แชร์ประสบการณ์ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังคงตามหารักแท้ (รักออนไลน์กับหนุ่มต่างชาติ)

..............สวัสดีค่ะทุกคน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าไม่เคยมาเขียนเรื่องราวของตัวเองแบบนี้มาก่อน แต่ด้วยความอึดอัดอยากจะเล่า 
จึงตัดสินใจเขียนเรื่องราวของตัวเองออกมาเป็นตัวหนังสือ คงจะช่วยให้เรากลั่นกรองความรู้สึกและตัดสินใจอะไรได้ดีขึ้น

..............เรื่องราวที่เราจะเล่าเป็นเรื่องของเราที่เกิดขึ้นจริง เกี่ยวกับมุมมองความรักที่เปลี่ยนไปแต่ละช่วงวัย เพราะเป็นคนที่ค่อนข้างเพ้อฝันเกี่ยวกับความรักมากๆ ตั้งแต่เด็กๆ ฝันตลอดว่าอยากแต่งงาน มีครอบครัว เจอผู้ชายดีๆได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
             
...............ตอนเราเป็นวัยรุ่นเราเติมโตมากับพ่อแม่ที่ปลูกฝังว่า อย่าเพิ่งมีแฟนให้เรียนจบก่อน และบวกกับเราเป็นคนที่เชื่อฟังพ่อแม่มาก
รักพ่อกับแม่ไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวัง จากความคิดแบบนี้เราเลยกลายเป็นคนที่รู้สึกกลัวในความรัก ไม่อยากมีแฟนเพราะกลัวพ่อแม่จะผิดหวัง
ซึ่งจริงๆพ่อแม่ก็ไม่ได้ห้ามขนาดนั้น แต่เป็นเราเองที่เอาคำพูดของพ่อแม่มาบอกตัวเองทุกวันจนกลายเป็นนิสัย
...............สมัยเรียนก็มีคนคุยมีคนมาจีบออกเดทกับผู้ชายก็เยอะ แต่ไม่เคยสานต่อความสัมพันธ์จนถึงขั้นเป็นแฟนกับใครเลย
ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีแฟนนะคะแต่ไม่รู้ทำไมพอใครจริงจังเรามักจะหนีออกมาก่อนทุกที จบปริญญาตรีไม่เคยมีแฟนเลย
พอเราเรียนจบในวัยทำงานก็เริ่มอยากมีแฟนแบบจริงๆ จังๆ แต่คนที่เข้ามาก็ไม่ใช่ หรือเราชอบเขาแต่เขาก็ไม่ชอบเรา
จนถึงอายุยี่สิบปลายๆ ที่ไม่เคยมีแฟนและไม่มีอะไรกับใครมาก่อน ก็ได้เจอกับความรักที่ไม่ใช่รักจริงๆ

..............ผู้หญิงคนนึงที่คิดว่าเรารักตัวเอง ดูแลตัวเองอย่างดี มีหน้าที่การงานที่มั่นคง คอยบอกตัวเองเสมอว่าแบบเราก็ต้องดึงดูดคนดีๆเข้ามา 
ต้องมีแฟนดีๆแน่นอน แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่วาดฝันไว้เลย ยิ่งตามหายิ่งยากที่จะเจอ

..............เราเริ่มตามหาความรักด้วยการเล่นแอพหาคู่ต่าง ๆ ที่เขาฮิตกัน มีรีวิวแอพไหนดี เราโหลดมาหมด ส่วนมากก็แค่ทักทายกัน จากการที่เราคุยกับคนในแอพที่มีทั้งคนไทยต่างชาติ พบว่าตัวเราเองชอบคุยกับคนต่างชาติมากกว่า ไม่ใช่สายฝอแต่ชอบคนจีน ญี่ปุ่น
และต่างชาติคนแรกที่ไปเดทด้วยก็คือ หนุ่มญี่ปุ่น ที่มาทำงานที่ไทย คนนี้คุยกันนานมากเขาขอเจอแต่เราไม่กล้าไปเจอ เลยต่างคนต่างเงียบกันไป จนเขาลาออกจะกลับประเทศ เขามีทริปไปเที่ยวหลายประเทศเขาก็ส่งรูปให้ดู หนึ่งเดือนที่เขาไปเที่ยวคุยกับเราทุกวัน เขาบอกอยากเจอเราเลยบินกลับมาที่ไทยก่อนไปญี่ปุ่น เราเลยตัดสินใจไปเจอเขา เป็นครั้งแรกที่เดทกับคนต่างชาติที่เจอกันในออนไลน์แบบนี้ กินข้าว ดูหนัง แล้วก็แยกย้าย พอได้เจอความรู้สึกของเราคือเฉยๆ ไม่ได้ชอบเขาเลย ทั้งๆที่เขาสุภาพและดูเปิดเผยและจริงจังกับเรา หลังจากเจอกันเขาก็ขอเราเป็นแฟนเลย เขาจะกลับมาหางานที่ประเทศไทย เลยตอบตกลงเขาไปทั้งๆที่ไม่ได้ชอบ คุยกันได้เดือนนึงเขาก็ยังอยู่ญี่ปุ่นกำลังจะหางานที่ไทย แต่ดันมีโควิคเข้ามาเริ่มแรก ทำให้เราค่อยๆห่าง จนเราขอจบความสัมพันธ์ สรุปคนนี้ก็เจอกันแค่ครั้งเดียว เป็นแฟนออนไลน์กันได้เดือนกว่าๆ แบบนี้คงไม่เรียกว่าแฟนเท่าไหร่ 

................เราก็ยังไม่ยอมแพ้ค่ะ โหลดแอพมาใหม่ช่วงโควิคระบาดใหม่ๆก็ว่าง โหลดมาได้ไม่ทันไรก็เจอกับหนุ่มจีนสายเปย์ ปากหวาน รุกหนัก
คนนี้คือสเป็คเรามากและก็หลงเขาตั้งแต่คุยกันครั้งแรก ไม่คิดเลยว่าจะเพิ่งมีการคลั่งรัก ตอนตัวเองอายุเยอะแล้ว ทั้งๆที่เพื่อนๆ มีแฟน อกหัก จนแต่วงานมีลูก ไปกันหลายคนแล้ว เราพึ่งจะเริ่มเรียนรู้ความรัก หนุ่มจีนคนนี้คุยเก่ง ทักมาทุกเช้า เย็น ก่อนนอน วิดีโอคอล บอกรัก บอกคิดถึงเรียกว่าหลงคารมคมคายของเขาก็ว่าได้ค่ะ  จนเราตายใจยอมไปเจอเขา เจอกันครั้งแรกก็ถึงเนื้อถึงตัวเลยเข้ามากอด แล้วก็ชมเราไม่หยุด แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเขานะคะ เพราะว่าเราชอบเขาอยู่แล้วด้วย จากที่ดูเหมือนว่าเราเป็นคนฉลาดทันผู้ชาย กลายเป็นโง่ไปเลยค่ะ 
................นี่แหละที่เขาว่าความรักความหลงทำอะไรก็ได้ เจอกันครั้งแรกก็กินข้าวเดินเล่นกันปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือตอนจะกลับออกมานอกห้าง  
เขาก็โบกเท็กซี่แล้วลากเราขึ้นเท็กซี่ชวนเราไปที่ห้องเขา เราก็ขัดเขาแต่ก็ไม่ได้จริงจังมาก ในใจก็กลัวแต่อีกใจก็ไปก็ไป
เราไม่ใช่เด็กถึงจะไม่เคยแต่ก็รู้ค่ะผู้ชายพาไปห้องก็ต้องมีไรแน่ๆ ก็จริงๆค่ะ เขาพยายามจะมีอะไรกับเราแต่เราไม่ยอม 
ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีที่เขาก็ยังพอมีจิตสำนึกไม่ทำไรเรา แต่หารู้ไม่เขาทำให้เราตายใจ จะได้กินง่ายๆ 
ถ้าใช้สมองสักนิดก็คงคิดได้แล้วว่าคนนี้หวังแค่จะฟันเรา แล้วรีบหนีไป แต่ไม่เราก็ยังคุยกับเขาเหมือนเดิม จากนั้นเขาก็ขอเราเป็นแฟนคุยกันทุกวัน 
เจอกันบ่อยขึ้นๆ พาเราไปเที่ยว ซื้อของให้ อยากได้อะไรซื้อให้หมด โรแมนติกมาก เราที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนก็อินเลิฟกับเขามาก
คบกันอยู่หลายเดือนจนจนกระทั้งได้มอบกายมอบใจให้กับเขาคนแรก

...............หลังจากตกหลุ่มพรางความรัก วันนึงเราก็พบกับความจริง
ไปเจอรูปคู่เขากับผู้หญิงคนจีนในโทรศัพท์ เราช็อคและไม่พูดอะไร เขาก็ไม่พูด ต่างคนต่างไม่พูดอะไรคือเขามีแฟนอยู่แล้วที่ประเทศจีน 
เขาโสดก็จริงแต่โสดเฉพาะที่ประเทศไทย คือเขาไม่ได้จริงจังอะไรกับเราตั้งแต่แรก เราก็หายไปจากเขาเลย 
ประสบการณ์อกหักครั้งแรกมันเป็นอย่างนี้นี้เอง ช่วงแรกเราโทษตัวเองตลอดว่าเราทำไมโง่จัง ทำไมเชื่อคนง่ายแบบนี้ 
แต่พอเรื่องมันผ่านมาแล้วเราก็เข้าใจชีวิตมากขึ้นว่ามันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีให้กับตัวเรา ถ้าไม่มีเขาเราอาจจะยังเป็นคนเดิมที่ไม่กล้ามีความรัก 
เขาทำให้เรากล้าที่จะเปิดใจรักและเชื่อใจผู้ชายคนนึงได้ 

............อกหักจากหนุ่มจีน เราก็ไม่เล่นแอพหาคู่อีก ก็เป็นโสดอยู่เกือบปี ก็คิดว่าอยากคบคนไทยดีกว่าเขาน่าจะอยู่กับเราได้
แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เจอใคร คนเข้ามาคุยก็เหมือนไม่ค่อยอยากคุยเท่าไหร่ ก็เลยเล่นแอพนึงมี่คิดว่ามีแต่คนไทย แต่ก็ยังไม่วายเจอคนจีนแฝงมาอีกค่ะ 
ด้วยใจก็ชอบคนจีนอยู่แล้วก็เลยคุยกับเขาอยู่ดี พอคุยกันแรกๆรู้สึกว่าไม่ชอบ เลยไม่ตอบเขา เขาก็ยังทักมา โทรมา อยู่สองวัน แทนที่จะบล็อคเขาตั้งแต่แรกเนาะ พอเห็นถึงความตั้งใจในที่สุดก็ใจอ่อนค่ะ คุยกับเขาเหมือนเดิม  

............เขาอายุเยอะกว่าเราสิบปีค่ะ และเคยแต่งงานมาแล้ว  เราถามเขาตรงๆ และคอยย้ำเขาตลอดว่ามีภรรยาอยู่ที่จีนไหม หย่ากันหรือยัง 
คำตอบคือหย่ากันแล้ว บอกความชัดเจนเขาตั้งแต่แรกว่าเราต้องการคนที่คบกับเราแบบเปิดเผยและจริงจังกับเรา เขาก็ให้ความชัดเจนกับเราทุกคำถาม ด้วยความที่ผ่านประสบการณ์การเดทมาแล้วเริ่มไม่ค่อยกลัวว่าจะต้องคุยนานแค่ไหนถึงจะยอมไปเจอ 
คนนี้ก็เลยคุยกันแค่หนึ่งอาทิตย์ก็เจอกัน 

..................และก็ประทับใจเขาตรงที่เขามาหาในสถานที่ใกล้เราที่สุด คือเราอยู่นอกเมืองมากจะเข้าไปใจกลางเมืองแต่ละทีก็ไกลพอสมควร
จากคนก่อนเราไปเจอเขาตลอดไม่เคยมาในที่ของเราเลย พอคนนี้จากที่เราไม่ชอบเขาเท่าไหร่ก็เลยบอกให้เขามาทางเรา
ถ้าไม่มาเราก็ไม่ไปจนกว่าจะมีธุระไปในเมืองถึงจะนัดเจอ เราบอกเขาแบบนี้เขาก็มาค่ะ จากนั้นก็ตัดสินใจคบกัน เริ่มกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่แฟนธรรมดาค่ะ เขาบอกว่าเขารักเรามากจึงตัดสินใจบอกว่าเขายังไม่ได้หย่ากับภรรยาของเขาที่จีน ที่ต้องโกหกเพราะกลัวเราไม่คุยกับเขา
แต่เลิกกันแล้วและผู้หญิงก็มีแฟนใหม่แล้ว ที่ไม่หย่าเพราะครอบครัวคนจีนถือเรื่องการหย่ามาก ครอบครัวไม่เคยแตกแยกมาก่อนประมาณนี้
****แต่ขอฝากผู้หญิงทุกคนเลยนะคะ ถ้าไม่เห็นใบหย่าอย่าเชื่อค่ะ และถ้ายังไม่หย่าแต่บอกว่าเลิกกันแล้วก็อย่าเชื่อจนกว่า จะได้คุยกับฝ่ายหญิงค่ะ ส่วนเราก็พลาดเชื่อเขาไปแล้วค่ะในสถานการณ์ตอนนั้นอะไรก็ง่ายไปหมด

................ที่ไม่ธรรมดาอีกก็คือ เขาขอให้เราเป็นแฟนเขา โดยเขาจะดูแลเรา คือให้เงินใช้เดือนละแสนบาท เราไม่ได้ตอบตกลงและบอกเขาว่าเราไม่ใช้ผู้หญิงหากินนะเราแค่ผู้หญิงธรรมที่ต้องการมีแฟนเหมือนคนทั่วไป เช่นเคยไม่ว่าเราจะเรียกร้องอะไรเขาก็ตกลงทุกอย่าง และไม่ได้คิดว่าเราเป็นผู้หญิงแบบนั้น เขาชอบเราจริงๆ

แต่สุดท้ายการกระทำของเขา ทำให้เรารู้สึกไม่มีค่าเลย แรกๆเขาดีทุกอย่างเหมือนแฟนทั่วไปแล้วให้เงินเราใช้ตามที่เขาบอก รวมๆตกเดือนละแสนกว่าบาท บางเดือนสองแสนนั้นค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ต้องการนะคะเพราะคบเป็นแฟนเราไม่ได้จะหวังเงินอยู่แล้ว การดูแลเทคแคร์คุยกันก็เหมือนแฟนทุกอย่างเราเลยรู้สึกว่าโชคดีมากๆที่ได้เจอเขา

แรกๆอะไรก็ดีไปหมดค่ะ หมดโปรเริ่มเปลี่ยนไป พอหลังๆเราก็ไม่ได้ไปไหนด้วยกันอีกเขาจะมารับเราแค่วันเสาร์และพยายามให้เรารีบกลับเลยในอีกวัน จึงทำให้เรารู้สึกแย่มากเพราะหลังจากที่เขาให้เรากลับไปเขาก็จะให้เงินเรา แรกๆเราก็ไม่ได้คิดอะไรเขาทำแบบเดิมมาสามอาทิตย์ติดกัน ในวันธรรมดาเขาจะบอกว่ายุ่งมากพอถึงวันเสาร์เขาก็จะคิดถึงเรามาก มารับและสุดท้ายก็ให้เงินเราจำนวนเท่าเดิม เงินที่เขาให้เยอะมากก็จริงแต่ความรู้สึกการกระทำของเขาที่มีให้เรามันดูราคาถูกเกินไปค่ะ มันทำให้เราดูถูกตัวเองทุกวัน และที่แย่ที่สุดครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันเราไปเจอแหวนผู้หญิงในห้องน้ำ เหมือนกับตั้งใจวางทิ้งไว้ในซอกเล็กๆ  คือเหตุการณ์เดิมๆมันเหมือนกลับมา เหมือนเราต้องเจอกับเรื่องเดิมๆผู้ชายแบบเดิมซ้ำ ๆ และเขาก็ปฏิเสธค่ะว่าไม่มีใคร ปฏิเสธเสียงแข็งทั้งที่หลักฐานคาตา แต่ก็ยังไม่เคลียร์กันนะคะ แต่ต้องขอบคุณแหวนวงนั้นที่ทำให้ตาสว่าง จะตัดไปเลยก็คงง่ายเกินไปรักเขาไปแล้ว พยายามอยู่ค่ะ
 

............วันนี้ขณะที่พิมพ์รู้สึกแย่และคิดจะจบความสัมพันธ์นี้แต่ไม่รู้จะต้องเริ่มบอกเขายังไงดี เขาจะส่งข้อความมาหาเราตลอด ถามว่าทำอะไรแล้วก็บอกว่าเขายุ่งทุกวัน ตอนแรกๆ ที่จีบเราไม่เคยมีคำว่ายุ่งหรือทำงานเลย เราเริ่มตอบเขาน้อยลงและจะถามเขาตรงๆ ค่ะ ขอรวบรวมความกล้าก่อน
ที่มาเล่าแค่ต้องการแชร์ประสบการณ์ ระบายความรู้สึก ถ้าจะคอมเม้นก็ขอกำลังใจนะคะ อย่าซ้ำเติมกันเลยค่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องบังเอิญ เรามีสิทธิเลือกทั้งนั้นว่าจะให้ใครเข้ามามีผลกับชีวิตเรา ส่วนเราเลือกไปแล้วก็จะแก้ไขให้มันดีกับตัวเราที่สุดค่ะ 

ขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดสุดท้ายนะคะ ยาวไปหน่อยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่