ข้อดีของโหราศาสตร์ที่ต่างจากศาสนามีอยู่เรื่องหนึ่ง คือ 
1) ศาสนาและความเชื่อมักบอกเสมอๆว่า ให้ทำความดีไปเรื่อยๆ เดี๋ยวได้ดีเอง** แต่ผู้ฟังยากที่จะทราบว่าจะเกิดเหตุการณ์ดี-ร้ายแก่ตนเมื่อไหร่ เช่น ทรัพย์มาวันไหน? จะแต่งงานเมื่อไหร่? คู่ครองดีไหม? ลูกหลานเป็นอย่างไร? เป็นต้น 

2) แต่โหราศาสตร์สามารถบอก วันเวลา สถานที่ของสิ่งทั้งที่ดีและไม่ดี อันจะเกิดขึ้นกับเจ้าชะตาแน่ๆ ได้ค่อนข้างแม่นยำโดยเฉพาะกับนักโหราศาสตร์ที่มีประสบการณ์สั่งสมยาวนาน

สำหรับคนทั่วๆไปที่ไม่มีความรุ้โหราศาสตร์ อยากได้ดีต้องทำอย่างไร?
1) รู้จักตนเอง และวาสนาในชาตินี้ของตนเองผ่านการศึกษาดวงชะตากำเนิดของตนเองอย่างถ่องแท้
2) หมั่นทำบุญกุศลตามศาสนาที่ตนเองเคารพเสมอๆ
3) ปฏิบัติ พฤติกรรมต่างๆ ให้สอดคล้องกับวาสนาในดวงชะตา โดยพัฒนาพฤติกรรมให้สอดคล้องกับความหมายของดวงดาว โดยเฉพาะในด้านที่ตนเองต้องการ (ข้อ 1 มีความสำคัญมาก) เช่น อยากมีฐานะที่ดีขึ้น ก็ต้องทราบว่า "ดาวรวยอยู่ตรงไหน" แล้วรู้ว่าต้องปรับพฤติกรรมแบบไหน? 
จะทำให้พลังงานกำเนิดที่สอดคล้องกับความรวยของตนปรากฏขึ้น แล้วหมั่นทำกรรมนั้นบ่อยๆ เพื่อให้ออกผลเป็นรูปธรรม ต่อไป

สรุป
เมื่อพัฒนาพฤติกรรมให้สอดคล้องบ่อยๆเสมอๆ 
เมื่อถึงวันเวลาที่สัมพันธภาพของพลังงานจักรวาลสอดคล้องกับตนเอง เวียนมาถึง (โดยสามารถคำนวนผ่านโหราศาสตร์ภาคคำนวน) ย่อมประสบกับโชคที่เฝ้ารอมากขึ้น เพราะเตรียมตัว

ฉะนั้นหลักสำคัญ คือ จึงจำเป็นต้องทราบว่า ตัวเราจะมีโชค (Opportunity) หรือเคราะห์ (Difficulty) จากทางใด เมื่อไหร่ ในช่วงเวลาไหน กี่ครั้ง กี่รอบ ก็จะช่วยเตรียมตัวรับมือ ได้อย่างเหมาะสม

==================
หมายเหตุ: **การทำความดีนั้น จิตใจย่อมได้รับทันที แต่ยังไม่ได้ข้าวของ ยกตัวอย่างเช่น เราเสียเงินเลี้ยงข้าวพระ แต่ในขณะนั้น เรายังไม่ได้สมบัติเป็นรูปธรรมกลับมาทันที เราได้บุญทางใจ แต่ยังไม่แปรสภาพผลของกรรมออกมาเป็นวัตถุสิ่งของให้เราเสวยสุขทางกาย

ที่มาบทความ: https://www.facebook.com/ekhora5