จากบทสนทนาถามไถ่กันในที่ทำงานว่า เมื่อวานนี้กินอะไรเป็นอาหารเย็น? กลายมาเป็นการตามดูชีวิตคู่ที่อบอวลไปด้วยความรัก ความปรารถนาดี และอาหารร้อนๆ หลากหลายเมนูของ “ชิโร่ คาเคย์” ทนายความหนุ่มใหญ่ผู้เงียบขรึมที่ทำหน้าที่พ่อครัวปรุงอาหารทำกับข้าวประจำบ้าน กับ “ยาบุกิ เคนจิ” ช่างตัดผมหนุ่มใหญ่ร่าเริงอารมณ์ดี (สลับกับอาการวิตกจริตเกินเหตุในบางครั้ง) ที่มักจะร้อง “อร่อยยยยยย” ทุกครั้งที่ได้กินอาหารฝีมือของชิโร่ซัง

.
เป็นอีกหนึ่งซีรี่ส์ที่ทำให้หัวใจของเราเบิกบานดีเหลือเกิน What Did you Eat Yesterday? หรือ Kinou Nani Tabeta? สร้างจากมังงะชื่อดังที่มีฉบับแปลภาษาไทยในชื่อว่า “เมื่อวานเจ๊ทานอะไร?” (ค่อนข้างเกลียดชื่อนี้แหละ!) ซึ่งตีพิมพ์มาเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ปี 2007 แล้วในเวอร์ชั่นซีรี่ส์ก็ถอดแบบมาจากมังงะได้ดีมากๆ โดยเฉพาะบรรยากาศเบาสบาย อบอุ่น และฉากสร้างสรรค์เมนูต่างๆ ที่ทำให้เราต้องจดสูตรไว้ทำตามแทบทุก EP แล้วนี่ก็ร้องหน้าจอว่า “น่ากินจังเลยยยยย” ทุกเมนูไป!

.
แน่นอน สิ่งที่ทำให้เราชอบซีรี่ส์เรื่องนี้มากก็คือ พลังบวกที่ส่งออกมาในทุก EP นั่นแหละ ต่อให้แต่ละ EP จะมีปัญหาและอุปสรรคในชีวิตของชิโร่และเคนจิอยู่ตลอด (หรือบางครั้งมันก็เป็นปัญหาของคนอื่นๆ รอบตัว) แต่พอปัญหาต่างๆ เหล่านั้นถูกคลี่คลายไปได้ด้วยดีในแต่ละตอน โดยคงเหลือไว้ด้วยความรู้โล่งใจ และสบายใจที่อย่างน้อยๆ ก็ได้นั่งกินข้าวกับคนรักตรงหน้าแบบนี้ มันก็ทำให้เราสบายอกสบายใจตามไปด้วย และหากจะว่าไป ปัญหาและประเด็นต่างๆ ที่ซีรี่ส์พูดถึงก็ไม่ใช่เรื่องเบาโหวงหรือเปล่ากลวง แต่มันแทรกประเด็นหนักๆ อย่างการปรับตัวเข้าหากันของคู่รักเกย์ ที่ฝ่ายหนึ่งยังไม่ได้เปิดตัวอย่างจริงจังกับอีกฝ่ายที่เปิดตัวเต็มที่, การยอมรับของพ่อแม่กับลูกชายเกย์, การนอกใจ ไปจนถึงเรื่องกฎหมายการแต่งงานระหว่างคนรักเพศเดียวกัน เพียงแต่มันนำเสนอด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเสียจนทำให้เราไม่รู้สึก “หนัก” จนเกินไป แล้วการที่จะทำแบบนี้ได้นั้นก็ไม่ง่ายเลย ก็ต้องชื่นชมทีมวางบทจริงๆ

.
ในช่วงเวลาที่เรากับคุณแฟนต้องอยู่บ้านแบบตัวติดกันตลอดเวลา 24 ชม. ยาวนานหลายเดือนเพราะโควิด-19 และเค้าต้องรับหน้าที่พ่อครัวประจำบ้านแบบเดียวกับชิโร่ซัง การได้ดูซีรี่ส์ที่เตือนเราว่า การที่มีคนคอยทำกับข้าวอร่อยๆ ให้เรากินเกือบทุกวัน (ทั้งที่เค้าก็มีงานที่ต้องทำมากมาย) และการได้นั่งกินข้าวด้วยกันทุกวันแบบนี้มันมีค่ามากแค่ไหน แล้วเราควรจะดูแล ซัพพอร์ต และให้กำลังใจกลับไปอย่างไร มันทำให้ What Did you Eat Yesterday? เป็นซีรี่ส์ที่พิเศษกับเรามากๆ เลยล่ะ

.
คนสองคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มันมีเรื่องให้เรียนรู้กันไปทุกวันนั่นแหละ ทั้งเรื่องเล็กน้อยจุกจิกในการใช้ชีวิตประจำวัน เรื่องการปรับทัศนคติ เรียนรู้ว่าสิ่งไหนพูดได้ สิ่งไหนไม่ควรพูด (หรือควรจะพูดตอนไหน) ไปจนถึงการยอมรับตัวตนของอีกฝ่ายในทุกๆ ด้านให้ได้ ฟังดูเหมือนมันเป็นเรื่องยุ่งยากวุ่นวาย น่ารำคาญใจ แต่ถ้าคนข้างๆ มีค่ามากพอ เราจะรู้เลยว่า มันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย ก็เหมือนกับเวลาทำกับข้าวนั่นแหละ ขั้นตอนหั่นเตรียมวัตถุดิบต่างๆ กว่าจะได้ลงมือต้มผัดแกงทอด ปรุงรส และเก็บกวาดล้างจานชามหลังกินเสร็จ มันไม่ได้น่าเหนื่อยหน่ายอะไรเลย ถ้ามื้อนั้นทำให้เราอิ่มอร่อยและมีคนนั่งกินไปคุยไปด้วยแบบนี้

อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง