ ขั้นหม่องนั้นบ่เป็นตาอยู่กะกลับมาเด้อ อ้ายรับได้เสมอ…
โอมนับหนึ่งถึงสามกดแชร์อดีตที่หวานชื่นออกไปสู่สาธารณะ พร้อมโพสต์ข้อความประโยคสั้น ๆ เอาไว้ ทันทีที่กดส่งออกไปยังหน้าฟีดข่าว ก็มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา โอมกดเปิดดูเผื่อพวกเพื่อน ๆ เข้ามาแซวมาล้อจะได้ด่ากลับได้ทันเหตุการณ์ แต่แล้วหัวใจเกือบหยุดเต้น เกือบช็อคตายคาที่ใต้ต้นมะม่วง เมื่อแจ้งเตือนนั้นเป็นชื่อโปรไฟล์ที่คุ้นเคย T’Teaw Chanadda
“ตะแต้ว “ !!!! สบถออกมาอีกครั้ง แต้วมากดถูกใจเฟซบุ๊กเขาได้อย่างไร แปลว่า ! แปลว่าแต้วแอบติดตามเขามาตลอดอย่างนั้นหรือ ตอนนี้ไม่สนใจสมงสมองจะห้ามอะไรทั้งนั้น ขอทำตามหัวใจเรียกร้องก็แล้วกัน ถ้าจะผิดหวังก็ถือว่าตนเองเกิดมาเพื่อ ‘ช้ำใจ’ สำหรับชาตินี้
“สวัสดีครับผู้สาว ทักทายคุยนำได้บ่หนิครับ ถ้าแฟนอยู่ข้าง ๆ ผมขอโทษเด้อครับ บ่ฮู้อิหลิ บล็อกผมเลยกะได้” สุดท้ายก็กดเพิ่มเพื่อนในเฟซบุ๊กกับแต้วไป แถมส่งแชทไปทักทายด้วยหัวใจพองโต ด้วยความหวังอีกครั้ง
“บ่มีแฟนหรอกจ้า โสด ! ตะกี้เคยมีตะถิ่มเพิ่นไปแล้ว เฮาชั่วคัก” เฟซบุ๊กปลายทางตอบกลับมาอย่างเร็ว อย่างกลับรอข้อความจากเขาอยู่อย่างนั้น
โอมหัวเราะชักดิ้นชักงออยู่คนเดียว กลิ้งไปกลิ้งมาบนแคร่ด้วยความเขินปนตลกปนดีใจผสมกันไปหมด “เพิ่นบ่ว่าหรอกครับ สบายใจได้ เพิ่นยังฮักคือเก่านั่นล่ะ เชื่อผมหนิเพิ่นยังฮักคือเก่าล้านเปอร์เซ็นต์ครับ ว่าตะถ้าตอนนี้โสด ผมขอจีบ ขอเป็นแฟนได้บ่ครับ” โอมยิ้มด้วยความเขิน กลิ้งไปกลิ้งมาบนแค่อยู่อย่างนั้น
“บักโอม !!! ลูกบักห่ากินหัวมืง ยามใดมืงสิมาวานปุ๋ยเข่าซอยกุหนิ มืงสิให้กูวานจนแล้วพุ่นบ่มืงจังสิมา” เสียงของแม่ตะโกนด่ามาจากกลางทุ่ง ทำให้โลกสีชมพูหม่นลงกลายเป็นสีเทาทันที ยังไม่ดำมืดสนิทเพราะยังคงสีชมพูเอาไว้อยู่
“อะแฮ่ม ! อืม…อืม ! กะลูกข่อยนั่นล๊า หน้าตาคือข่อยปานหนิน้อ” พ่อสำลักน้ำลายเมื่อแม่ตะโกนด่า พ่อกำลังใช้จอบขุดดินในนามาปิดคันนาที่ขาดอยู่อีกมุมของนา ตะโกนตอบแม่ไปเช่นกัน
“ค๊าบแม่ ! เดี๋ยวโอมไปแล้วครับ ไปเดี๋ยวนี่ล่ะ” โอมตะโกนตอบแม่กลับไป ไม่สะทกสะท้านกับคำด่าของแม่สักนิด
“จะของเดี๋ยวเขาไปเฮ็ดเวียกซอยแม่ก่อนเด้อ จะของเฮ็ดงานบ่หนิ มื้อแลงเขาโทรหาได้บ่” โอมสั่งลา
“โอมบ่ต้องโทรหาเขาหรอก” แต้วตอบกลับมา ทำเอาโอมหุบยิ้มแทบไม่ทัน ใจสั่นมือสั่นอีกแล้ว
“เป็นหยัง” พิมพ์ตอบกลับไปด้วยใจหวาดหวั่น
“เพราะแต้วอยู่บ้านแล้ว โอมมาหาแต้วอยู่บ้านเด้อ แต้วบ่ไปกรุงเทพแล้ว แต้วบ่ถิ่มโอมไปไสอีกแล้ว โอมยังฮักแต้วอิหลิบ่” เมื่อได้อ่านข้อความครั้งนี้แทบพาตัวเองเหาะขึ้นไปบนอากาศ กระโดดลงจากแคร่วิ่งไปกลางทุ่งนา ไม่สนสายตาของพ่อกับแม่หรือลุงป้าที่มองมา ตะโกนออกไปเสียงดัง
“เย้ ! ว๊าว เย้ส ๆ ว๊าว ฮา ดีใจว้อย” โอมกระโดดโลดเต้นอยู่กลางทุ่งนา ก่อนจะรีบวิ่งกลับมาที่แคร่ใต้ต้นมะม่วงเหมือนเดิม วิ่งกลับมาตอบแชทแต้ว “ครับ แต้วแค่นี่ก่อนเด้อโอมไปวานปุ๋ยเข่าให้แม่ก่อน มื้อแลงโอมสิไปหายุเฮือนเด้อ”
“จ้า “ แต้วตอบกลับมา โอมรีบหยิบหมวกสวมใส่ให้เรียบร้อย วิ่งไปหาผู้เป็นแม่ที่กลางทุ่ง ผ่านหน้าพ่อไปแบบไม่ใยดี
“แม่เจ้าเซาเฮ็ดเลย ! ไปขึ้นไปนั่งเทิงเถียง หนีไปหาเซาฮ่มพุ่น อย่ามาเฮ็ดตากแดดตากลม เบิ่งโอมสิวานเอง ไปเจ้าไปขึ้นไปนั่งอยู่เถียง” โอมไล่แม่ขึ้นไปพัก ตนเองจะอาสาทำเอง
“มืงคือบอกตะแม่มืงไปพักแถะ มืงคือบ่บอกกุไปพักนำแน” พ่อพูดขึ้นเมื่อได้ยินเขาบอกแม่ไปพัก
“พ่อเจ้ากะขึ้นไปเซาเมือยเลย บ่ยากซำคันแทนาขาด ! โอมปั้นเอง” ตะโกนคุยกับพ่อ มือก็กำลังหว่านปุ๋ยข้าวอยู่ ข้าวปีนี้คงได้เกินร้อยกระสอบแน่นอน…
ณ โรงพยาบาล
อืมม์ ! ทุกคนครับคุณหมอบอกว่าแต้วท้องได้ 8 เดือนแล้ว เดือนหน้าเราก็จะได้เจอหน้าลูกสาวแล้วครับ ไม่รู้ว่าผมจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ เพราะผมพึ่งกลับมาคบกับแต้วได้ 5 เดือนเองน่ะสิครับ ผมต้องทำยังไงครับเนี่ย!!!
ล้อเล่นค๊าบ!!!!
จบ…
เรื่องสั้น : ร.ธ.รักเธอนะ
.
*เรื่องสั้นเรื่องนี้มีคำอิสานและคำหยาบคายค่ะ*
————————————————————————-
แสงแดดยามสายบวกกับสายลมพัดโชยมาไม่ขาดระยะ ท้องนาเขียวขจีไปด้วยต้นข้าว หมู่นกกาโผบินเป็นกลุ่มอยู่บนท้องฟ้า บ้างก็จับต้นไม้ต้นนู้นแล้วบินไปจับต้นไม้ต้นนี้ เป็นภาพที่ดูแล้วสบายตาสบายใจที่สุด เป็นภาพที่คนเมืองไม่เคยได้เห็น
‘คนเมืองเหรอ’ ! โอมย้ำกับความคิดของตน เพียงแค่คิดก่อนจะคลี่ยิ้มให้ตนเอง และ เลิกใส่ใจกับคำนี้
โอมนอนเล่นโทรศัพท์มือถือที่แคร่ใต้ต้นมะม่วง สวมแว่นตากันแดดเรย์แบนทรงราวเมทัลสีดำ ก็อปเกรดเอตามตลาดนัด เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว วางหมวกไว้ข้าง ๆ กาย วันนี้แม่กับพ่อชวนมาหว่านปุ๋ยข้าวในนา โอมต่อให้แม่หว่านนำไปก่อน เหลือสักสองไร่ตนเองค่อยลงไปช่วย ส่วนพ่อกำลังซ่อมคันนาที่ขาดอยู่
เขาเลื่อนดูเฟซบุ๊กอย่างสบายอารมณ์ ทว่าจู่ ๆ ก็มีแจ้งเตือนหนึ่งแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา กดเข้าไปดูมีข้อความบอกว่า
…วันนี้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว…
โอมอ้าปากค้าง มือไม้อ่อน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ สมองประมวลผลให้ความจำเดิม ๆ กลับมาอีกครั้ง ทั้งที่ลืมไปแล้ว เป็นรูปถ่ายของตนเองกับผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นเจ้าของแว่นที่กำลังสวมอยู่ แม้จะซื้อที่ตลาดนัดก็เถอะ มันก็มีความหมาย เป็นคนที่ใช้เวลาบ่มเพาะต้นรักมาตั้ง 6 ปีตั้งแต่ ม.1 ยัน ม.6 สุดท้ายต้องแพ้คนเมือง 6 เดือน ! ‘6 ปีแพ้ 6 เดือน ! ‘
‘คนเมือง’ ใช่คำนี้โอมนึกถึงแต้วนั่นเอง แต้วบอกจะไปทำงานที่กรุงเทพหลังจบ ม.6 ไม่เรียนต่อ ส่วนโอมเรียนต่อที่ราชภัฏจังหวัดใกล้เคียง ไปได้ไม่ทันเท่าไหร่แต้วส่งข้อความมาบอกเลิก โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย สุดท้ายต้องปล่อยแต้วไปตามทางที่ต้องการ แต่ โอมยังรักแต้วเสมอ
วันนี้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว ‘แต้วจะรักโอมตลอดไป ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่’ เป็นคำพูดที่แต้วโพสต์พร้อมแท็กชื่อของเขา มีรูปที่แต้วลงไว้หลายรูป เขาเผยยิ้มที่มุมปากแบบยอมรับความพ่ายแพ้ เลื่อนดูไปทีละรูป ๆ
“โคตรมารดามืงเอ้ย… บักเฟซบุ๊ก ! ขั้นมืงสิเฮ็ดจังซี้นะ มาขี้ใส่ใจกูโลด ! ฮึ… ฮึ ฮา !” เค้นเสียงหัวเราะออกมาอย่างตลก สบถด้วยถ้อยคำหยาบคายกึ่งตลก นึกตลกแต่ทำไมน้ำตามันต้องไหลออกมาด้วย ไม่ยอมเช็ดน้ำตาที่ไหล ปล่อยให้มันไหลเป็นทางอยู่อย่างนั้น แม่กับพ่อไม่มีทางมาเจอหรอก อยู่กลางทุ่งนู่น ถึงน้ำตาจะไหลอย่างไร เขายังเค้นเสียงหัวเราะออกมาเยาะเย้ยความพ่ายแพ้นี้ของตนเอง
“กูลืมไปเมิดแล้วหนา ! มืงคือมาเตือนความจำให้กูจำได้เฮ็ดหยัง ! บักเฟซบุ๊กเอ้ยเฟซบุ๊ก ! “ พูดกับหน้าจอโทรศัพท์ แถมยังเปิดรูปตนเองกับอดีตแฟนสาวค้างไว้ไม่ยอมปิดลง
ขณะนี้สมองกับหัวใจของโอมกำลังทำศึกสงครามกันอยู่ หัวใจอยากทราบข่าว อยากรู้ว่าแต้วเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหมตั้งแต่เลิกกันไป ตอนเลิกกันวันแรกโอมลบแต้วออกจากเพื่อนในเฟซบุ๊กทันทีเพราะอยากลืม สมองกลับสั่งห้ามไม่ให้ทำ
สมอง เผื่อแต้วอยู่กับแฟนจะทักหาไม่ได้ แต้วเป็นคนบอกเลิกนะ แต้วผิดสัญญานะ ‘เราเลิกกันเถอะโอมแต้วมีคนใหม่แล้ว ‘ ข้อความบอกเลิกของแต้วประโยคสั้น ๆ มันยังชัดเจนในหัว
หัวใจ แต้วทำอะไรอยู่ ลืมกันแล้วหรือยัง ลืม 6 ปีของเราได้จริงหรือ คบกับเขาสบายดีหรือเปล่า เขาดูแลดีไหม ตัดบัวไม่เหลือใยจริง ๆ เหรอ เรากลับมารักกันอีกได้ไหม เลิกกับมันได้ไหม โอมรักแต้ว โอมยังรอแต้วเสมอ
สมอง ไม่ ! แต้วใจร้าย แต้วเลว แต้วเลือกเขาไม่ใช่มืง แต้วเป็นคนทิ้งมืงไป
หัวใจ โอมรอแต้วเสมอนะ…
“ฮื้ย” !!! โอมสบถพร้อมเขี่ยหน้าจอโทรศัพท์แรง ๆ เร็ว ๆ เพื่อกำจัดความคิดที่ตีกันของตนเอง และแล้วสมองก็แพ้ใจ เพราะอะไรไม่รู้โอมถึงอยากเข้าไปค้นโปรไฟล์เฟซบุ๊กของแต้ว
“เบิ่งรูปแฟนเขาบ่เป็นหยังหรอกโอม กะคือมืงเบิ่งรูปผู้หญิงคนอื่นนั่นล่ะ” บอกกับตัวเอง ก่อนจะเลื่อนดูโพสต์และรูปของแต้ว
มือไม้และหัวใจต้องสั่นอีกครั้ง เมื่อเจอโพสต์พร้อมข้อความผิดหวังของแต้ว โอมดูได้เพราะแต้วตั้งค่าโพสต์ทุกโพสต์เป็นสาธารณะ เหมือนอยากให้บางคนได้รับรู้
ในหน้าวอลล์หรือหน้าฟีดข่าวของแต้ว เขาเจอโพสต์ตัดพ้อตนเองและรู้สึกผิด เจอโพสต์สมน้ำหน้าตนเองของแต้ว เจอโพสต์กล่าวขอโทษใครบางคน และคนนั้นคือเขาเอง เพราะ ชื่อที่แต้วพิมพ์มันเป็นชื่อโปรไฟล์ของเขา
…แต้วขอโทษ แต้วโง่เอง หากมีโอกาสได้กลับไปอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง สัญญาจะรักษาไว้ให้ดีที่สุด จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว แต้วรู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ ไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไป เพียงคำขอโทษมันคงไม่พอ แต่แต้วก็อยากจะขอโทษ Oom Boogeyman ฉันโง่เอง !…
แต้วโพสต์เอาไว้เมื่อ 2 วันที่แล้ว แถมยังพิมพ์ชื่อโปรไฟล์ของเขาลงไปด้วยอีก เพียงพิมพ์ชื่อเท่านั้นไม่ได้ติดแฮชแท็ก หัวใจเต้นเร็วอีกครั้ง มือกดหน้าจอโทรศัพท์ไปที่ปุ่มส่งข้อความ ด้วยความรักที่ยังท่วมท้นไม่เคยจางหาย ไม่เคยลืมแต้วได้สักวัน
ทว่ามือต้องหยุดชะงักค้างกลางอากาศ เมื่อสมองกับหัวใจทะเลาะกันอีกแล้ว ถึงอย่างไรแต้วก็เป็นคนผิดสัญญาเอง เป็นคนปล่อยมือไปเอง เป็นคนทำลายความรักเอง แต่ก็รักเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน สุดท้ายหาทางออกของปัญหาจนได้คือ แชร์ความทรงจำนั้นออกไป หวังเล็ก ๆ ว่าแต้วคงจะผ่านมาเห็นความทรงจำนี้
วันนี้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว
…ตะกี้อ้ายเคยฮักเจ้าจังใด ตอนนี้อ้ายกะฮักเจ้าคือเก่านั่นล่ะ ขั้นหม่องนั้นบ่เป็นตาอยู่กะกลับมาเด้อ อ้ายรับได้เสมอ…
โอมนับหนึ่งถึงสามกดแชร์อดีตที่หวานชื่นออกไปสู่สาธารณะ พร้อมโพสต์ข้อความประโยคสั้น ๆ เอาไว้ ทันทีที่กดส่งออกไปยังหน้าฟีดข่าว ก็มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา โอมกดเปิดดูเผื่อพวกเพื่อน ๆ เข้ามาแซวมาล้อจะได้ด่ากลับได้ทันเหตุการณ์ แต่แล้วหัวใจเกือบหยุดเต้น เกือบช็อคตายคาที่ใต้ต้นมะม่วง เมื่อแจ้งเตือนนั้นเป็นชื่อโปรไฟล์ที่คุ้นเคย T’Teaw Chanadda
“ตะแต้ว “ !!!! สบถออกมาอีกครั้ง แต้วมากดถูกใจเฟซบุ๊กเขาได้อย่างไร แปลว่า ! แปลว่าแต้วแอบติดตามเขามาตลอดอย่างนั้นหรือ ตอนนี้ไม่สนใจสมงสมองจะห้ามอะไรทั้งนั้น ขอทำตามหัวใจเรียกร้องก็แล้วกัน ถ้าจะผิดหวังก็ถือว่าตนเองเกิดมาเพื่อ ‘ช้ำใจ’ สำหรับชาตินี้
“สวัสดีครับผู้สาว ทักทายคุยนำได้บ่หนิครับ ถ้าแฟนอยู่ข้าง ๆ ผมขอโทษเด้อครับ บ่ฮู้อิหลิ บล็อกผมเลยกะได้” สุดท้ายก็กดเพิ่มเพื่อนในเฟซบุ๊กกับแต้วไป แถมส่งแชทไปทักทายด้วยหัวใจพองโต ด้วยความหวังอีกครั้ง
“บ่มีแฟนหรอกจ้า โสด ! ตะกี้เคยมีตะถิ่มเพิ่นไปแล้ว เฮาชั่วคัก” เฟซบุ๊กปลายทางตอบกลับมาอย่างเร็ว อย่างกลับรอข้อความจากเขาอยู่อย่างนั้น
โอมหัวเราะชักดิ้นชักงออยู่คนเดียว กลิ้งไปกลิ้งมาบนแคร่ด้วยความเขินปนตลกปนดีใจผสมกันไปหมด “เพิ่นบ่ว่าหรอกครับ สบายใจได้ เพิ่นยังฮักคือเก่านั่นล่ะ เชื่อผมหนิเพิ่นยังฮักคือเก่าล้านเปอร์เซ็นต์ครับ ว่าตะถ้าตอนนี้โสด ผมขอจีบ ขอเป็นแฟนได้บ่ครับ” โอมยิ้มด้วยความเขิน กลิ้งไปกลิ้งมาบนแค่อยู่อย่างนั้น
“บักโอม !!! ลูกบักห่ากินหัวมืง ยามใดมืงสิมาวานปุ๋ยเข่าซอยกุหนิ มืงสิให้กูวานจนแล้วพุ่นบ่มืงจังสิมา” เสียงของแม่ตะโกนด่ามาจากกลางทุ่ง ทำให้โลกสีชมพูหม่นลงกลายเป็นสีเทาทันที ยังไม่ดำมืดสนิทเพราะยังคงสีชมพูเอาไว้อยู่
“อะแฮ่ม ! อืม…อืม ! กะลูกข่อยนั่นล๊า หน้าตาคือข่อยปานหนิน้อ” พ่อสำลักน้ำลายเมื่อแม่ตะโกนด่า พ่อกำลังใช้จอบขุดดินในนามาปิดคันนาที่ขาดอยู่อีกมุมของนา ตะโกนตอบแม่ไปเช่นกัน
“ค๊าบแม่ ! เดี๋ยวโอมไปแล้วครับ ไปเดี๋ยวนี่ล่ะ” โอมตะโกนตอบแม่กลับไป ไม่สะทกสะท้านกับคำด่าของแม่สักนิด
“จะของเดี๋ยวเขาไปเฮ็ดเวียกซอยแม่ก่อนเด้อ จะของเฮ็ดงานบ่หนิ มื้อแลงเขาโทรหาได้บ่” โอมสั่งลา
“โอมบ่ต้องโทรหาเขาหรอก” แต้วตอบกลับมา ทำเอาโอมหุบยิ้มแทบไม่ทัน ใจสั่นมือสั่นอีกแล้ว
“เป็นหยัง” พิมพ์ตอบกลับไปด้วยใจหวาดหวั่น
“เพราะแต้วอยู่บ้านแล้ว โอมมาหาแต้วอยู่บ้านเด้อ แต้วบ่ไปกรุงเทพแล้ว แต้วบ่ถิ่มโอมไปไสอีกแล้ว โอมยังฮักแต้วอิหลิบ่” เมื่อได้อ่านข้อความครั้งนี้แทบพาตัวเองเหาะขึ้นไปบนอากาศ กระโดดลงจากแคร่วิ่งไปกลางทุ่งนา ไม่สนสายตาของพ่อกับแม่หรือลุงป้าที่มองมา ตะโกนออกไปเสียงดัง
“เย้ ! ว๊าว เย้ส ๆ ว๊าว ฮา ดีใจว้อย” โอมกระโดดโลดเต้นอยู่กลางทุ่งนา ก่อนจะรีบวิ่งกลับมาที่แคร่ใต้ต้นมะม่วงเหมือนเดิม วิ่งกลับมาตอบแชทแต้ว “ครับ แต้วแค่นี่ก่อนเด้อโอมไปวานปุ๋ยเข่าให้แม่ก่อน มื้อแลงโอมสิไปหายุเฮือนเด้อ”
“จ้า “ แต้วตอบกลับมา โอมรีบหยิบหมวกสวมใส่ให้เรียบร้อย วิ่งไปหาผู้เป็นแม่ที่กลางทุ่ง ผ่านหน้าพ่อไปแบบไม่ใยดี
“แม่เจ้าเซาเฮ็ดเลย ! ไปขึ้นไปนั่งเทิงเถียง หนีไปหาเซาฮ่มพุ่น อย่ามาเฮ็ดตากแดดตากลม เบิ่งโอมสิวานเอง ไปเจ้าไปขึ้นไปนั่งอยู่เถียง” โอมไล่แม่ขึ้นไปพัก ตนเองจะอาสาทำเอง
“มืงคือบอกตะแม่มืงไปพักแถะ มืงคือบ่บอกกุไปพักนำแน” พ่อพูดขึ้นเมื่อได้ยินเขาบอกแม่ไปพัก
“พ่อเจ้ากะขึ้นไปเซาเมือยเลย บ่ยากซำคันแทนาขาด ! โอมปั้นเอง” ตะโกนคุยกับพ่อ มือก็กำลังหว่านปุ๋ยข้าวอยู่ ข้าวปีนี้คงได้เกินร้อยกระสอบแน่นอน…
ณ โรงพยาบาล
อืมม์ ! ทุกคนครับคุณหมอบอกว่าแต้วท้องได้ 8 เดือนแล้ว เดือนหน้าเราก็จะได้เจอหน้าลูกสาวแล้วครับ ไม่รู้ว่าผมจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ เพราะผมพึ่งกลับมาคบกับแต้วได้ 5 เดือนเองน่ะสิครับ ผมต้องทำยังไงครับเนี่ย!!!
ล้อเล่นค๊าบ!!!!
จบ…