ตอนที่แล้ว ตอนที่ 4
https://ppantip.com/topic/40794954
บคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ
ตอนที่5
“นี่! นาย!”
ปริมาตกใจดึงมือตนเองหลบไม่ทันเมื่อเพื่อนพี่ชายคว้ามือของเธอไปแปะไว้บนหน้าผากของตัวเองมือของชายหนุ่มนั้นร้อนมาก ไม่ต่างจากหน้าผากของเขาเลย ‘ตายล่ะ! หมอนี่มีไข้ด้วย!! ซวยล่ะสิ!’
“เชื่อรึยัง?” ใบหน้าอันซีดเซียวจากความอ่อนเพลียของปฏิการ หันไปสบตากับเธอ ก่อนจะลดมือลงจากหน้าผากตนเอง ปล่อยมือเล็ก ๆ นั้นคืนเจ้าของ สายตาเขาเหลือบเห็นรีโมทวางอยู่ข้างตัวน้องสาวเพื่อน ชายหนุ่มรีบหันไปหาเพื่อนซี้ทันที
“ปรามข้าขอดูรายการวอยซ์ออฟเดอะสตาร์หน่อยนะ ข้าไปประกวดร้องเพลง วันนี้เขาจะเอามาออกอากาศ” แล้วหันไปทางน้องสาวเพื่อนเอื้อมมือคว้ารีโมท แต่อีกฝ่ายนั้นไวกว่า เขาจึงคว้ามือเธอที่จับรีโมทไว้มาด้วย
“ป่วยก็ไปนอนสิ!” ปริมายื้อรีโมทเข้าหาตัวเอง พยายามดึงให้หลุดจากฝ่ามือใหญ่โตของอีกฝ่ายให้ได้!
“ส่งรีโมทมานี่!” เสียงปรามดุทั้งคู่ “แย่งกันเป็นเด็ก ๆ ไปได้”
ปริมาจึงยอมปล่อยมือจากรีโมทอย่างเสียไม่ได้ยอมให้หนุ่มผมยาวเอารีโมทส่งต่อให้พี่ชาย
“เอางี้นะดูสลับกัน เดี๋ยวดูของการก่อน พอโฆษณาค่อยดูของปริมโอเคนะ” คำตัดสินของปรามถือเป็นที่สิ้นสุด เขาพูดแล้วชี้รีโมทไปยังช่องที่มีรายการประกวดร้องเพลง
น้องสาวเจ้าของบ้านได้แต่ทำหน้าเซ็ง โกรธ! พี่ชายตัวดีเข้าข้างเพื่อนอีกแล้ว! เพราะนายปฏิการคนเดียวทำให้เธออดดูพระเอกคนโปรดเลย ทำไมต้องมาแย่งเธอดูด้วย ทำยังกับอยู่บ้านตัวเองอย่างนั้นแหละ! คำว่าเกรงใจน่ะมีมั้ย? ได้แต่บ่นอยู่ในใจคนเดียว เธอจำใจนั่งดูรายการประกวดร้องเพลงไปพลาง ๆ เพื่อรอโฆษณา แต่ยิ่งโกรธหนักเข้าไปอีกเมื่อหนุ่มหน้าซีดหันมาส่งยิ้มกวนบาทา ยักคิ้วกวนประสาทให้กับเธอ ประมาณว่า ‘เสียใจด้วยนะจ๊ะ’
ภาพบนจอทีวีในรายการวอยซ์ออฟเดอะสตาร์ฉายไปบนเวทีขณะนักร้องกำลังร้องเพลง แต่เสียงเพลงนั้นผิดคีย์ไปค่อนข้างมาก ไฟสีแดงเป็นรูปกากบาทปรากฏขึ้นบนหน้าแท่นของกรรมการทั้งสี่คน พร้อมกับเสียงไซเรนเหมือนรถพยาบาล เป็นอันรู้กันว่า นักร้องต้องหยุดร้องทันทีเมื่อกรรมการตัดสินไม่ให้ผ่าน
ปฏิการเอนตัวพิงกับพนักโซฟา ยกมือมาประสานกันไว้ที่หน้าท้องของตนเอง ท้องของเขายังไม่ปกติเหมือนกำลังมีคลื่นวนอยู่ในลำไส้ เขาตบท้องตัวเองเบา ๆ อย่างขอร้อง! อย่าเพิ่งปวดถ่ายตอนนี้ เย็นไว้... นั่งมองหน้าจอด้วยใจจดจ่อเพราะนักร้องคนต่อไป ที่ก้าวขึ้นมาบนเวทีคือ ตัวเขาเอง
“เท่ไม่เบาเลยว่ะ!” ปรามหันไปยกหมัดกระแทกต้นแขนเพื่อนเบา ๆ เมื่อมองเห็นชายหนุ่มผมยาวหวีผมเรียบแปล้ สวมสูทสีขาวทั้งชุดเดินออกมาบนเวที แสงสปอร์ตไลท์สาดมาจับใบหน้าขาวละมุนของเพื่อนซี้ ทำให้เขาดูมีออร่าสว่างไปทั้งเวทีราวกับดาวฤกษ์กำลังส่องแสง
“ยืมเขามา” ปฏิการรู้สึกเขินเมื่อมองเห็นตัวเอง พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากัดเล็บเบา ๆ อย่างตื่นเต้นที่จะได้เห็นตัวเองร้องเพลง
“แนะนำตัวเลยค่ะ” เสียงกรรมการบอกและส่งรอยยิ้มให้
หนุ่มชุดขาวบนเวทีส่งยิ้มอย่างรู้สึกเขิน ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดแนะนำตัว
“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปฏิการ ปฏิภาคทวีกานต์ วันนี้ผมจะมาร้องเพลง คิดถึงเหลือเกินขอมอบเพลงนี้ให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผมมาตลอด คอยดูแลและคอยเป็นกำลังใจ สนับสนุนให้ผมได้ทำสิ่งที่ผมรัก คือการร้องเพลง แม้ว่าวันนี้ เราไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ขอบคุณเวทีแห่งนี้ ที่จะเป็นสื่อกลาง ส่งผ่านความคิดถึงที่ผมมี...ไปยังผู้หญิงคนนั้น หวังว่าเธอคงได้ยินและรับรู้...ว่าผม...คิดถึงเธอมากแค่ไหน” เขาหยุดพูดลงไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดต่อไป
“ผู้หญิงคนนั้นคือ...แม่...ของผมครับ”
อินโทรของเพลงคิดถึงเหลือเกินบรรเลงขึ้นมาเมื่อเขาพูดจบลง
ไกล.............
อาจจะไกล..........แสนไกล............อาจจะไกล....จนสุดสายตา....
เขาทอดเสียงผ่านไมโครโฟนที่ค่อย ๆ ยกขึ้นสูง และดึงห่างออกไป ส่งผ่านความรู้สึก.... ช่างห่างไกลเหลือเกิน....ส่งผ่านความคิดถึงไปยังคนที่เขารัก ที่ไม่เคยรู้ว่า ตอนนี้...เธออยู่ที่ไหน และอยู่ไกลเกินกว่าสายตาของเขาจะค้นหาได้
เสียงปรบมือดังขึ้นลั่นหอประชุมใหญ่และตกตะลึงในน้ำเสียงที่แฝงด้วยพลังราวกับกำลังอยู่ใต้มนต์สะกดแห่งความคิดถึงของผู้เข้าประกวด
เราห่างกัน....อาจจะไกล...สุดฟ้า........
กรรมการทุกคนกดปุ่มเครื่องหมายผ่านพร้อมกันทั้งสี่คนด้วยความประหลาดใจอย่างมากที่เขาขึ้นเสียงสูงได้ดีและน่าฟังมาก ไฟสีเขียวเป็นเครื่องหมายถูกปรากฏขึ้นหน้าแท่นของกรรมการแต่ละท่าน
อาจจะเกิน...ที่จะพบกัน
แต่ความห่างไกล...ไม่เคย...ห้ามใจ
ที่ยังคิดถึง...ส่งไปให้ถึง....ใจเธอ
.....อยากจะบอก....เธอ..... คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
ยังไม่ลืม...ที่ได้เคย...ใกล้กัน
ไม่ลืมวัน...และคืน...นั้นเลย
ยังไม่ลืม...ที่เราคุ้นเคย
ที่เราผูกพัน ก่อนจากกัน
จนไกลแสนไกล
แต่ความห่างไกล...ไม่เคยห้ามใจ
ที่ยังคิดถึง....ส่งไปให้ถึงใจเธอ…
.....อยากจะบอก....เธอ..... คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
เสียงดนตรีเงียบลงไปชั่วอึดใจเดียว แล้วบรรเลงขึ้นมาใหม่
คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
เขาร้องขึ้นเสียงสูงมากซ้ำ ๆ ประโยคเดียวกัน ปลดปล่อยพลังเสียงแห่งความคิดถึงจนสุดเสียงในประโยคสุดท้ายกระจายออกไปจนทั่วหอประชุม ทุกคนในที่นั้นสัมผัสถึงความคิดถึงของเขาที่กระแทกเข้าไปข้างในของหัวใจ
.....อยากจะบอก...เธอ..... คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
เสียงดนตรีหยุดลงเงียบสนิท สองมือจับไมค์แน่นก่อนจะถ่ายทอดเสียงออกไป พร้อมกับหลับตาลง
.....อยากจะบอกเธอ.....
คิดถึงเธอ.....
เหลือ............เกิน.......
สิ้นเสียงร้องของเขาที่หายไปในลำคอนั้น ทุกคนในหอประชุมลุกขึ้นยืนตบมือจนดังสนั่นด้วยความซาบซึ้งกับบทเพลงนี้
ปรามยกมือบีบไหล่เพื่อนหนุ่มเบา ๆ เพลงที่เพื่อนร้องออกมาจากหัวใจ ทำให้เขาสัมผัสความรู้สึกของความคิดถึงที่มีมากมายเหลือเกิน และมันทำให้เขาคิดถึงแม่ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับเช่นกัน
“แกร้องดีมาก” เขามองหน้าเพื่อนที่กำลังยิ้มและมีน้ำตาคลออยู่
ปริมานิ่งอึ้งกับพลังเสียงของหนุ่มผมยาวที่กลั่นความคิดถึงผ่านบทเพลงแทรกเข้าไปอยู่ในหัวใจของเธอ ไม่รู้เลยผู้ชายมาดกวนอย่างเขาจะร้องเพลงได้ดีและเต็มเปี่ยมด้วยพลังขนาดนี้
ปฏิการหยิบรีโมทส่งให้น้องสาวเพื่อน
เธอมองเขาอย่างงุนงงขณะรับรีโมทคืนมา
“ข้าไปก่อนนะข้าศึกบุกอีกแล้ว” เขารู้สึกปวดท้องถ่ายอีกแล้ว หัวหนักอึ้งไปหมดด้วยฤทธิ์ไข้ ชักไม่แน่ใจตัวเอง ว่ามันคุ้มรึเปล่าที่ยอมทำแบบนี้ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ ปรามคงไม่ให้อยู่ที่นี่ต่อ ต้องไล่กลับบ้านแน่นอน เขาจำนนต่อเหตุผลและความหวังดีของเพื่อนคนนี้เสมอ
ปรามขยับตัวเข้ามานั่งข้างน้องสาวที่นั่งนิ่งเงียบจนผิดปกติ และรู้ว่าเธอกำลังคิดถึงแม่เช่นกัน เขาวางมือลงบนหลังมือของน้องคนเล็กอย่างปลอบโยน
ปริมาเงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตา โผกอดพี่ชายไว้
“ปริม...คิดถึง...แม่...จังเลยค่ะ”
“ปริมเก่งมาก แม่ต้องภูมิใจในตัวปริมแน่นอน” เขาสวมกอดน้องสาวไว้ เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวเหมือนแม่ไม่มีผิดเมื่อแม่รู้ว่าพ่อทำผู้หญิงคนหนึ่งท้อง แม่ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากพ่อเลยแม้แต่น้อยและเป็นฝ่ายจากมา เขากับน้องเลือกที่จะอยู่กับแม่มากกว่าที่จะไปอยู่กับพ่อ
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่5 ตายล่ะ! หมอนี่มีไข้?
บคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ
ตอนที่5
“นี่! นาย!”
ปริมาตกใจดึงมือตนเองหลบไม่ทันเมื่อเพื่อนพี่ชายคว้ามือของเธอไปแปะไว้บนหน้าผากของตัวเองมือของชายหนุ่มนั้นร้อนมาก ไม่ต่างจากหน้าผากของเขาเลย ‘ตายล่ะ! หมอนี่มีไข้ด้วย!! ซวยล่ะสิ!’
“เชื่อรึยัง?” ใบหน้าอันซีดเซียวจากความอ่อนเพลียของปฏิการ หันไปสบตากับเธอ ก่อนจะลดมือลงจากหน้าผากตนเอง ปล่อยมือเล็ก ๆ นั้นคืนเจ้าของ สายตาเขาเหลือบเห็นรีโมทวางอยู่ข้างตัวน้องสาวเพื่อน ชายหนุ่มรีบหันไปหาเพื่อนซี้ทันที
“ปรามข้าขอดูรายการวอยซ์ออฟเดอะสตาร์หน่อยนะ ข้าไปประกวดร้องเพลง วันนี้เขาจะเอามาออกอากาศ” แล้วหันไปทางน้องสาวเพื่อนเอื้อมมือคว้ารีโมท แต่อีกฝ่ายนั้นไวกว่า เขาจึงคว้ามือเธอที่จับรีโมทไว้มาด้วย
“ป่วยก็ไปนอนสิ!” ปริมายื้อรีโมทเข้าหาตัวเอง พยายามดึงให้หลุดจากฝ่ามือใหญ่โตของอีกฝ่ายให้ได้!
“ส่งรีโมทมานี่!” เสียงปรามดุทั้งคู่ “แย่งกันเป็นเด็ก ๆ ไปได้”
ปริมาจึงยอมปล่อยมือจากรีโมทอย่างเสียไม่ได้ยอมให้หนุ่มผมยาวเอารีโมทส่งต่อให้พี่ชาย
“เอางี้นะดูสลับกัน เดี๋ยวดูของการก่อน พอโฆษณาค่อยดูของปริมโอเคนะ” คำตัดสินของปรามถือเป็นที่สิ้นสุด เขาพูดแล้วชี้รีโมทไปยังช่องที่มีรายการประกวดร้องเพลง
น้องสาวเจ้าของบ้านได้แต่ทำหน้าเซ็ง โกรธ! พี่ชายตัวดีเข้าข้างเพื่อนอีกแล้ว! เพราะนายปฏิการคนเดียวทำให้เธออดดูพระเอกคนโปรดเลย ทำไมต้องมาแย่งเธอดูด้วย ทำยังกับอยู่บ้านตัวเองอย่างนั้นแหละ! คำว่าเกรงใจน่ะมีมั้ย? ได้แต่บ่นอยู่ในใจคนเดียว เธอจำใจนั่งดูรายการประกวดร้องเพลงไปพลาง ๆ เพื่อรอโฆษณา แต่ยิ่งโกรธหนักเข้าไปอีกเมื่อหนุ่มหน้าซีดหันมาส่งยิ้มกวนบาทา ยักคิ้วกวนประสาทให้กับเธอ ประมาณว่า ‘เสียใจด้วยนะจ๊ะ’
ภาพบนจอทีวีในรายการวอยซ์ออฟเดอะสตาร์ฉายไปบนเวทีขณะนักร้องกำลังร้องเพลง แต่เสียงเพลงนั้นผิดคีย์ไปค่อนข้างมาก ไฟสีแดงเป็นรูปกากบาทปรากฏขึ้นบนหน้าแท่นของกรรมการทั้งสี่คน พร้อมกับเสียงไซเรนเหมือนรถพยาบาล เป็นอันรู้กันว่า นักร้องต้องหยุดร้องทันทีเมื่อกรรมการตัดสินไม่ให้ผ่าน
ปฏิการเอนตัวพิงกับพนักโซฟา ยกมือมาประสานกันไว้ที่หน้าท้องของตนเอง ท้องของเขายังไม่ปกติเหมือนกำลังมีคลื่นวนอยู่ในลำไส้ เขาตบท้องตัวเองเบา ๆ อย่างขอร้อง! อย่าเพิ่งปวดถ่ายตอนนี้ เย็นไว้... นั่งมองหน้าจอด้วยใจจดจ่อเพราะนักร้องคนต่อไป ที่ก้าวขึ้นมาบนเวทีคือ ตัวเขาเอง
“เท่ไม่เบาเลยว่ะ!” ปรามหันไปยกหมัดกระแทกต้นแขนเพื่อนเบา ๆ เมื่อมองเห็นชายหนุ่มผมยาวหวีผมเรียบแปล้ สวมสูทสีขาวทั้งชุดเดินออกมาบนเวที แสงสปอร์ตไลท์สาดมาจับใบหน้าขาวละมุนของเพื่อนซี้ ทำให้เขาดูมีออร่าสว่างไปทั้งเวทีราวกับดาวฤกษ์กำลังส่องแสง
“ยืมเขามา” ปฏิการรู้สึกเขินเมื่อมองเห็นตัวเอง พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากัดเล็บเบา ๆ อย่างตื่นเต้นที่จะได้เห็นตัวเองร้องเพลง
“แนะนำตัวเลยค่ะ” เสียงกรรมการบอกและส่งรอยยิ้มให้
หนุ่มชุดขาวบนเวทีส่งยิ้มอย่างรู้สึกเขิน ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดแนะนำตัว
“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปฏิการ ปฏิภาคทวีกานต์ วันนี้ผมจะมาร้องเพลง คิดถึงเหลือเกินขอมอบเพลงนี้ให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผมมาตลอด คอยดูแลและคอยเป็นกำลังใจ สนับสนุนให้ผมได้ทำสิ่งที่ผมรัก คือการร้องเพลง แม้ว่าวันนี้ เราไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ขอบคุณเวทีแห่งนี้ ที่จะเป็นสื่อกลาง ส่งผ่านความคิดถึงที่ผมมี...ไปยังผู้หญิงคนนั้น หวังว่าเธอคงได้ยินและรับรู้...ว่าผม...คิดถึงเธอมากแค่ไหน” เขาหยุดพูดลงไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดต่อไป
“ผู้หญิงคนนั้นคือ...แม่...ของผมครับ”
อินโทรของเพลงคิดถึงเหลือเกินบรรเลงขึ้นมาเมื่อเขาพูดจบลง
ไกล.............
อาจจะไกล..........แสนไกล............อาจจะไกล....จนสุดสายตา....
เขาทอดเสียงผ่านไมโครโฟนที่ค่อย ๆ ยกขึ้นสูง และดึงห่างออกไป ส่งผ่านความรู้สึก.... ช่างห่างไกลเหลือเกิน....ส่งผ่านความคิดถึงไปยังคนที่เขารัก ที่ไม่เคยรู้ว่า ตอนนี้...เธออยู่ที่ไหน และอยู่ไกลเกินกว่าสายตาของเขาจะค้นหาได้
เสียงปรบมือดังขึ้นลั่นหอประชุมใหญ่และตกตะลึงในน้ำเสียงที่แฝงด้วยพลังราวกับกำลังอยู่ใต้มนต์สะกดแห่งความคิดถึงของผู้เข้าประกวด
เราห่างกัน....อาจจะไกล...สุดฟ้า........
กรรมการทุกคนกดปุ่มเครื่องหมายผ่านพร้อมกันทั้งสี่คนด้วยความประหลาดใจอย่างมากที่เขาขึ้นเสียงสูงได้ดีและน่าฟังมาก ไฟสีเขียวเป็นเครื่องหมายถูกปรากฏขึ้นหน้าแท่นของกรรมการแต่ละท่าน
อาจจะเกิน...ที่จะพบกัน
แต่ความห่างไกล...ไม่เคย...ห้ามใจ
ที่ยังคิดถึง...ส่งไปให้ถึง....ใจเธอ
.....อยากจะบอก....เธอ..... คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
ยังไม่ลืม...ที่ได้เคย...ใกล้กัน
ไม่ลืมวัน...และคืน...นั้นเลย
ยังไม่ลืม...ที่เราคุ้นเคย
ที่เราผูกพัน ก่อนจากกัน
จนไกลแสนไกล
แต่ความห่างไกล...ไม่เคยห้ามใจ
ที่ยังคิดถึง....ส่งไปให้ถึงใจเธอ…
.....อยากจะบอก....เธอ..... คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
เสียงดนตรีเงียบลงไปชั่วอึดใจเดียว แล้วบรรเลงขึ้นมาใหม่
คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
เขาร้องขึ้นเสียงสูงมากซ้ำ ๆ ประโยคเดียวกัน ปลดปล่อยพลังเสียงแห่งความคิดถึงจนสุดเสียงในประโยคสุดท้ายกระจายออกไปจนทั่วหอประชุม ทุกคนในที่นั้นสัมผัสถึงความคิดถึงของเขาที่กระแทกเข้าไปข้างในของหัวใจ
.....อยากจะบอก...เธอ..... คิดถึงเธอ.....เหลือเกิน.......
เสียงดนตรีหยุดลงเงียบสนิท สองมือจับไมค์แน่นก่อนจะถ่ายทอดเสียงออกไป พร้อมกับหลับตาลง
.....อยากจะบอกเธอ.....
คิดถึงเธอ.....
เหลือ............เกิน.......
สิ้นเสียงร้องของเขาที่หายไปในลำคอนั้น ทุกคนในหอประชุมลุกขึ้นยืนตบมือจนดังสนั่นด้วยความซาบซึ้งกับบทเพลงนี้
ปรามยกมือบีบไหล่เพื่อนหนุ่มเบา ๆ เพลงที่เพื่อนร้องออกมาจากหัวใจ ทำให้เขาสัมผัสความรู้สึกของความคิดถึงที่มีมากมายเหลือเกิน และมันทำให้เขาคิดถึงแม่ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับเช่นกัน
“แกร้องดีมาก” เขามองหน้าเพื่อนที่กำลังยิ้มและมีน้ำตาคลออยู่
ปริมานิ่งอึ้งกับพลังเสียงของหนุ่มผมยาวที่กลั่นความคิดถึงผ่านบทเพลงแทรกเข้าไปอยู่ในหัวใจของเธอ ไม่รู้เลยผู้ชายมาดกวนอย่างเขาจะร้องเพลงได้ดีและเต็มเปี่ยมด้วยพลังขนาดนี้
ปฏิการหยิบรีโมทส่งให้น้องสาวเพื่อน
เธอมองเขาอย่างงุนงงขณะรับรีโมทคืนมา
“ข้าไปก่อนนะข้าศึกบุกอีกแล้ว” เขารู้สึกปวดท้องถ่ายอีกแล้ว หัวหนักอึ้งไปหมดด้วยฤทธิ์ไข้ ชักไม่แน่ใจตัวเอง ว่ามันคุ้มรึเปล่าที่ยอมทำแบบนี้ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ ปรามคงไม่ให้อยู่ที่นี่ต่อ ต้องไล่กลับบ้านแน่นอน เขาจำนนต่อเหตุผลและความหวังดีของเพื่อนคนนี้เสมอ
ปรามขยับตัวเข้ามานั่งข้างน้องสาวที่นั่งนิ่งเงียบจนผิดปกติ และรู้ว่าเธอกำลังคิดถึงแม่เช่นกัน เขาวางมือลงบนหลังมือของน้องคนเล็กอย่างปลอบโยน
ปริมาเงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตา โผกอดพี่ชายไว้
“ปริม...คิดถึง...แม่...จังเลยค่ะ”
“ปริมเก่งมาก แม่ต้องภูมิใจในตัวปริมแน่นอน” เขาสวมกอดน้องสาวไว้ เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวเหมือนแม่ไม่มีผิดเมื่อแม่รู้ว่าพ่อทำผู้หญิงคนหนึ่งท้อง แม่ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากพ่อเลยแม้แต่น้อยและเป็นฝ่ายจากมา เขากับน้องเลือกที่จะอยู่กับแม่มากกว่าที่จะไปอยู่กับพ่อ