ประสบการณ์การติดโควิด season คุณเข้ารอบในการติดจ้า เลี่ยงมาได้หลาย season แต่รอบนี้ มันคือระบาดหนักจริงๆ

ก่อนอื่นเลย เราติดมาจากเพื่อน สาเหตุที่ติดคือ นัดเจอกันแล้วกินข้าว พอกินข้าวคือถอดแมส โทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวเองที่ประมาท เลยจริงๆๆ  แต่ความโชคร้ายก็มีความโชคดีที่ เราไม่ได้แพร่เชื้อให้คนในครอบครัวติดเลย หรือแม้คนที่ทำงาน อาจจะเพราะเรารู้เร็วว่าคนที่เราไปเจอมาติด เรารีบแยกการกินข้าวกับคนในครอบครัว ใส่แมสอยู่ในบ้าน แล้วอยู่แต่ในห้องของตัวเอง คือ  เราไปเจอคนแพร่เชื้อวันอังคาร พอวันเสาร์รู้ว่าคนนั้นติด เราไปตรวจวันอาทิตย์ ซึ่งการตรวจหาเชื้อ ต้อง 5-7 ที่รับเชื้อมาถึงจะตรวจหาเจอได้ ตอนไม่รู้ผลคือตื่นเต้นลุ้นผลมาก ตอนวันเสาร์เราเริ่มมีไข้แล้ว แต่พอกินยาพาราแล้ว วันอาทิตย์คือรู้สึกดีขึ้นหายไข้เลย มันทำให้ไม่แน่ใจว่าเราจะติดหรือเปล่า

      ผลจากการตรวจเราได้รับผลวันจันทร์ คือทาง รพ จะโทรมาแจ้งผล วันนั้นเครียดมากก่อนรู้ผล คือท้องคือกเกร็งไปหมดเหมือนรู้ลุ้นผลสอบเข้ามหาลัยเลย ฟิลเดียวกันเลย พอ รพ โทรมาคอนเฟริมว่า คุณติดเชื้อ เหมือนชีวิตได้คำตอบ อาการปวดท้องหาย แต่ความเครียดทุกอย่างเริ่มมา คือ เราไปแพร่เชื้อให้คนรอบข้างไปกี่คน ที่เครียดมากที่สุดคือ เราได้ไปเจอหลานมาวันพุธ ซึ่งในใจก็ภาวนาว่าขออย่าให้หลานติดเลย ความรู้สึกผิดมากองรวมอยู่ มีแต่คำว่าขอโทษเต็มไปหมด รู้สึกผิดกับคนรอบข้าง ที่ทำงาน คนที่ว่าจะติดโควิดจากเราไปคือ จะเจอความเครียดตรงนี้มากที่สุด หลังเราเข้ารักษา ทุกคนรอบข้างที่เสี่ยงทุกคนไปตรวจมาไม่เจอทำให้หายเครียดไปได้ประมาณหนึ่ง

     พอรู้ผลวันจันทร์ วันอังคารคือ รถ รพ จะมารับ คือต้องเตรียม ของเพื่อรักษาไป 14 วัน เราเตรียมเสื้อผ้าไปไม่ครบ 14 เท่าไร แต่สิ่งที่เตรียมไปมี อุปกรณ์เครื่องใช้ พวกปลั๊กพวง ผงซักฟอก ไม่แขวน ไดร้เป่าผม วิตามินต่างๆ น้ำขิงซอง(อันนี้สำคัญ มันช่วยฟื้นฟูร่างกายได้เยอะ) พอนั่งรถไป รพ แล้วคือ เค้ามาให้เรามารอกองกับคนอื่นๆที่ติด ตรงโซนที่เราไปรอรวมกับคนอื่นมีประมาณเกือบ 60 คนได้ที่เป็น ทุกคนต้องรอ เจาะเลือด x-ray ปอด เพื่อดูผลในการส่งแยกไปรักษาที่ไหน เราได้ไปรักษาที่ hospitel เพราะมีอาการไม่เยอะ แต่เนื่องมีคนเป็นเยอะห้องเรามีคนป่วยในห้อง 3 คน เพื่อนร่วมห้องเรา ยายกับหลานครอบครัวเดียวกัน เค้าติดกันทั้งครอบครัวเลย แต่คนที่เป็นยายคืออายุ 60 กว่าแต่สุขภาพดีมากไม่มีอาการเลย ในห้องถ้าเปรียบเทียบคือเราหนักสุด เพราะมีอาการไอมากที่สุดคนอื่นแทบจะไม่มีอาการเลย อยู่กับการดูแลตัวเองมาก่อนหน้านี้จริงๆ

    เรารู้สึกโชคดดีที่ได้รักษาที่ เกษมราษฎร์ บางแค เค้าเช็คตรวจละเอียดทุกวัน เสียอย่างเดียวอาหารของโรงแรมคือไม่อร่อยเลยจริงๆ ต้องทนฝืนกินทุกวันคืนแรกที่เข้าไปอยู่ ตอนแรกเราไม่มีอาการอะไรเลย แต่พอคืนนั้นคือไข้สูง ทุกคนที่ก่อนเข้าพักจะได้ยาพารา อาการเราคือมีไข้กลางคืนรู้สึกหนาวมาก ได้ยาพาราที่ทำให้นอนได้ เรามีไข้อยู่ 3 วัน ช่วงนั้น จะมีการ x-ray ปอด วันเว้นวัน สี่วันแรกปอดปกติ พอวันที่ห้า หมอแจ้งว่าที่ปอดเราด้านขวามีฝา จากนั้นเค้าจะให้ยาต้านไวรัสเราเลยทันทีตอนค่ำ พอเรามีฝาที่ปอด จากนั้นคือ ต้อง x-ray ปอดทุกวันเพื่อเช็ค  

   การรักษาที่ hospitel จะมีการวัดไข้ วัดความดัน วัดออกซิเจน วันละ 2 เวลา หมอจะโทรมาถามอาการเราทุกวันวันละ 1 ครั้งและบอกผลx-ray ปอดเราทุกวัน เรากินยาต้านไวรัสอยู่ 5 วัน วันแรกที่กินคือกินครั้งละ 9 เม็ด 2 ครั้งต่อวัน เช้ากับดึก เราไม่แน่ใจคือจำไม่ได้ว่ากิน 9 เม็ด1 หรือ 2 วัน แต่หลังจากนั้นปรับลงเหลือ 4 เม็ดต่อมื้อ วันละ 2 ครั้ง อาการเราดีขึ้นเยอะหลังกินยาต้านคือ ไม่มีไข้ อาการไอมีเสมหะ ค่อยๆลดลง จนพอกินยาต้านหมด อาการปกติ ไม่มีไข้ ไม่มีไอ และเสมหะ เราโชคดีมาตอนเราเป็นยังรับรสรับกลิ่นได้ปกติ แต่ช่วงที่เป็นไข้มีอาการท้องเสียแค่ 1 วัน พูดรักษาตามอาการ คือมีไข้ให้ยาแก้ไข ยาแก้ไข้ ยาลดเสมหะ ถ้าหากมีลงปอดถึงจะให้ยาต้านไวรัส เราถือว่าโชคดีที่ไม่เป็นหนักมาก

     ถึงโควิดจะรักษาหายแล้ว สิ่งที่ต้องรักษาต่อคือสภาพจิตใจ มันคงต้องใช้เวลามาก เพราะภาพที่ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถโรงพยาบาลมันยังจำในความทรงจำ ไม่ได้มีแค่เราที่เครียดคนเดียวคนที่บ้านคือเครียดกันมาก คือต้องกักตัวกัน 14 วัน แถมต้องลุ้นผลตรวจสองรอบคือ สภาวะความเครียดมันเยอะมากจริงๆๆ
การได้รับกำลังจาากคนรอบข้างที่เป็นห่วง มันช่วยเยี่ยวยาจิตใจได้มาก

      ตอนนี้เรารู้สึกทะนุทนอมร่างกายของตัวเองมาก ตอนนี้กลัวการไปเจอใครมาก แต่จริงแล้วหลังจากเรารักษาหายแล้วเราไม่ต้องกักตัวแล้ว แต่นี้รู้สึกว่าอยากกักตัวเองสัก 1 อาทิตย์ก่อน สำหรับคนที่ติดเชื้อแล้วจะมีภูมิในการป้องกันการติดซ้ำอีก 3-6 เดือน คือสามารถฉีดวัคซีนได้อีก หลังจาก 3 เดือนที่หายแล้ว และก็เชื้อที่อยู่ในร่างกายเรายังมีอยู่อีก 1 เดือน แต่ไม่สามารถแพร่เชื้อให้ใครได้ ซึ้งมันเป็นเชื้อที่ตายแล้ว แนะนำว่าการดื่มน้ำขิงมันช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเราได้เพื่อลด อีกอย่างคือ สเปย์พร๊อฟโพลิสที่ฉีดที่คอ มันสามารถช่วยกันไวรัสด้านแรกได้ ก่อนจะลงคอ มันลดอาการไอได้อีกด้วย ประสบการณ์การติดครั้งนี้ของเราคือ มันยังคงจำฝั่งใจไปอีกนาน รอบนี้มันแพร่กระจายได้ง่าย ขอให้ทุกคนระวังตัวไว้ด้วยน๊า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่