โดนญาติจะยึดร้านที่พ่อแม่ตัวเองสร้างมา เกือบ 40 ปี

                  สวัสดีค่ะ ต้องขอเกริ่นก่อนว่า ก่อนมาเล่า ตัดสินใจอยู่นานมากว่าจะลงดีไหม เพราะอดทนมาเกือบ 3 ปีแล้ว เลยอยากมาระบาย
แชร์ประสบการณ์ และถามความคิดเห็นในมุมมองของคนที่อ่านกระทู้นี้ค่ะ ว่าคิดเห็นอย่างไร และทางตัวเราเองควรทำอย่างไร
เรื่องอาจจะยาวหน่อยนะคะ เพราะมีหลายเหตุการณ์ มีทั้งการขโมย ด่าทอ โกหก ให้ร้ายครอบครัวเรา รวมทั้งขู่ทำร้ายร่างกาย ขู่พังร้านจากคนเป็นญาติ เราจะขอเเทนชื่อร้านของพ่อแม่เราว่า ร้านพ่อแม่ สาขา 1 ร้านพี่สาว คือสาขา 2 นะคะ ส่วนน้องชายแม่ ที่จะยึดร้าน ให้นามสมมติว่า น้ายึด mad เราเป็นครอบครัวคนจีนนะคะ เราจะเรียกน้าสาวว่า อี้ น้าชายว่า กู๋ แต่ในกระทู้จะเรียกเป้นน้าไปเลย

                  อันนี้คือข้อมูลเบื้องต้นเพื่อจะได้ขยายความเรื่องราวที่จะเล่าต่อ ก่อนว่า อาชีพนี้สืบต่อมาจากอากง ตอนนั้นอากงจะยกให้ลูกผู้ชายคนโตแต่เค้าไม่เอา เพราะเค้ารู้ว่าปัญหาอะไรจะตามมา แม่เราก็แต่งกับพ่อแล้ว และได้ออกจากบ้านไปเนื่องด้วยปัญหาภายในครอบครัว แต่น้องสาวแม่ แล้วอาม่า (ก็คือแม่ของแม่) ไปตามกลับมา จากนั้นอากงก็เลยยกร้านรถเข็นคันเล็ก และอาชีพนี้ให้แม่ (ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครแย่งนะ เพราะร้านและอาชีพมาพร้อมหนี้สินส่วนตัว และภาระอื่นๆ) คือแม่เลยได้อาชีพนี้ไป ต้องจ่ายค่าต่อสัญญาบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ และอื่นๆจิปาฐะ  พ่อแม่เราเลยสานต่ออาชีพนี้มาตลอด ได้พัฒนา ปรับรูปแบบรถเข็นคันเล็กก็ขายทิ้งไปแล้ว ได้เปลี่ยนเป็นคันใหญ่แล้ว และได้ตั้งชื่อร้าน โดยแม่กับพ่อเราก็คิดกันว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรดี เค้าเลยคุยกันว่า งั้นเอาชื่ออากงที่คนในซอยชอบเรียก แล้วแม่เราคนก็เรียกแบบนี้อยู่แล้ว เลยตั้งชื่อร้านนี้ขึ้นมา ตลอด 40 ปีมานี้ พี่น้องฝั่งแม่และพ่อก็จะแวะเวียนกันมาช่วยงานและรับค่าจ้างออกไป จนถึงรุ่นของน้ายึด เราพี่น้อง 3 คน ก็จะแวะเวียนมาช่วยพ่อแม่ตลอด เวลาเลิกเรียน หรือเวลาว่าง *ขอย้ำก่อนว่าร้านนี้คนที่กู้หนี้ยืมสินมาลงทุนคือพ่อกับแม่เรานะ พี่น้องไม่มีส่วนใดๆทั้งสิ้นในเรื่องกำไรขาดทุน แค่มาในฐานะลูกจ้างเท่านั้น ส่วนอาชีพเป็นของอากงอาม่าสร้างกันมาแล้วพ่อแม่เรามาทำจนดังจนรุ่งแล้ว

                  ขอบอกก่อนว่าร้านพ่อแม่ ตอนหลังๆมาเปิด 24 ชม. จะแบ่งงานเป็น 2 กะ กะเช้าคือ ลูกน้องเอ และพ่อ ส่วนกะเย็น คือ แม่ น้ายึด แฟนน้ายึด และลูกน้องบี ร้าน A (ณ ตอนนี้ยังไม่มีสาขา 2 ก็คือร้านพี่สาว) เปิดมากเกือบ 40 ปี ประมาณปีที่ 20 น้ายึดถึงจะเข้ามาทำงานกับแม่เรา มาในฐานะลูกจ้าง ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในกำไรขาดทุนใดๆทั้งสิ้น สามารถยืนขายแทนแม่ได้ ปล่อยให้ดูแลบางเวลา ทำได้ทุกอย่างในร้าน ส่วนแฟนน้ายึดจะเป็นพวกมือไวใจเร็ว ไว้ใจไม่ค่อยได้ ชอบขโมยเงินร้าน และปัญหาที่สั่งสมมานานคือ ความที่แม่เราเป็นพี่สาวคนโตของบ้านคนจีน ก็จะรักพี่น้องมาก ขโมยเงินไม่ว่า เดือดร้อนก็ช่วย อยากกินอะไรบอกพี่จัดให้ ประมาณนี้ พอน้ายึดไปเล่าอะไรเกี่ยวกับกะเช้าที่มีพ่อเราอยู่ ว่าทำงานไม่ดี ทำงานไม่เรียบร้อย แม่ก็จะเลือกเชื่อน้ายึดมากกว่าพ่อเรา เป็นแบบนี้มาเกือบ 7-8 ปี ช่วงแรกๆที่น้ายึดมาทำงานใหม่ๆไม่ค่อยมีปัญหา หลังๆเข้าปีที่ 13-15 เริ่มหนักขึ้น ยุแยงตะแคงรั่วให้พ่อแม่เราทะเลาะกัน เวลาพ่อเราอยู่ร้าน น้ายึดจะไม่เข้าร้านจะรอจนพ่อเราเข้าบ้านถึงจะเข้า  แม่เราก็เชื่อน้อง เราคือคนกลาง พอเราบอกแม่ว่าทำแบบนี้พ่อเสียใจนะ ฟังพ่อบ้างว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ควรเป็นกลางมากกว่านี้ เวลาทำงานด้วยกัน งานคืองานนะ อย่าเอาคำว่าพี่น้องมารวมกับเรื่องงาน ต้องแยกแยะบ้าง กลายเป็นว่าเราก็ทะเลาะกับแม่ไปอีก หาว่าเราเข้าข้างพ่อ คืองี้เวลามีปัญหาในเรื่องของงานที่ร้านเราจะเป็นคนกลางเพราะอยากให้ 2 กะนั้นทำงานด้วยกันได้ เลยไม่เข้าข้างฝั่งไหนจะดูที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ครอบครัวเราตอนนั้นระหองระแหงมาก แม่เข้าข้างน้องหนักมากกกก จนถึงขั้นพ่อจะหนีเพราะอยู่ไม่ไหวแล้ว น้อยใจก็น้อยใจ ทำงานก็เหนื่อยๆ พูดอะไรแม่ก็ไม่ฟัง ถึงขั้นจะหย่า พี่สาวกับเราเลยคุยกันว่าจะหย่าไม่เป็นไรนะลูกๆเข้าใจ ขอให้พ่อสบายใจบ้าง สงสาร เข้ามานั่งร้องไห้คนเดียว น้ำตาซึม ลูกๆอย่างเราเห็นก็ไม่สบายใจ และปัญหาเรื่องเวลางาน ลูกน้องเอ กับพ่อเราจะต้องเปลี่ยนกะกับรอบน้ายึด บางทีน้ายึดก็ชอบมาสาย 2 - 3 ชม. ทำให้เวลามาของกะเช้าก็จะเลื่อนๆไปเรื่อยๆ บางครั้งกะเช้าลูกน้องเอก็มีออกสาย แต่ก็เครียๆกันไปทดเวลากันได้ เพราะทำงานกันยาวมาก แต่หลังๆ น้ายึดชอบเลทเกิน 2-3 ชั่วโมงขึ้นไป จนกะเช้าจะน็อค บางทีก็ล่อเกือบ 18 ชม. ให้กะเช้ายืนทำงาน น็อครอบ 1 วันเต็มก็มี แต่เเม่ทำอะไรไม่ได้ ว่าแล้วก็เหมือนเดิมเรียกแล้วก็ไม่ยอมออก และเค้าก็ชอบด่าพ่อเราให้เราฟัง จนบางทีเราก็ทนไม่ไหว ถึงเราจะนับถือเค้าเป็นน้าก็เถอะ ไม่มีใครทนได้หรอก เลยทะเลาะกัน 2 ถึง 3 รอบ
                   แฟนน้ายึดก็ชอบขโมยเงิน พี่สาวเราก็จับได้ แม่เราก็เมตตาธรรมค้ำจุนโลก เห็นว่าเป็นแฟนน้องชาย เอาเงินคืนมาแล้วจบไป คือร้านเรามีกล้องวงจรปิด พี่สาวเราก็จะเปิดดูสุ่มดูก็จะเจอแฟนน้ายึดขโมยเงินตลอด บางทีลูกค้าก็มาถาม บางคนก้มาฟ้องเลย เพราะเค้ารู้ใครเป็นเจ้าของร้านน เพราะบ่อยมาก รับไม่ได้แทน และน้องชายอีกคนของแม่ก็ชอบหยิบเงินโดยไม่บอก มาเจอในกล้อง หรือน้ายึดมาบอกแม่เองเพราะกลัวเรากับพี่เปิดเจอในกล้องแล้วปัญหาจะใหญ่ น้องแม่อีกคนก็ชอบเดินมาหยิบเงินโดยไม่ขอ โดนเราต่อว่าไปว่ามันเงินขายของ จะหยิบมั่วแบบนี้ไม่ได้ ต้องขอพี่สาวตัวเองก่อน ใครจะเข้ามากินอะไรในร้านแม่ไม่ว่า เราก็เฉยๆนะ เพราะยังไงเค้าก็พี่น้องกัน แต่ขโมยเงินเราไม่โอเค เพราะร้านแม่เราต้องลงทุน ไม่ใช่ได้มาฟรี ๆ บางคนเหมือนรู้สึกผิด มาบอกกับเราตอนนั้นน่าจะเราอยู่มอต้น มีน้องแม่คนนึงเดินมาบอกเราว่า คนอื่นมันหยิบเงินกะเอาแม่ตาย พวกกูพี่น้องหยิบแม่ไม่ตาย (ตอนนั้นเด็กมากไม่ได้คิดไร พอโตขึ้นมาหน่อย นึกย้อนไป คือ เ_ย ไม่ใช่ล้ะ แค่ 20 บาทก็หยิบไม่ได้ อิ.... ตรรกะเพี้ยนมาก เบื้องต้นจะประมาณนี้ จริงๆมีอีกหลายเหตุการณ์มาก แม่เราปล่อยจนพี่น้องเคยตัว ทำจนไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิด และกระทบมาถึงร้าน ครอบครัวตัวเอง

                  อันนี้คือเรื่องราว ตอนกำลังจะเกิดมหากาพย์ยึดร้านนะคะ 

                  ประมาณช่วงก่อนปี 62 พี่สาวเรามีแพลนจะเปิดสาขา 2 เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น เพราะร้านเริ่มดังในใซเชียล และมีแอพพลิเคชั่นเดลิเวอรรี่ ทำให้ร้านเดียวรับไม่ไหว ลูกค้าต้องรอนาน ทำออเดอร์ไม่ออก บางคนรอไม่ไหวเสียความรู้สึกก็มี จนประมาณ ตุลาคม ปี 61 ก็ได้เริ่มเปิดร้าน โดยร้านจะอยู่ใกล้เคียงกับร้านพ่อแม่ ห่างกันประมาณ 1.5 กม. และระหว่างที่รอเปิด ก็ต้องเตรียมเมนู ป้าย ตกแต่ง อะไรต่างๆของการเปิดร้าน ตัวเราเองก็จะเป็นคนที่ ถ่ายรูป เมนู ออกแบบเองทั้งหมดให้แม่อยู่เล้ว ตอนนั้นเลยทำให้ร้านพี่ ก็ออกมาถ่ายรูปเมนูที่ร้าน (ตอนนั้นเราพึ่งเรียนจบมหาลัยอยู่ในช่วงหางานทำ) ตอนนั้นเป็นช่วงบ่าย มีคนอยู่ในร้านก็คือ ลูกพี่ลูกน้องเรา แฟนน้ายึด น้องชายแม่อีกคน ขอใช้แทนว่า น้าเล็ก กับแฟนน้าเล็ก (2 คนนี้จะเป็นกลางเพราะยุ่งแล้วโดนด่าแต่อยู่ในเหตุการณ์และก็เข้าใจเราทุกอย่าง ลูกชายคนโตที่ปฎิเสธอาชีพนี้ไปตั้งแต่ตอนแรก) จากนั้นระหว่างที่ถ่ายรูปทำเมนูกันอยู่ น้ายึดก็เข้ามา บ่นๆๆ ว่างานตรงนี้ไม่เรียบร้อย ตรงนี้ไม่ดี  เริ่มมีคำหยาบคาย ด่าพ่อกับลูกน้องเอ โดยไม่เอ่ยชื่อ แต่เรารู้แหละว่าหมายถึงใคร เราเลยหันไปพูดว่า "นี่น้ายึดจะด่าพ่อก็อย่าด่าให้ลูกเค้าได้ยิน เรายังไม่เคยด่าพ่อของอากงน้ายึดเลยนะ บลาๆ" จากนั้นเค้าก็สาดคำหยาบออกมา เราก็เถียงกับด้วยอารมณ์รุนแรง จนน้าสาวแม่ ขอใช้แทนว่า น้าเอียง ก็เข้ามาห้ามทัพ น้าเล็กก็เข้ามาสงบศึก ระหว่างที่เถียงกันไปมา น้ายึดชี้หน้าเราแล้วพูดว่า 
                           
                " ร้านนี้ไม่ใช่ร้านพ่อแม่ นี่อ่ะร้านกู แม่อ่ะทำ ยิ้มอะไรบ้าง พวกอ่ะเกาะกู- พวกไปทำร้านนู้นให้หมดเลย" 
(ขอย้ำก่อนว่า ทะเลาะกันเสียงดังมาก ทุกคนในร้านได้ยิน เพราะร้านไม่ใหญ่) 

                หลังจากนั้นก็ด่ากันเละ จนน้าเล็กมาดึงเราเข้าบ้าน เพราะกลัวน้ายึดต่อยเรา และได้บอกเราว่า "รู้ไหมทำไมน้าเล็กไม่รับอาชีพนี้ต่อจากอากงก็เพราะแบบนี้ไงปัญหามันเยอะ" เราก็เลยโทรเล่าให้พี่สาว กับพ่อฟัง ประโยคที่น้ายึดพูด เราเข้าไปในบ้านนั่งร้องไห้หน้าประตู เล่าให้อาม่าฟัง (ก็คือแม่ของแม่เราแม่ของพวกน้า) กับน้องชายเค้าอีกคนนึง ขอใช้แทนว่า น้าสูง ตอนนั้นน้าสูงไม่เชื่อว่าน้ายึดจะพูด อาม่าก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้แต่นั่งเงียบ ทำหน้าเครียด แล้วบอกให้ใจเย็น พ่อเราลงมาจากบนบ้าน เดินมากอดเรา กับน้องสาว แล้วพ่อก็เดินออกไปข้างนอก เรามารู้ที่หลังว่า พ่อเดินไปพูดกับแม่ว่า "ฉันไม่ทำแล้ว ถ้าน้องเธออยากได้ก็เอาไป ทำกันเอง" แม่ก็ร้องไห้ แล้วโทรมาบอกอาม่า พ่อเราเข้ามาในบ้านขึ้นไปข้างบน อาม่าก็ขึ้นไปหาข้างบนบ้าน (อาม่าอายุเกือบ 80 แล้วมีโรคประจำตัว" ไปพูดกับพ่อเราว่า "จะทิ้งแม่ตอนนี้ไม่ได้นะ ช่วยกันมาอยู่กันมาขนาดนี้แล้ว ช่วยแม่เราก่อนเถอะนะ ร้องไห้ขอร้องพ่อเราให้อยู่ต่อ พ่อเราก็โอเคอยู่ต่อเพราะก็ห่วงลูกห่วงเมียอยู่ดี และร้านนี้เค้าก็สร้างลำบากช่วยกันมา 2 คน" และระหว่างที่พ่ออกไปที่ร้าน ก็เกิดประโยคนี้มาจากน้าสูง เริ่มจากว่า แฟนน้าเล็กพูดว่า "ไม่น่าเลยนะเค้าเลี้ยงดูอย่างดี จ้างให้มาทำงานให้เงิน เป็นน้องเค้าแท้ๆ แต่กลับจะไปยึดร้านเค้า" จากนั้นแฟนน้าเล็กโดนด่าจากน้าสูงว่า "อย่ายิ้ม คนนอกอย่ายุ่ง น้าเล็กเลยบอกแฟนตัวเองว่า เงียบๆ เราแต่งออกมาแล้ว" 
                 เราก็มาพูดกับแม่ว่าน้ายึดพูดแบบนี้ แต่เเม่เลือกที่จะนิ่งและไม่พูดอะไรเลย น้าเอียงก็มาแก้ตัวแทนว่ามันพูดไปเพราะอารมณ์ (แต่ในมุมมองของเรา เราว่าน้ายึดเค้าต้องคิดมาก่อน แล้ววันนั้นด้วยอารมณ์คงหลุดพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดมาตลอดออกมา อารมณ์เหมือนคนเก็บกด) น้าเอียง คนนี้คือคนที่ช่วยเลี้ยงเรามาตอนเด็กก็ถือว่ามีบุญคุณเยอะเหมือนกัน แต่เราคิดว่าเค้าจะฟังความจากเราบ้างนะ แต่อย่างวว่า "เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ พี่น้องย่อมดีกว่าหลาน" หลังจากเหตุการณ์นั้นเราก็ไม่เข้าร้านพ่อแม่อีกเลย เราจะช่วยอยู่แต่ร้านพี่ จากนั้นจะแบ่งเป็น 4 ช่วง ช่วงที่ 1 ก่อนแม่เป็นเส้นเลือดสมองตีบ ช่วงที่ 2 กำลังรักษาตัว ช่วงที่ 3 หายออกจากโรงพยาบาล ช่วงที่ 4 จุดแตกหัก ช่วงที่ 5 บทสรุป (ช่วงที่ 1 - 3 ระยะเวลาประมาณเกือบ 3 - 4 เดือนที่เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ นะคะ)

     ช่วงที่ 1 ก่อนแม่เป็น Storke ระหว่างนั้นร้านสาขา 2 เปิดแล้วนะ พี่ก็คิดเมนูใหม่ๆมาเพื่อเรียกลูกค้า ปรับให้ทันยุคทันสมัย เปลี่ยนแก้วไปใช้อีกรูปแบบนึง พี่สาวก็ตกลงกับแม่แล้วว่า เออตอนนี้ช่วงร้านเปิดใหม่ ขอทำเมนูแบบนี้ใส่แก้วแบบนี้นะ เพื่อเรียกลูกค้า ยกระดับอาหาร น้ายึดเริ่มมีอาการอิจฉา ไปซื้อแก้วแบบที่พี่ใช้มาใช้บ้าน (ปกติน้ายึดจะเป็นคนซื้อของเข้าร้านด้วย ได้ค่าแรงค่าน้ำมันแยกจากค่าแรงรายวันในบางครั้งด้วยนะ เอาจริงๆของบางอย่างเค้าบวกเงินแม่เพิ่มด้วยนะ เวลาพวกเราเองไปซื้อราคาไม่ถึง แต่อารมณ์แม่คงแบบแลกกันไม่ต้องไปซื้อเองเหนื่อยไรงี้ ทุกอย่างในร้านกินฟรีหมด เพื่อนมาน้ายึดเลี้ยงจะมาจ่ายแม่ แม่ก็ยกให้ จนเคยตัว บางทีปล่อยเลยตามเลย เอาง่ายๆว่า เค้าทำอะไรแม่ไม่เคยเอาเปรียบน้ายึดเลย บางครั้งแม่ก็ยืมเงินยืมทองน้ายึดมาหมุนในร้าน แล้วก็คืนนะให้เกิดด้วย *นี่คงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เค้ามีความคิดยึดร้านล่ะมั้ง คิดว่าเป็นร้านตัวเอง) บางทีร้านพี่สาวของหมดโทรมายืมกับแม่ก่อน แล้วเดี๋ยวเครียเงินกัน เพราะยังไงก็ร้านแม่ลูก น้ายึดดันไม่พอใจ ไม่ยอมให้ แม่ก็เลยแบบ อะไรว้ะร้านลูกกู  แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรกันรุนแรง แม่กับพี่สาวเราก็สั่งของกันไปมาปกติ
     
ต่อด้านล่างนะคะ            
 
 
 
 
                    
                  
            
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ช่วงที่ 2 แม่เป็นเส้นเลือดสมองตีบ ถึงมือหมอแล้วหลังจากนั้น กำลังรักษาตัว เรา พี่ น้องสาว และพ่อ คุยกันว่าใครจะดูแลร้านแม่ ซึ่งเราไม่เข้าอยู่แล้ว เพราะไม่ถูกกับน้ายึด เลยตกลงกันว่า พี่สาวจะดูแลร้านแม่ ส่วนเราจะไปดูแลร้านพี่ เรา 4 คน ก็ผลัดกันไปหาแม่ที่โรงพยาบาล ระหว่างนั้นก็เกิดเหตุการณ์พวกนี้ เช่น ห่วงของ มีอาการไม่พอใจต่างๆเวลาคนในร้านสาขา 2 มาเอาของที่ร้านสาขา 1 หนักๆหน่อย พอดีวันนั้นคนนั่งเต็มทุกโต๊ะที่ร้านสาขาแม่ พี่สาวเราเลยโทรหาเรา ว่าจะส่งลูกค้าไปประมาณ 15 คนนะ เพราะโต๊ะไม่พอเราก็โอเค จัดโต๊ะไว้รอลูกค้า พี่เราเลยไปบอกลูกค้าให้ไปสาขา 2 เลย มีโต๊ะอยู่ พอพี่เราเดินกลับมา น้ายึดต่อว่าพี่สาวว่า ส่งลูกค้าไปทำไม นี่ไงจัดโต๊ะให้แล้วไง เรียกกลับมาเลย (อ่าวเห้ยพี่เราก็งงดิ เถียงกลับสิรอไรล่ะ แบบร้านนี้กับร้านนั้น ร้านสาขากันนะ ร้านพี่สาวเรานะ พี่โทรมาเล่าให้เราฟัง ทำให้เรามีเรื่องแบบไม่โอเคกับน้ายึดมากขึ้นไปอีก บอกเลยว่าเข้าขั้นเกลียดมาก จุดเริ่มต้นมาจาก ไล่เราออกจากร้านพ่อแม่เรา ด่าพ่อล่อแม่ ด่าพี่สาวเราเนี่ยแหละ)

      ช่วงที่ 3 หายออกจากโรงพยาบาล ก็ยังต้องพักฟื้นอีกเกือบ 1 เดือน เพราะซีกซ้ายไม่มีแรง ระหว่างนั้น เราก็พลัดกันไปดูแลแม่กับน้อง ระหว่างทางน้ายึดก็ยังมีอาการเดิม ๆ เหมือนช่วงที่ 1 - 2 นะคะ พี่เราก็จะเล่าให่ฟังตลอด (บอกเลยว่าตัวเราเกลียดสะสมมาก คนที่เรานับถือไม่น่าจะเป็นคนเ_ยแบบนี้อะไรประมาณนั้น)

      ช่วงที่ 4 อันนี้จะก้ำกึ่งกับช่วงที่ 3 และจะเชื่อมไปถึงช่วงที่ 4 คือ โดยปกติแล้วเราจะไม่เข้าร้านพ่อแม่เลย ถ้าน้ายึดอยู่ ถ้าเจอก็จะมี-ดัน แซะกระทบกันไปมาบ้าง ฉบับคนเกลียดขี้หน้ากัน ถ้าเราเข้าร้านเค้าจะเดินไปนอกร้านไปอยู่ร้านข้างๆที่เป็นร้านญาติกัน พอดีวันนั้นเป้นจังหวะเปลี่ยนกะ ลูกน้องเอเข้างานแล้ว พ่อกำลังจะออกมา เป็นช่วงตอนดึกประมาณเที่ยงคืน พี่สาวก็ยืนขายกับลูกน้องเอ น้ายึดก็ทำท่าจะกลับบ้าน ตอนนั้นเค้าเห็นเราล้ะ เดินออกจากร้านไปแล้ว แฟนน้ายึดก็อยู่ในร้าน (คือแฟนน้ายึดหลังจากที่เราโดนไล่ออกจากร้านเค้าก็ไม่พูดอะไรนะ คือต้องบอกก่อนว่าแฟนน้ายึดจะนิสัยเหมือนเด็ก ไม่ค่อยโต จะสนิทกับเรา น้อง พี่ ลูกพี่ลูกน้อง น้ายึดกับแฟนเค้าอายุห่างกัน เกือบ 20 ปีนะ) เค้าก็เลยไม่มีปัญหาอะไรกับเราไปงานรับปริญญาคุยกันปกติ เราก็แยกแยะนะว่า เราทะเลาะกับน้ายึดแค่คนเดียว เราไม่ได้ทะเลาะกับคนอื่น อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวด้วย จากนั้น แฟนน้ายึดก็อยู่ในร้าน เราก็เลยแกล้งกลับพี่ว่างานยังไม่เสร็จเลย อย่ารีบกลับ "ล้างหม้อนี้ก่อน"  เพราะลูกน้องเอมาเปลี่ยนน้ายึดก่อนเวลางานประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง  แต่เรากับพี่แกล้งเฉยๆนะ ตอนแรกแฟนน้ายึดไม่ได้อะไร ตอนหลังอารมณ์งอแงเหมือนเด็ก กระแทกหม้อ น้ายึดก็ไปเอามาไซต์มาแบบกูจะกลับบ้าน ขี่มอไซต์มาหน้าร้าน แล้วก็ตะโกนเรียกแฟนตัวเอง แต่แฟนน้ายึดก็ไม่ยอมออกมาจากตรงที่ล้างของ เรากับพี่ กับลูกน้องเอ ดูทรงแล้วเดี๋ยวมีเรื่อง เพราะน้ายึดเริ่มไม่พอใจ เราก็เลยเรียกแฟนเค้าให้ออกมา เดี๋ยวล้างกันเองล้อเล่นเฉยๆ ออกมาเลยเดี๋ยวล้างกันเอง สรุป แฟนน้ายึดไม่ยอมออก น้ายึดเลยเดินลงมาจากมอไซต์เพื่อจะมาลากแฟนตัวเองกลับบ้าน แต่ตอนนั้น เรากับน้ายึด ยืนห่างกันแค่ 1 ช่วงตัว  ตอนนั้นเราจำไม่ได้นะว่าเค้าพูดว่าอะไร เพราะมันชุลมุนมาก จำได้เเค่ว่าเค้าด่ามาเราด่ากลับ แล้วเราก็หลุดไปต่อยเค้า น้ายึดก็ต่อยเราคืนนะ อารมณ์แบบกำหมัดแล้วตบเข้าหู จากนั้นเค้าก็รัวหมัดใส่เรา พี่เราก็เข้ามากอดเราไว้ เค้าก็รัวมั่วเลย แฟนพี่สาวเราก็มาล็อคแขนน้ายึดไว้ ลูกน้องเอก็มาห้าม จำคำพูดได้ว่า ประโยคแรกเรียกแฟนน้ายึดให้มาช่วยห้ามไม่สงสารเจ๊บ้างหรอเดี๋ยวเป็นอะไรขึ้น (ก็คือแม่เรา) "แฟนน้ายึดพูดว่าให้มันตีกันให้ตายไปเลย" แล้วจากนั้นลูกน้องเอก็ไปห้ามน้ายึด "หลานเป็นผู้หญิงนะ หยุดได้แล้ว โตแล้วนะ พอได้แล้วบลาๆ" จำได้ประมาณนี้ *ลูกค้าก็ลุกหนีทุกโต๊ะ มีเพื่อของจขกท.แต่ไม่ได้สนิทมากเค้าก็มาถามตอนหลังว่าเกิดอะไรขึ้น มีลูกค้าโต๊ะนึงด่าในเพจของร้าน ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ขอโทษลูกค้าจริงๆนะคะ*
จากนั้นพอแยกได้ พ่อเราเดินเข้ามาพอดี น้ายึดกับแฟนไปอยู่หน้าร้าน แล้วตะโกนด่าเข้ามา แล้วพูดอีกว่า "พวกออกไปจากร้านให้หมดเลย เดี๋ยวพวกกูทำเอง" ทางเราก็เถียงกลับว่า "นี่ร้านพ่อแม่กู นั่นแหละไป จะมาไล่พวกกูจากร้านตัวเองไม่ได้ แล้วก็ด่าพ่อเรา ด่าเรา หาว่าพ่อเราใจดำ ด่าเราประมาณเด็ก ยิ้ม" แล้วน้ายึดก็เบิ้ลรถอยู่หน้าร้าน จากนั้นเค้าก็ขี้มอไซต์ไป เราก็คิดว่าจะจบ เปล่า ขอเน้นตรงนี้หนักๆ *น้ายึดเข้าไปฟ้องพี่น้องในบ้านว่าเราต่อยเค้าเพราะหม้อใบเดียว แล้วกะให้พี่น้องเค้ามารุมเรา" พี่สาวกับแฟนพี่เป็นห่วงเลยพาเข้าบ้าน เพราะกลัวโดนพี่น้องเค้ารุม สรุปเข้าไป น้าเอียงเงียบ น้าสูงพูดขึ้นมาว่า ไปด่าพ่อเค้าเค้าก็ไม่พอใจสิ (หมายถึงน้ายึดด่าพ่อเรา) แล้วก็เดินขึ้นห้องไป หลังจากทะเลาะกันเสร็จ สรุปมือเราแตก เพราะชกเข้าไปตรงโหนกแก้มเค้า ได้เลือดตรงขาจังหวะชุลมุนไปเกี่ยวเหล็ก หูอื้อไปข้างเพราะโดนหมัดแต่อาการมีนิดเดียวแล้วก็หาย ส่วนเค้าตาเขียวช้ำ แล้วจากวันนั้นเรื่องก็ตามมาเป็นพรวน จากเรื่อง น้ายึดทะเลาะกับเราคนเดียว กลายเป็นเราทะเลาะกับพี่น้องเค้าเกือบทุกคน เพราะเค้าไม่พอใจที่เราไปต่อยน้ายึด เหตุการณ์ต่อมาคือ เค้าไปบอกแม่เราว่าจะเลิกทำแล้ว จะไปเปิดร้านตัวเอง จะอยู่ถึงแค่ ปลายเดือนมีนาคม 62 เท่ากับเราก็ต้องมาช่วยพ่อแม่เต็มตัว เพราะตอนนั้นเราก็กำหางานทำอยู่
        

  
                  
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่