อายุ 23 เเล้ว คนในครอบครัวชอบเเดกดันเป็นประจำ

ข้าพเจ้าอายุ 23 เรียนจบชั้นมัธยมศึกษา ปีที่หก เมื่อปี 2017 จากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน หรือ กศน
ข้าพเจ้าไม่มีพ่อ จริงๆก็คือตัดพ่อตัดลูกกับฝ่ายชายผู้ให้กำเนิดไป เพราะมีเรื่องกินใจ เเละอดทนไม่ไหว

ข้าพเจ้าได้เรียนจบไม่สูงเพราะไม่มีคนส่ง เเม่ว่าง่ายๆ ในตอนข้าพเจ้าอายุ 16-17 เเม่ไม่มีกำลังส่ง
เเต่เเม่เป็นคนชอบคาดหวังนะ ข้าพเจ้าก็ฟังเขาพูดตลอด เเค่ไม่เเสดงท่าทีอะไรออกไป

ไม่ได้รักเเม่มาก เพราะมีบาดเเผลทางใจกับครอบครัว เเละคนในครอบครัว เครือญาติก็เอาเรื่องอยู่ เเต่ใดๆข้าพเจ้าไม่เปิดเผยความคิด ไม่เเสดงออกชัดเจนทางความรู้สึก ไม่เคยกล่าวบริภาษล่วงเกินใคร เพื่อเลี่ยงปัญหา เพราะอะไร?
เพราะข้าพเรียนจบไม่สูง ไม่มีปัญญามีที่ไปอยากหางานเงินเดือนมั่นคง มันก็เป็นไปไม่ได้

เเม่เคยฝากงานเป็นผู้ช่วยคนไข้ ในโรงพยาบาลรัฐ ทดลองงาน 6 เดือน ได้เงินเดือนเป็นวัน วันละ 320/วัน ถ้าผ่านถึงจะเริ่มได้เงินเป็นเดือน ไม่รวมเข้าเวร 9,000/เดือน เเม่กระตือรือร้นไปฝาก โดยไม่ได้สนใจว่าข้าพเจ้าจะชอบหรือไม่ เเต่เขาเเค่อยากมีที่พึ่ง มีหลักยึด ตามประสาพ่อเเม่ทั่วไป(ส่วนมาก,บางคน)ที่คิดหวังพึ่งลูก

ข้าพเจ้าไม่ได้ทำให้ความปราถนาเเม่สมหวัง เพราะไม่ชอบงานเเบบนี้ ยอมรับตรงๆว่าไม่ได้มีจิตใจโอบอ้อมอารี รักในงานที่ต้องทุ่มเทเเรงกายเเรงใจจิตอาสาขนาดนั้น
เเม่ยังคงค่อนเเคะด้วยท่าทีไม่จริงจัง ข้าพเจ้ามาจนถึงทุกวันนี้ในเรื่องงาน โดยอาศัยคำพูดที่ว่า ถ้าหากทำงานที่เเม่ฝาก คงมีเงิน มีทองใส่ มีรถขับ อวดชาวบ้าน ไม่ใหัใครเขาว่าได้ไปเเล้ว
ข้าพเจ้านึกตามเเต่มันก็จริง มนุษย์มักยกยอ เกรงบารมีผู้มีวัตถุนิยม

เรื่องราวคร่าวของการไร้ความมั่นคงในชีวิต ข้าพเจ้าก็มีประมาณนี้ ฝันไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะไร้ต้นทุนทางการศึกษา
ไร้ต้นทุนจากบุพการี ข้าพเจ้าเข้าใจดียิ่ง ว่าเเม้ไม่มีพ่อเเม่สนับสนุน เเต่บางคนเขามีผู้สนับสนุนการศึกษาให้ไปสูงที่สุด เพื่อต่อยอด เอาไว้สร้างหลักปักฐานมั่นคงในอนาคต ซึ่งข้าพเจ้าไม่มี ไม่มีผู้ใดเลย

เช่นนั้นก็พยายามหางานทำ ตั้งเเต่ร่างกายยังเเข็งเเรงเต็มร้อย (ปัจจุบันมีโรคภูมิเเพ้จมูกอักเสบเรื้อรัง เเละเส้นประสาทต้นคอไม่ดี อาการปวดกำเริบขึ้นมาคือย่ำเเย่)
สมัครเซเว่น งานผู้ช่วยครัว ร้านนั่งกินทั่วไป ฯล
ลองส่งใบสมัครไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีที่ไหนติดต่อกลับ จนตอนนี้ร่างกายปวกเปียกเต็มที พร้อมกับสถานการณ์การเงิน จากมีคนเคยให้เงินทุกวันวันละ 100 คนให้คืออากงที่บ้าน อาศัยว่าจ้างลูกหลาน อยู่ห้อมล้อมเป็นเพื่อน เลยให้เงินไว้กินนั่นนี่ มีข้าพเจ้า เเม่ น้อง สามคนได้ 200 คนละ 60 บาท บางวันก็ได้วันละ 100 อากงเลิกให้เเล้ว เพราะเเกติดพนันออนไลน์หนัก เป็นหนี้เงินกู้นอกระบบ กระนั้นเเล้วก็ย้งไม่หยุดเล่น (ห้ามไม่ได้เสียด้วย)

ถ้าจะถามว่าเเล้วทำไมไม่ไปหางานทำ ข้าพเจ้าก็พยายามหาเรื่อยมา ตั้งเเต่ตอนร่างกายไม่เเย่ขนาดนี้ จนตอนนี้เเย่อย่างที่เกริ่นไปในวงเล็บ หาจนถึงที่สุด จังหวัดที่ข้าพเจ้าอยู่มันไม่ใช่เมืองใหญ่นัก ไม่ใช่เมืองนักศึกษา เมืองท่องเที่ยว ก็อยู่ไปตามสภาพ อัตราภาพ

หากถามว่าเเล้วปัญหาสุขภาพร่างกาย ของข้าพเจ้าตอนนี้ร้ายเเรง หนักหนาถึงขนาดนั้นเลยหรือ เอาเป็นว่าเเต่ก่อนไม่กล้าพูดว่าตัวเองทำงานหนักไม่ได้ เพราะยังคิดว่าถ้าหางานได้ง่ายๆก็คงพออดทน จนระดับความเจ็บปวดของอาการเส้นประสาท บริเวณต้นคอ มันมากขึ้น ตึงบ่า ปวดบ่ามาก บ่าเเข็งเส้นตึง ตั้งเเต่ต้นคอ บางคราวเเล่นริ้วร้าวไปถึงหลังศีรษะ ลามขึ้นหน้าผาก ปวดหัวจนต้องกินพารา เเล้วนอนนิ่งๆให้เส้นประสาทคลายตัว ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายที่ต้นคอ ก็กินเวลาไป 30-40 นาที

อาการปวดจนบางครั้งยืนก้มหน้าเเป๊บเดียวก็ไม่ได้ก้มหน้ากินข้าว ก็อยู่ในสภาพที่ต้องประคองต้นคอมือหนึ่ง จับช้อนมือหนึ่ง ประคองคอค่อยๆก้มลงอ้าปากกินข้าวเข้าไป ในอนาคตหากโควิดไม่รีบซา การไปรักษาหาหมอเฉพาะทาง หมอกระดูกจริงจัง (อาการบาดเจ็บเเรมปีนี้เกิดจากการออกกำลังกายผิดท่า) ถ้าหากไม่ได้รีบรักษา กายภาพ
ไม่รู้ว่าในวันข้างหน้ามันจะหนักกว่านี้ไหม

เเล้วก็อาการที่รู้สึกเป็นสิ่งกวนใจ กว่าเรื่องเส้นประสาท คือภูมิเเพ้จมูกอักเสบเรื้อรัง อาการคร่าวๆคือ หากไม่ขยันดื่มน้ำ ให้จมูกชุ่มชื้น เจออากาศร้อนมากไป  เย็นมากไป จะมีน้ำมูกไหลลงคอตลอด กลายเป็นเสลด เเละก็เทียวต้องวนไปห้องน้ำ ไปหาที่ขากเสลดอยู่นั่น ไม่อย่างนั้นก็ไอ ไอเเบบคันคอ ไอจนตัวโยน ไอจนคนอยู่บ้านเเต่ก่อนเขาไม่เข้าใจ เขาบ่นบอกน่าสงสาร น่ารำคาญเเทนจัง อาการภูมิเเพ้เป็นเเบบนั้นจะครึ่งปีเข้าเเล้ว ทุกวันนี้ก็ยังไม่หาย ต้องกินยาเเก้เเพ้พ่นยาเสตรียลอยด์จมูกทุกวัน(ก่อนนอน) ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ต้องทำสม่ำเสมอ
เรื่องสุขภาพหนักๆนี่มีสองอย่าง ตามที่เล่า

ตอนนี้ว่าตามตรง รู้สึกคิดหนักเหมือนกัน กับชีวิต สารภาพว่าอยู่ไปวันๆ อยากมีเงินใช้ เหมือนเดิม เลยพยายามดิ้นรนคิดเรื่องหางานทำ เรื่องสุขภาพเรื่องไอภูมิเเพ้นี่กวนใจ เเละกลัวเป็นที่รำคาญของคนอื่นมากกว่า อาการเจ็บต้นคออีก

ผู้ผ่านมาอ่านกระทู้คิดว่าข้าพเจ้า ควรตั้งสติ เเละคำนึงถึงสุขภาพที่ย่ำเเย่ ดูเเลตัวเองเท่าที่ทำได้ หาหมอจริงจัง เมื่อโรงพยาบาลใหญ่เปิด (ตั้งใจรอฉีดวัคซีนโควิด ก็จะข้ามจังหวัดไปพบหมอโรคภูมิเเพ้เฉพาะทางเเล้ว ตอนนี้รอวัคซีนน่าจะอีกเดือนครึ่ง สองเดือน หรืออาจจะนานกว่านั้น) จุดประสงค์เพื่อว่าให้มันดีขึ้น ให้มากกว่าที่เป็นอยู่กว่านี้ ตอนนี้มีอะไรกินก็กิน มีเท่าไหร่ก็ใช้ไปก่อน ให้โรคที่เป็นมันลดอาการรบกวนคุณภาพชีวิตประจำวันไป มากกว่าครึ่ง ถึงค่อยไปหางานทำจริงจัง

หรือว่าไปทั้งลองหางานทำ ทุ่มเทสุดตัว
ทั้งสภาพเเบบนี้เลยดี กระเสาะกระแสะไปแบบนี้ อาการเเย่ กำเริบก็ค่อยไปหาหมอเอา?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่