สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ออกเอกสารข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีโฮปเวลล์ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเงิน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
สำหรับเอกสารข่าวดังกล่าว บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุตอนหนึ่งว่า มีประเด็นข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญที่บริษัทต้องแจ้งให้สาธารณชนได้รับทราบว่า จำนวนเงินที่อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้ภาครัฐต้องรับผิดชอบนั้น ล้วนเป็นเงินของบริษัทโฮปเวลล์ ที่ได้จ่ายให้แก่ภาครัฐและใช้ในก่อสร้างตามสัญญา อันเป็นผลมาจากการที่ภาครัฐบอกเลิกสัญญา สรุปได้ดังนี้
1.คืนเงินค่าตอบแทนตามสัญญาที่บริษัทโฮปเวลล์ได้จ่ายให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทยไปแล้วเป็นเงิน 2,850 ล้านบาท
2.คืนเงินที่บริษัทโฮปเวลล์ ได้ใช้ในการก่อสร้างโครงการบางส่วนไปแล้วเป็นเงินจำนวน 9,000 ล้านบาท
3.คืนหนังสือค้ำประกันวงเงิน 500 ล้านบาทและคืนเงินค่าธรรมเนียมในการออกหนังสือค้ำประกันเป็นเงินจำนวน 38 ล้านบาทเศษ
รวมเป็นเงินจำนวน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 และเงินจำนวนนี้จึงมิใช่ค่าโง่แต่อย่างใด
“ความรับผิดชอบของภาครัฐตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการและคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดข้างต้นนี้ จะไม่เพิ่มขึ้นเลย หากภาครัฐเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และให้ความเป็นธรรมต่อบริษัทโฮปเวลล์ที่ได้จ่ายเงินค่าตอบแทนให้แก่ภาครัฐและจ่ายเงินก่อสร้างโครงการไปนับหมื่นล้าน เพื่อให้โครงการที่ดีต่อประเทศประสบความสำเร็จ แต่กลับถูกเลิกสัญญาโดยภาครัฐไม่นำโครงการไปดำเนินการต่อให้เสร็จ” บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุ
บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังระบุว่า การที่ภาครัฐไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งผลให้เงินค่าเสียหายที่ภาครัฐจะต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้นตลอดเวลาวันละประมาณ 2.4 ล้านบาท และทำให้ยอดดอกเบี้ยถึงปัจจุบันเป็นจำนวนเงินประมาณ 14,500 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นเป็นภาระกับภาษีของประชาชน
บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังชี้แจงถึงกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อออนไลน์ว่า นายแพทย์ สุรวุฒิ ปรีชานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์แสดงความเห็นเกี่ยวกับโครงการโฮปเวลล์ ในลักษณะที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ว่าเป็นการจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 24,000 ล้านบาท แล้วนำมาโจมตีทางการเมืองในการที่ภาครัฐควรจ่ายหรือไม่ควรจ่าย นั้น
ล่าสุดนายแพทย์ สุรวุฒิ ปรีชานนท์ ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ไม่ได้เป็นผู้เขียนและโพสต์ข้อความดังกล่าว แต่เป็นการเอาชื่อท่านไปแอบอ้างที่เสียหายถึงท่านและโรงพยาบาลด้วย
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) และตัวแทนสหภาพฯ เข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง โดยขอให้เลขาธิการสำนักงานศาลปกครองเสนอคำร้องของกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ขอให้พิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่ ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดพิจารณา เพื่อให้เกิดความรอบคอบ....
โอ้ว...ไหนจะมีโควิดระบาดหนักอยู่แล้ว อย่างนี้รัฐบาลลุงตู่จะเอายังไงดี ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ ดอกเบี้ยท่วมหัวแน่ๆเลย
ดอกเบี้ยพุ่ง 1.45 หมื่นล.!
สำหรับเอกสารข่าวดังกล่าว บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุตอนหนึ่งว่า มีประเด็นข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญที่บริษัทต้องแจ้งให้สาธารณชนได้รับทราบว่า จำนวนเงินที่อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้ภาครัฐต้องรับผิดชอบนั้น ล้วนเป็นเงินของบริษัทโฮปเวลล์ ที่ได้จ่ายให้แก่ภาครัฐและใช้ในก่อสร้างตามสัญญา อันเป็นผลมาจากการที่ภาครัฐบอกเลิกสัญญา สรุปได้ดังนี้
1.คืนเงินค่าตอบแทนตามสัญญาที่บริษัทโฮปเวลล์ได้จ่ายให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทยไปแล้วเป็นเงิน 2,850 ล้านบาท
2.คืนเงินที่บริษัทโฮปเวลล์ ได้ใช้ในการก่อสร้างโครงการบางส่วนไปแล้วเป็นเงินจำนวน 9,000 ล้านบาท
3.คืนหนังสือค้ำประกันวงเงิน 500 ล้านบาทและคืนเงินค่าธรรมเนียมในการออกหนังสือค้ำประกันเป็นเงินจำนวน 38 ล้านบาทเศษ
รวมเป็นเงินจำนวน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 และเงินจำนวนนี้จึงมิใช่ค่าโง่แต่อย่างใด
“ความรับผิดชอบของภาครัฐตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการและคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดข้างต้นนี้ จะไม่เพิ่มขึ้นเลย หากภาครัฐเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และให้ความเป็นธรรมต่อบริษัทโฮปเวลล์ที่ได้จ่ายเงินค่าตอบแทนให้แก่ภาครัฐและจ่ายเงินก่อสร้างโครงการไปนับหมื่นล้าน เพื่อให้โครงการที่ดีต่อประเทศประสบความสำเร็จ แต่กลับถูกเลิกสัญญาโดยภาครัฐไม่นำโครงการไปดำเนินการต่อให้เสร็จ” บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุ
บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังระบุว่า การที่ภาครัฐไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งผลให้เงินค่าเสียหายที่ภาครัฐจะต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้นตลอดเวลาวันละประมาณ 2.4 ล้านบาท และทำให้ยอดดอกเบี้ยถึงปัจจุบันเป็นจำนวนเงินประมาณ 14,500 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นเป็นภาระกับภาษีของประชาชน
บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังชี้แจงถึงกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อออนไลน์ว่า นายแพทย์ สุรวุฒิ ปรีชานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์แสดงความเห็นเกี่ยวกับโครงการโฮปเวลล์ ในลักษณะที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ว่าเป็นการจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 24,000 ล้านบาท แล้วนำมาโจมตีทางการเมืองในการที่ภาครัฐควรจ่ายหรือไม่ควรจ่าย นั้น
ล่าสุดนายแพทย์ สุรวุฒิ ปรีชานนท์ ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ไม่ได้เป็นผู้เขียนและโพสต์ข้อความดังกล่าว แต่เป็นการเอาชื่อท่านไปแอบอ้างที่เสียหายถึงท่านและโรงพยาบาลด้วย
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) และตัวแทนสหภาพฯ เข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง โดยขอให้เลขาธิการสำนักงานศาลปกครองเสนอคำร้องของกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ขอให้พิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่ ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดพิจารณา เพื่อให้เกิดความรอบคอบ....
โอ้ว...ไหนจะมีโควิดระบาดหนักอยู่แล้ว อย่างนี้รัฐบาลลุงตู่จะเอายังไงดี ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ ดอกเบี้ยท่วมหัวแน่ๆเลย