กระแสที่แรงตอนนี้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งกลับไปเป็นบัตร 2 ใบ ซึ่งแต่กอ่นเป็นพรรคฝั่งตระกูลชินชะมาตลอดตั้งแต่ปี 2544 2548 2550 2554 รวม 4 ครั้ง แต่ทั้ง 4 ครั้งนั้นก็มาจากการรวมขั้วการเมืองแบบหลวมๆของกลุ่มการเมืองต่างๆ ทั้งนักการเมืองระดับจังหวัด และนักการเมืองนายทุนในระบบปาตี้ลิส จนถึงขนาดผู้มีอำนาจต้องเปลี่ยนมาใช้บัตร 1 ใบ แต่การใช้ระบบนี้ทำให้เกิดพรรคการเมืองหน้าใหม่ที่ชื่อ อนาคตใหม่ หรือ ก้าวไกล ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นพรรคที่มีแนวคิด ต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ เนื่องจากเป็นแนวคิดแบบยอมหักไม่ยอมงอ การประสานทำได้ยากต่างจากพรรคอื่นๆ ที่มีการสลับโยกย้ายกันจนรู้ทางกันในสภา ต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งแบบบัตร 1 ใบ ทำให้ ก้าวไกลมีที่นั่ง ส.ส.ในสภาเยอะเกินความคาดหมาย และทำให้พรรคขนาดกลางอย่าง ภูมิใจไทย กับ ประชาธิปัตย์ มิอำนาจต่อรองตามจำนวน ส.ส. รวมทั้งพรรคเล็กที่มี ส.ส. 1 คน
มาครั้งนี้ พลังประชารัฐ ที่เริ่มลงฐานมั่นคงแล้วจากโพลเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา และเริ่มเห็นว่าพรรคร่วมมีอำนาจต่อรองเยอะเกินไป จึงมั่นใจขอกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ เหมือนปี 2540 และจะเพิ่ม ส.ส.เขต เป็น 400 คน ลด ส.ส.บัญชีรายชื่อเหลือ 100 คน แล้วทีนี้ผลจะเป็นอย่างไร พรรคที่ได้เปรียบตอนนี้
อันดับ 1 พลังประชารัฐ เชื่อว่าถ้าแตกเขตจะมีโอกาสมากขึ้นไม่ต้องใช้ 350 เหมือนเดิม ยิ่งย่อยโอกาสที่ไม่ต้องแย่งกับเพื่อไทยก็มี เรียกว่าแบ่งเสียงมาได้ และใช้พลังดูด ส.ส. พรรคอื่น รวมทั้งเจาะฐานที่มั่นพรรคร่วม แม้แต่ระบบปาตี้ริส เชื่อว่าถ้าหาเสียงกับฐานเดิมก็ยังพอได้อยู่
อันดับ 2 เพื่อไทย ที่ให้เป็นที่ 2 เพราะเชื่อว่าเกิดจากการแตกพรรคไป ไม่ว่าจะครั้งก่อน หรือปัจจุบันที่มีการแยกออกมา เพื่อไทยจะเข้าไปแทน ส.ส.เขตของก้าวไกล ที่ครั้งก่อนเป็นของ ไทยรักษาชาติ แต่ก็อาจเสียบางส่วนจากการแตกพรรค หรือโดนดูด ส.ส. ไป แต่จะได้คะแนนปาตี้ลิสมาเสริม
อันดับที่ 3 อันนี้ ภูมิใจไทย ที่ก็มีพลังดูดมีฐานเสียงเฉพาะตัว ไม่แน่อาจมี ส.ส.จาก พลังประชารัฐย้ายมา หรือ ส.ส.จากขั้วฝ่ายค้านเข้ามาเสริม น่าจะได้ ส.ส.เขตไปพอสมควร และได้ปาตี้ริสไป
ขอจัดไว้ 3 อันดับแค่นี้ก่อน การเลือกตั้งระบบบัตร 2 ใบ ที่แยกการคิดคะแนน ส.ส.เขต กับ ส.ส.ปาตี้ริสแยกขาดจากกกัน จะทำให้ ก้าวไกล ที่ไม่มีฐานแน่นในระดับพื้นที่ อาจจะได้ ส.ส.เขตน้อย แม้จะได้ ส.ส.จากระบบปาตี้ริส แต่ก็จะไปคล้ายพรรครักประเทศไทยสมัย 2554 ที่ได้ ส.ส.ไม่เยอะมาก ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วมีคนเลือก ก้าวไกล ประมาณ 17.8 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นระบบบัตร 2 ใบ ก้าวไกลอาจจะเหลือ ส.ส. แค่ 18 คน รวม ส.ส. เขต ก็อาจเหลือแค่ 20 คน ให้มากสุดไม่เกิน 35 คน เต็ม 500 ครั้งนี้ทั้ง พลังประชารัฐ และเพื่อไทย เห็นโอกาสที่จะช่วงชิง ส.ส.ตรงนี้ของ ก้าวไกล ทั้งระบบเขต และระบบ ปาตี้ริส อีกทั้งยังเป็นการตัดก้าวไกลไม่ให้ขัดพลังประชารัฐ ร่วมทั้งไม่แย่งคะแนนนิยมของเพื่อไทย
โจทย์ยากของ ก้าวไกล ในการแก้รัฐธรรมนูญ คือถ้าใช้ระบบการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบเหมือนปี 2540 ก้าวไกลจะแย่งชิง ส.ส.เขตได้อย่างไรเพราะฐานเสียงระดับพื้นที่ไม่ได้แน่น และจะแย่งคะแนนปาตี้ริสได้อย่างไรในเมื่อมันถูกจำกัดจำนวนแค่ 100 คน อาจมาดีหน่อยถ้าเป็นปาตี้ริส 150 คน ตามรัฐธรรมนูญ 2560 หรือ 125 คน ตามรัฐธรรมนูญ 2550 แต่ก็ยังแย่อยู่ดี อย่างที่ปิยะบุตรออกมาพูดเรื่องการคำนวนคะแนน ที่ไม่อยากให้ใช้แบบปี 2540 และทักษิณ ที่ออกมาพูดว่าชอบแบบปี 2540 มันแสดงให้เห็นแล้วว่า เพื่อไทยมั่นใจในระบบบัตร 2 ใบ ปี 2540 แต่ก้าวไกลกังวลเรื่องนี้ ส่วนพลังประชารัฐมองขาดแล้วว่าตัวเองจะได้ ส.ส.เขต และปาตี้ริสเพิ่มขึ้นแน่ๆ จากระบบนี้ ส่วนภูมิใจไทย นั้น ส.ส.เขตน่าจะยังยึดได้และอาจได้เพิ่มด้วย รวมทั้งปาตี้ริส ก็ไม่ได้ไม่เสียเท่าๆเดิม
งานนี้ ก้าวไกลท่าจะแย่ที่สุด แต่ก็ไม่ได้แย่คนเดียว ประชาชาธิปัตย์ ก็น่าจะแย่ไม่ต่างกัน ด้วย ส.ส.เขตที่น่าจะโดนเจาะ และปาตี้ริสที่คะแนนนิยมหาย งานนี้วัดกันระหว่าง พลังประชารัฐกับเพื่อไทย แต่พรรคที่ไม่ว่ากติกาไหน ภูมิใจไทยมาวินกับวิน
ก้าวไกล สลักที่กำลังจะถูกถอดออกจากการเมือง
มาครั้งนี้ พลังประชารัฐ ที่เริ่มลงฐานมั่นคงแล้วจากโพลเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา และเริ่มเห็นว่าพรรคร่วมมีอำนาจต่อรองเยอะเกินไป จึงมั่นใจขอกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ เหมือนปี 2540 และจะเพิ่ม ส.ส.เขต เป็น 400 คน ลด ส.ส.บัญชีรายชื่อเหลือ 100 คน แล้วทีนี้ผลจะเป็นอย่างไร พรรคที่ได้เปรียบตอนนี้
อันดับ 1 พลังประชารัฐ เชื่อว่าถ้าแตกเขตจะมีโอกาสมากขึ้นไม่ต้องใช้ 350 เหมือนเดิม ยิ่งย่อยโอกาสที่ไม่ต้องแย่งกับเพื่อไทยก็มี เรียกว่าแบ่งเสียงมาได้ และใช้พลังดูด ส.ส. พรรคอื่น รวมทั้งเจาะฐานที่มั่นพรรคร่วม แม้แต่ระบบปาตี้ริส เชื่อว่าถ้าหาเสียงกับฐานเดิมก็ยังพอได้อยู่
อันดับ 2 เพื่อไทย ที่ให้เป็นที่ 2 เพราะเชื่อว่าเกิดจากการแตกพรรคไป ไม่ว่าจะครั้งก่อน หรือปัจจุบันที่มีการแยกออกมา เพื่อไทยจะเข้าไปแทน ส.ส.เขตของก้าวไกล ที่ครั้งก่อนเป็นของ ไทยรักษาชาติ แต่ก็อาจเสียบางส่วนจากการแตกพรรค หรือโดนดูด ส.ส. ไป แต่จะได้คะแนนปาตี้ลิสมาเสริม
อันดับที่ 3 อันนี้ ภูมิใจไทย ที่ก็มีพลังดูดมีฐานเสียงเฉพาะตัว ไม่แน่อาจมี ส.ส.จาก พลังประชารัฐย้ายมา หรือ ส.ส.จากขั้วฝ่ายค้านเข้ามาเสริม น่าจะได้ ส.ส.เขตไปพอสมควร และได้ปาตี้ริสไป
ขอจัดไว้ 3 อันดับแค่นี้ก่อน การเลือกตั้งระบบบัตร 2 ใบ ที่แยกการคิดคะแนน ส.ส.เขต กับ ส.ส.ปาตี้ริสแยกขาดจากกกัน จะทำให้ ก้าวไกล ที่ไม่มีฐานแน่นในระดับพื้นที่ อาจจะได้ ส.ส.เขตน้อย แม้จะได้ ส.ส.จากระบบปาตี้ริส แต่ก็จะไปคล้ายพรรครักประเทศไทยสมัย 2554 ที่ได้ ส.ส.ไม่เยอะมาก ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วมีคนเลือก ก้าวไกล ประมาณ 17.8 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นระบบบัตร 2 ใบ ก้าวไกลอาจจะเหลือ ส.ส. แค่ 18 คน รวม ส.ส. เขต ก็อาจเหลือแค่ 20 คน ให้มากสุดไม่เกิน 35 คน เต็ม 500 ครั้งนี้ทั้ง พลังประชารัฐ และเพื่อไทย เห็นโอกาสที่จะช่วงชิง ส.ส.ตรงนี้ของ ก้าวไกล ทั้งระบบเขต และระบบ ปาตี้ริส อีกทั้งยังเป็นการตัดก้าวไกลไม่ให้ขัดพลังประชารัฐ ร่วมทั้งไม่แย่งคะแนนนิยมของเพื่อไทย
โจทย์ยากของ ก้าวไกล ในการแก้รัฐธรรมนูญ คือถ้าใช้ระบบการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบเหมือนปี 2540 ก้าวไกลจะแย่งชิง ส.ส.เขตได้อย่างไรเพราะฐานเสียงระดับพื้นที่ไม่ได้แน่น และจะแย่งคะแนนปาตี้ริสได้อย่างไรในเมื่อมันถูกจำกัดจำนวนแค่ 100 คน อาจมาดีหน่อยถ้าเป็นปาตี้ริส 150 คน ตามรัฐธรรมนูญ 2560 หรือ 125 คน ตามรัฐธรรมนูญ 2550 แต่ก็ยังแย่อยู่ดี อย่างที่ปิยะบุตรออกมาพูดเรื่องการคำนวนคะแนน ที่ไม่อยากให้ใช้แบบปี 2540 และทักษิณ ที่ออกมาพูดว่าชอบแบบปี 2540 มันแสดงให้เห็นแล้วว่า เพื่อไทยมั่นใจในระบบบัตร 2 ใบ ปี 2540 แต่ก้าวไกลกังวลเรื่องนี้ ส่วนพลังประชารัฐมองขาดแล้วว่าตัวเองจะได้ ส.ส.เขต และปาตี้ริสเพิ่มขึ้นแน่ๆ จากระบบนี้ ส่วนภูมิใจไทย นั้น ส.ส.เขตน่าจะยังยึดได้และอาจได้เพิ่มด้วย รวมทั้งปาตี้ริส ก็ไม่ได้ไม่เสียเท่าๆเดิม
งานนี้ ก้าวไกลท่าจะแย่ที่สุด แต่ก็ไม่ได้แย่คนเดียว ประชาชาธิปัตย์ ก็น่าจะแย่ไม่ต่างกัน ด้วย ส.ส.เขตที่น่าจะโดนเจาะ และปาตี้ริสที่คะแนนนิยมหาย งานนี้วัดกันระหว่าง พลังประชารัฐกับเพื่อไทย แต่พรรคที่ไม่ว่ากติกาไหน ภูมิใจไทยมาวินกับวิน