อยากขอคำแนะนำค่ะ ปัจจุบันดิฉัน อายุ 36 ปี รับราชการครู มีอายุราชการ 1 ปี 6 เดือน สมรสแล้ว สามีทำงานอิสระ มีรายได้ประมาณ 15,000 - 20,000 บาท ไม่มีบุตร และตั้งใจไม่มี บิดามารดาเป็นข้าราชการบำนาญ
มีภาระผ่อนบ้าน 35 ปี หนี้กู้บ้าน 1,482,000 บาท ตั้งแต่ เดือนมีนาคม 2563
เริ่มต้นเงินเดือนที่ 15,080 บาท แท่งเงินเดือนคาดว่าจะตันที่ 60,000 บาท
ข้อดี
1. มีบำเหน็จ บำนาญ
2. ใช้สิทธิรักษาพยาบาล ให้สามี และตัวเองได้จากกรมบัญชีกลาง ไปจนเสียชีวิต
3. มีวันหยุด (โดยได้รับเงินเดือน) 2 สัปดาห์ ขึ้นไป ต่อรอบ (6เดือนต่อรอบ ต.ค - มี.ค / เม.ย - ก.ย) นอกเหนือ จากการลาป่วย ลากิจ
ข้อเสีย
1. ฐานเงินเดือนได้น้อยเริ่มต้นน้อย เพราะจบไม่ตรงสาขา ใช้หน่วยกิต วิชาโท สอบบรรจุ
2. ไม่สามารถนำวุฒิ ปริญญาโทมาใช้เลื่อนเงินเดือน หรือใช้ในการเพิ่มตำแน่งได้ (จบก่อนบรรจุ)
3. การพิจารณาเงินเดือนขึ้นของหน่วยงานใช้การเฉลี่ย และหรือความสนิทสนมกับผู้ประเมิน (ส่วนตัวคิดว่าไม่โปร่งใส และไม่ยุติธรรม และผู้ประเมินคนนี้คงเป็นผู้ประเมินในชีวิตการทำงานราชการไปอีกอย่างต่ำ 10 ปีแน่นอน โดยเฉลี่ยได้เงินเดือนขึ้น รอบละไม่เกิน 2.5-3 เปอร์เซนต์ (6เดือนต่อรอบ ต.ค - มี.ค / เม.ย - ก.ย)
4. บรรยากาศการทำงานเชิงค่อนข้างลบ มีแต่การบ่นว่าองค์กร จับผิดกันและกัน จับกลุ่มนินทาเพื่อนร่วมงาน ดีได้แต่อย่างเด่น ขยันเกิน และส่งงานก่อนโดนเขม่น คนในองค์กรไม่ทำหน้าที่ของตนเอง ผู้บริหารชอบตำหนิลูกน้องกลางที่ประชุม มีแต่การทวงบุญคุณ ในการเป็นข้าราชการได้เป็นบุญคุณที่รัฐจ่ายเงินให้ (โดยส่วนตัวคิดว่าตนเองก็ใช้ความรู้ความสามารถในการสอบ และรัฐก็ใช้ภาษีจากเรา และประชาชน คนอื่น เราเองก็เป็นคนทำงานเต็มที่ ทำหน้าที่ของตนเอง ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดในทุก ๆ วัน)
เนื่องจากรายจ่ายในปัจจุบัน เหลือเงินใช้(ส่วนตัว)ต่อวันไม่ถึง 200 บาท (ค่าผ่อนบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ของกินของใช้ในบ้าน หารคนละครึ่งกับสามี สามีให้เงินพิเศษเพื่อเป็นเงินออม เดือนละ 2,000 - 4,000 บาท โดยที่ดิฉันหยุดการจ่ายเงินส่วนนี้ไปตั้งแต่บบรจุราชการ) ทำให้เริ่มคิดดูว่า ตนเองเริ่มต้นงานราชการด้วยอายุ 35 ปี อาจจะไม่คุ้มหรือไม่
อีกทั้งได้รับการติดต่อจากที่ทำงานเก่า (พนักงานมหาวิทยาลัย หลักสูตรนานาชาติ) ที่บ้านเกิด ทางภาคเหนือ ที่เคยทำงาน มา 5 ปี ที่ออกเพราะสอบบรรจุราชการได้ ทางภาคตะวันออก (และอยากแยกออกมาใช้ชีวิตแต่งงานกับสามี เพราะช่วงชีวิตการแต่งงานในปี 58 - 62 พักอยู่กับครอบครัวดิฉัน ซึ่งพบปัญหาภายในครอบครัวค่อนข้างมาก เมื่อสอบบรรจุไปต่างจังหวัดได้จึงเป็นข้ออ้างที่ดีในการออกมาเพื่ออยู่กับสามี ดิฉันเองเป็นคนไม่ค่อยกล้าขัดผู้ใหญ่ คุณพ่อเป็นคนเข้มงวดมาก ดิฉันไม่เคยได้ออกมาใช้ชีวิตเอง ส่วนตัวก็ไม่อยากทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ทำให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขตรงจุดต้องใช้วิธีการเปลี่ยนงานเพื่อจะได้เปลี่ยนที่อยู่ )
ซึ่งเงินเดือนที่คาดว่าจะได้รับ หากกลับไปทำงานที่เดิม จะเริ่มต้นที่ 30,000 บาท แท่งเงินเดือนตันที่ 70,000 บาท
ข้อดี
1. มีรายได้รายเดือนมากขึ้น
2. มีฐานเงินเดือนที่สูง พิจารณาตามวุฒิการศึกษาที่ได้รับ + ประสบการณ์ (การพิจารณาเงินเดือนก็จะได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น การพิจารณาการขึ้นเงินเดือนโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ต่ำกว่า 3 เปอร์เซนต์ ต่อปี
3. มีโบนัส อย่างน้อย 1 เท่าต่อปี มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สวัสดิการประกันสังคม
4. มีเกณฑ์ความก้าวหน้าในการทำงานที่ชัดเจน เข้าถึงได้
5. บรรยากาณการทำงานเชิงบวก ส่งเสริมให้พนักงานทำงานให้เต็มศักยภาพ ผู้บริหารให้เกียรติพนักงาน
ข้อเสีย
1. ไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลให้คู่สมรส และหลังเกษียณ
2. มีวันหยุด (โดยได้รับเงินเดือน) ไม่เกิน 5 วัน ต่อรอบ (6เดือนต่อรอบ ต.ค - มี.ค / เม.ย - ก.ย) นอกเหนือ จากการลาป่วย ลากิจ
3. มีภาระผูกพัน หนี้บ้าน ต้องขายบ้านหลังเก่าก่อน
ทั้งนี้หากกลับไปทำงานที่เก่าก็คิดจะขายบ้านที่ซื้อ และมองหาบ้านหลังใหม่ ซึ่งจะไม่กลับเข้าไปอยู่บ้านกับพ่อแม่ จะแยกมาอยู่เอง หากถามใจตนเองตอนนี้ใจอยากกลับไปทำงานที่เดิม 60 เปอร์เซนต์ แต่ก็ยังชั่งใจกับสวัสดิการของข้าราชการหลังเกษียณ และภาระหนี้
ทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไร หรือมีเรื่องไหนที่ดิฉันยังคิดไม่ครบทุกด้าน ขอคำแนะนำทุกท่านด้วยค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
ข้าราชการ หรือ พนักงานมหาวิทยาลัย
มีภาระผ่อนบ้าน 35 ปี หนี้กู้บ้าน 1,482,000 บาท ตั้งแต่ เดือนมีนาคม 2563
เริ่มต้นเงินเดือนที่ 15,080 บาท แท่งเงินเดือนคาดว่าจะตันที่ 60,000 บาท
ข้อดี
1. มีบำเหน็จ บำนาญ
2. ใช้สิทธิรักษาพยาบาล ให้สามี และตัวเองได้จากกรมบัญชีกลาง ไปจนเสียชีวิต
3. มีวันหยุด (โดยได้รับเงินเดือน) 2 สัปดาห์ ขึ้นไป ต่อรอบ (6เดือนต่อรอบ ต.ค - มี.ค / เม.ย - ก.ย) นอกเหนือ จากการลาป่วย ลากิจ
ข้อเสีย
1. ฐานเงินเดือนได้น้อยเริ่มต้นน้อย เพราะจบไม่ตรงสาขา ใช้หน่วยกิต วิชาโท สอบบรรจุ
2. ไม่สามารถนำวุฒิ ปริญญาโทมาใช้เลื่อนเงินเดือน หรือใช้ในการเพิ่มตำแน่งได้ (จบก่อนบรรจุ)
3. การพิจารณาเงินเดือนขึ้นของหน่วยงานใช้การเฉลี่ย และหรือความสนิทสนมกับผู้ประเมิน (ส่วนตัวคิดว่าไม่โปร่งใส และไม่ยุติธรรม และผู้ประเมินคนนี้คงเป็นผู้ประเมินในชีวิตการทำงานราชการไปอีกอย่างต่ำ 10 ปีแน่นอน โดยเฉลี่ยได้เงินเดือนขึ้น รอบละไม่เกิน 2.5-3 เปอร์เซนต์ (6เดือนต่อรอบ ต.ค - มี.ค / เม.ย - ก.ย)
4. บรรยากาศการทำงานเชิงค่อนข้างลบ มีแต่การบ่นว่าองค์กร จับผิดกันและกัน จับกลุ่มนินทาเพื่อนร่วมงาน ดีได้แต่อย่างเด่น ขยันเกิน และส่งงานก่อนโดนเขม่น คนในองค์กรไม่ทำหน้าที่ของตนเอง ผู้บริหารชอบตำหนิลูกน้องกลางที่ประชุม มีแต่การทวงบุญคุณ ในการเป็นข้าราชการได้เป็นบุญคุณที่รัฐจ่ายเงินให้ (โดยส่วนตัวคิดว่าตนเองก็ใช้ความรู้ความสามารถในการสอบ และรัฐก็ใช้ภาษีจากเรา และประชาชน คนอื่น เราเองก็เป็นคนทำงานเต็มที่ ทำหน้าที่ของตนเอง ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดในทุก ๆ วัน)
เนื่องจากรายจ่ายในปัจจุบัน เหลือเงินใช้(ส่วนตัว)ต่อวันไม่ถึง 200 บาท (ค่าผ่อนบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ของกินของใช้ในบ้าน หารคนละครึ่งกับสามี สามีให้เงินพิเศษเพื่อเป็นเงินออม เดือนละ 2,000 - 4,000 บาท โดยที่ดิฉันหยุดการจ่ายเงินส่วนนี้ไปตั้งแต่บบรจุราชการ) ทำให้เริ่มคิดดูว่า ตนเองเริ่มต้นงานราชการด้วยอายุ 35 ปี อาจจะไม่คุ้มหรือไม่
อีกทั้งได้รับการติดต่อจากที่ทำงานเก่า (พนักงานมหาวิทยาลัย หลักสูตรนานาชาติ) ที่บ้านเกิด ทางภาคเหนือ ที่เคยทำงาน มา 5 ปี ที่ออกเพราะสอบบรรจุราชการได้ ทางภาคตะวันออก (และอยากแยกออกมาใช้ชีวิตแต่งงานกับสามี เพราะช่วงชีวิตการแต่งงานในปี 58 - 62 พักอยู่กับครอบครัวดิฉัน ซึ่งพบปัญหาภายในครอบครัวค่อนข้างมาก เมื่อสอบบรรจุไปต่างจังหวัดได้จึงเป็นข้ออ้างที่ดีในการออกมาเพื่ออยู่กับสามี ดิฉันเองเป็นคนไม่ค่อยกล้าขัดผู้ใหญ่ คุณพ่อเป็นคนเข้มงวดมาก ดิฉันไม่เคยได้ออกมาใช้ชีวิตเอง ส่วนตัวก็ไม่อยากทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ทำให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขตรงจุดต้องใช้วิธีการเปลี่ยนงานเพื่อจะได้เปลี่ยนที่อยู่ )
ซึ่งเงินเดือนที่คาดว่าจะได้รับ หากกลับไปทำงานที่เดิม จะเริ่มต้นที่ 30,000 บาท แท่งเงินเดือนตันที่ 70,000 บาท
ข้อดี
1. มีรายได้รายเดือนมากขึ้น
2. มีฐานเงินเดือนที่สูง พิจารณาตามวุฒิการศึกษาที่ได้รับ + ประสบการณ์ (การพิจารณาเงินเดือนก็จะได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น การพิจารณาการขึ้นเงินเดือนโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ต่ำกว่า 3 เปอร์เซนต์ ต่อปี
3. มีโบนัส อย่างน้อย 1 เท่าต่อปี มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สวัสดิการประกันสังคม
4. มีเกณฑ์ความก้าวหน้าในการทำงานที่ชัดเจน เข้าถึงได้
5. บรรยากาณการทำงานเชิงบวก ส่งเสริมให้พนักงานทำงานให้เต็มศักยภาพ ผู้บริหารให้เกียรติพนักงาน
ข้อเสีย
1. ไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลให้คู่สมรส และหลังเกษียณ
2. มีวันหยุด (โดยได้รับเงินเดือน) ไม่เกิน 5 วัน ต่อรอบ (6เดือนต่อรอบ ต.ค - มี.ค / เม.ย - ก.ย) นอกเหนือ จากการลาป่วย ลากิจ
3. มีภาระผูกพัน หนี้บ้าน ต้องขายบ้านหลังเก่าก่อน
ทั้งนี้หากกลับไปทำงานที่เก่าก็คิดจะขายบ้านที่ซื้อ และมองหาบ้านหลังใหม่ ซึ่งจะไม่กลับเข้าไปอยู่บ้านกับพ่อแม่ จะแยกมาอยู่เอง หากถามใจตนเองตอนนี้ใจอยากกลับไปทำงานที่เดิม 60 เปอร์เซนต์ แต่ก็ยังชั่งใจกับสวัสดิการของข้าราชการหลังเกษียณ และภาระหนี้
ทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไร หรือมีเรื่องไหนที่ดิฉันยังคิดไม่ครบทุกด้าน ขอคำแนะนำทุกท่านด้วยค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ