เสนอให้บริหารการฉีดวัคซีนอย่างเกิดประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจและการควบคุมโรคดังนี้

1.เลิกฉีดวัคซีนแบบสะเปะสะปะโดยแจกออกไปตามจังหวัดต่างๆในปริมาณน้อยๆ ใช่วัคซีนละลายแม่น้ำโดยไม่เกิดประโยชน์สูงสุด  แบบนี้ซะที  โดยให้เลื่อนฉีดคนที่ไม่จำเป็นออกไปก่อน 

2. เอาวัคซีนที่เลื่อนฉีดตามตจว. ในข้อ1  มาฉีดให้กับแรงงาน ตจว.ที่ทำงานในกรุงเทพและปริมณฑลแทน  

เพียงเท่านี้จะเกิดประโยชน์ที่คุ้มค่าที่สุด  เห็นผลดีรอบด้านทั้งทางเศรษฐกิจ การระบาดของโรคในระยะเวลาอันสั้น 

ทำไมนะหรือ 

ถ้าสมมติวัคซีนในเดือนหน้า กค  จะมีโควต้าไปตจว 2ล้านโดส  (สมมติ )ไปฉีดแบบละลายแม่น้ำ     
    กรุงเทพปริมณฑลมีเศรษฐกิจคิดเป็น 70%ของจีดีพี  ถ้าปิดถ้าควบคุมก็อย่างที่เห็น คนไม่มีงานไม่มีเงินส่งกลับบ้าน เศรษฐกิจฝืดไปทั้งประเทศ ตายจากโควิด ตายจากรมควัน สารพัด    2ล้านโดสนี้ถ้าเอามาฉีดให้แรงงานตจว.ที่มาทำงานในกทม.แทน  จะเพิ่มภูมิคุ้มกันหมู่ในเขตกรุงเทพปริมณฑล ลดการระบาด ลดการควบคุมทางเศรษฐกิจ   แถมยังลดภาระบุคลากรทางการแพทย์ ลดเตียงไม่พอ  เพราะพื้นที่ในกทม ปริมฑลมันควบคุมการระบาดได้ยากกว่าในตจว เพราะื้นที่ประชากรหนานแน่นสูง ติดง่าย  ตจว ประชากรหนาแน่นต่ำ ติดยาก  (ในตจว ถึงติด ก็ควบคุมได้ง่ายเพราะพื้นที่กระจายเชื้อจะเล็กเนื่องจากคนไม่ได้อาศียเป็นชุมชนเมือง)  

 แถมคนที่ได้รับวัคซันก็คือคนที่มีภูมิลำเนาในตจว.   ในช่วงหยุดยาว คนในกทมทั้งที่มาทำงานและคนท้องถิ่น  ก็สามารถเดินทางออก เดินทางกลับไปใช้เงินได้ทั่วประเทศ เพิ่มรายได้การท่องเที่ยว   ไม่ต้องถูกห้ามเดินทาง   กระจายรายได้เพิ่มไปอีกด้วย

ทุกวันนี้ผมมองเห็นปัญหามาตั้งแต่ต้นแล้ว     คาดว่าคนในรัฐบาลคงไม่ได้มองหลายมุมหลายมิติสักเท่าไหร่ ตัวเลขมันเลยออกมาขนาดนี้ เฮ้อ เศร้า 
นี่ก็ใกล้เข้าพรรษา เดือนหน้า แทนที่จะหยุดยาวๆ 5วัน  คนในกทมจะได้เอาเงินออกไปกระจายตามตจว. ดั้นงดวันหยุดพิเศษ 27 ไปซะ น่าเสียดาย  
แต่ถ้าเอาวิธีผมไปใช้  รับรองว่า ยังน่าจะทันอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่