ยามย่ำเช้า ลมหนาวหอบไอเย็นปกคลุมไปทั่ว ก้อนเมฆหนาบดบังแสงอาทิตย์จนหมด หมอกหนาจนมองเห็นระยะไกลได้เพียงลางๆ ซึ่งบ่งบอกถึงสภาพอากาศต้นเดือนมกราได้อย่างชัดเจน
ปีใหม่ผ่านพ้นไป แต่วิถีชีวิตของชาวบ้านตาดำๆในต่างจังหวัดยังคงเดิม เฉกเช่น แนม เหลียว ตาคงและยายจันทร์ 4ชีวิต ที่ดำเนินมาเป็นปกติอยู่เนืองๆมาหลายปี
จนกระทั่งในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่แนมกับเหลียวกำลังช่วยกันทำกับข้าวอยู่ในบ้าน ก็มีรถกระบะคันหนึ่งมาจอดเทียบหน้าบ้าน แนมจึงรีบเดินออกมาดู จึงเห็นว่าเป็นชายหญิงวัยกลางคน เดินลงมาจากรถพร้อมกับเด็กหญิง2คน แนมรู้ทันทีว่านั่นคือลุงชิดกับป้าสาย
“สวัสดีค่ะลุง สวัสดีค่ะป้า”
“สวัสดีแนม แล้วเหลียวกับตายายล่ะ”
ป้าสายทำท่าชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน ก่อนหันไปมองหน้าลุงชิด ลุงชิดก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกอะไรสักอย่างกับป้าสาย
“ป้าสายกับลุงชิดมาตั้งไกล มีธุระอะไรด่วนเหรอคะ ทำไมไม่โทรมาก่อนล่ะคะ หนูจะได้เตรียมกับข้าวไว้ด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกแนม พอดีป้ากับลุงมีธุระด่วนที่ต่างจังหวัด ก็เลยอยากจะมาฝากก้อยกับแก้มไว้กับแนมก่อนน่ะ คงไม่เป็นไรใช่มั้ย ป้ากับลุงไปไม่นานหรอก แถวบ้านมีแต่คนยุ่งๆป้าก็ไม่กล้าไปรบกวนเค้า”
“เอ่อคือ แนมขอถามพี่เหลียวก่อนได้มั้ยคะ เดี๋ยวพี่เหลียวเค้าจะว่าเอา”
“ไม่ว่าหรอก คนกันเองทั้งนั้น เอาเป็นว่าตกลงเนาะ นี่เค้าก็โทรตามแล้ว เดี๋ยวป้ากับลุงไปก่อนนะ ก้อยกับแก้มมานี่สิลูก”
ป้าสายเรียกเด็กผู้หญิงวัย 6 ขวบสองคนให้เข้ามาหา พร้อมแนะนำให้แนมรู้จัก ก่อน แนมก็ได้แต่ตอบตกลงแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก ก่อนจะสังเกตเห็นสีหน้าที่กังวลและรอยยิ้มแห้งๆของลุงกับป้าก็นึกแปลกใจ แต่แนมก็ไม่ได้ถามออกไป เพราะรู้ว่าลุงกับป้ากำลังรีบ หลังจากที่ลุงกับป้าขับรถออกไป แนมก็พาก้อยกับแก้มแนะนำให้คนในบ้านรู้จัก พอเหลียวได้เห็นเด็กทั้งสองคนก็ทำท่าตกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เหลียวเดินไปดึงแขนแนม แล้วปลีกตัวไปหลังบ้าน
“ครั้งแรกที่เห็นเด็กสองคนนั้น พี่ก็ขนลุกแปลกๆ แล้วจะรับฝากอะไรใครทำไมไม่ถามพี่ก่อน”
เหลียวพูดเชิงบ่นว่าแนม
แนมได้แต่ทำหน้าหงอย เพราะน้อยครั้งที่จะโดนพี่ชายเอ็ดตะโร
“ก็ยังไม่ทันได้ถามอะไร ป้ากับลุงก็ชิ่งหนีไปก่อนแล้ว”
เหลียวถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมเหลือบมองเด็กสองคนนั้น
“คงไม่มีอะไรหรอกพี่เหลียว พี่คงคิดมากไปเอง แค่เด็กสองคนเอง”
แนมได้แต่พูดปลอบใจ แต่ในใจลึกๆแนมเองก็แอบหวั่นใจว่า อาจมีอะไรแปลกๆตามที่พี่ชายบอก เพราะพี่ชายเป็นคนมีสัมผัสพิเศษมาตั้งแต่เด็กๆ
สองพี่น้องจึงพาหลานที่ไม่เต็มใจรับเชิญไปทานข้าวเช้าพร้อมกันกับยาย ส่วนตาไม่สบายนอนอยู่ในห้อง เป็นหน้าที่ของแนมที่ต้องเข้าไปดูแล
ตกดึกคืนหนึ่ง แนมลุกไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะลุกไป ก็ได้ชายตาชำเลืองมองเด็กสองคนที่นอนอยู่ข้างๆยายที่หลับสนิท เด็กสองคนลืมตามองดูแนม จนแนมสะดุ้งตกใจ ก่อนจะรีบลุกไปเข้าห้องน้ำ
ก่อนจะถึงห้องน้ำ แนมต้องเดินผ่านโถงกลางบ้าน ไฟจากถนนทำให้แนมพอมองเห็นทางเดินได้ ทันใดนั้น แนมก็เห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในห้องเมื่อครู่ มายืนแหงนหน้ามองขื่ออยู่กลางบ้านท่ามกลางความมืด แนมตกใจก่อนจะโพล่งถามออกไป
“ทำอะไรกันน่ะ”
แทนคำตอบ เด็กทั้งสองคนหันมายิ้มให้แนมแล้วชี้นิ้วขึ้นไปบนขื่อกลางบ้าน แนมจึงมองตามขึ้นไป มองเห็นเป็นร่างของชายคนหนึ่ง แขวนคอห้อยโตงเตง
แนมกรีดร้องด้วยความตกใจจนคนในบ้านตื่นลุกออกมาดู
“แนม แนม เป็นอะไร”
เหลียวพูดพลางตบที่ไหล่แนม
แนมชี้นิ้วไปบนขื่อบ้าน แต่ว่า กลับไม่มีร่างชายคนนั้นอยู่ตรงนั้นแล้ว พร้อมกันนั้นเด็กสองคนที่ยืนอยู่ ก็ไม่มีแล้วเช่นกัน สร้างความงงงวยให้กับแนมเป็นอย่างมาก
-รุ่งเช้า-
“ยาย พี่เหลียว แนมขอไปอยู่ที่วัดก่อนได้มั้ย เจอเหตุการณ์เมื่อคืนแล้ว แนมกลัวก้อยกับแก้ม”
“งั้นยายไปอยู่เป็นเพื่อนก็ได้ ไปนุ่งขาวห่มขาวที่วัดสักสองสามวัน เผื่อจะดีขึ้น”
ยายลูบแขนแนมเป็นเชิงปลอบ
เหลียวเห็นสีหน้าน้องสาวไม่สู้ดี จึงพูดขึ้นบ้าง
“เดี๋ยวทางนี้พี่ดูแลเอง ไม่ต้องห่วง”
เมื่อแนมกับยายไปที่วัด ในบ้านจึงเหลือแค่เหลียว ตาคง กับเด็กสองคน ในวันนั้นเหลียวพยายามโทรหาลุงชิดกับป้าสายหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครรับสาย
ทางด้านแนมกับยายก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อทำหน้าตกใจแล้ววานให้เด็กวัดไปตามป้าเพ็ญที่อาศัยอยู่บ้านท้ายวัดกับญาติให้มาหา ไม่นานป้าเพ็ญก็เดินเข้ามาในโบสถ์ หลวงพ่อจึงเล่าเรื่องที่แนมเจอมาเมื่อคืนให้ป้าเพ็ญฟัง ป้าเพ็ญตกใจพูดเสียงดังลั่น
“มันตามกูมาแล้ว มันตามกูมาแล้ว”
ทั้งแนมและยายต่างตกใจว่าป้าเพ็ญเป็นอะไร หลวงพ่อจึงพูดกล่อมให้ป้าเพ็ญสงบลง
ทางด้านเหลียว หลังจากพยายามโทรหาลุงชิดกับป้าสายหลายต่อหลายครั้งจนล้มเลิกความตั้งใจ แต่แล้ว!! กลับมีสายเรียกเข้าจากลุงชิด เหลียวกดรับสายทันที และทันทีที่ได้ยินประโยคแรกจากลุง เหลียวถึงกับหน้าชา เข่าทรุด จนต้องนั่งลงกับพื้น พอตั้งสติได้ เหลียวรีบขับรถออกไปที่วัดทันที
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงวัด เจอแนมกับยาย หลวงพ่อและป้าเพ็ญ กำลังเดินออกมาจากโบสถ์พอดี เหลียวก็รีบปรี่เข้าไปหาด้วยหน้าตาตื่น
“อ้าว! พี่เหลียว เป็นอะไรหรอพี่”
แนมโพล่งถามออกไปด้วยความเป็นห่วงปนตกใจ
“ลุงโทรมาบอกว่า ป้าสายผูกคอตาย!!”
รู้ดังนั้น ป้าเพ็ญถึงกับลมจับหมดสติ เหลียวจึงรีบอุ้มป้าเพ็ญไปปฐมพยาบาลในศาลา
ขณะนั้นเอง แนมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เหลียวปล่อยให้ตาคงอยู่ตามลำพังกับเด็กสองคน จึงทักถามไป เหลียวเองก็ตกใจว่าตนลืมคิดไป จึงวานให้แนมกับยายดูแลป้าเพ็ญต่อ เหลียวกราบลาหลวงพ่อแล้วรีบคร่อมรถขับกลับบ้านทันที
ตลอดเส้นทางที่กลับบ้าน คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของเหลียวตลอดเวลา ว่าเด็กสองคนนั้นเป็นคนหรืออะไรกันแน่ ลุงชิดกับป้าสายทำไมต้องพาหลานสองคนมาทิ้งไว้แล้วหนีไป และทำไมป้าสายต้องผูกคอตาย ยังไม่ทันคิดอะไรต่อ เหลียวก็มาถึงบ้านพอดี
ทันทีที่เหลียวลงจากรถ บรรยากาศรอบบ้านดูวังเวงแปลกๆ ตอนออกไปเหลียวไม่ได้เปิดไฟทิ้งไว้ จึงทำให้ข้างในบ้านดูน่ากลัว เหลียวสลัดความคิดพวกนั้นออกจากหัวก่อนจะตั้งสติแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
“ตา ตาครับ ก้อย แก้ม ทำไรกันอยู่ทำไมไม่เปิดไฟ”
ทุกอย่างเงียบ ไม่มีใครขานรับเสียงของเหลียว
เหลียวจึงค่อยๆเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน และทันทีที่เหลียวเปิดไฟ ภาพที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เหลียวตกใจสุดขีด!!
ทางแนมกับยายที่ปฐมพยาบาลป้าเพ็ญจนฟื้น ตอนนี้มีเพียงแนม ยายจันทร์ และป้าเพ็ญเท่านั้น เพราะหลวงพ่อปลีกตัวไปนานแล้ว
“ป้าเพ็ญคะ ทำไมป้าถึงตกใจจนเป็นลมขนาดนั้นล่ะคะ”
แนมเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้
ป้าเพ็ญไม่ยอมบอกเล่าใดๆได้แต่ส่ายหน้าไปมา และด้วยบรรยากาศที่มืดสนิทกับเสียงลมหวีดหวิวจนน่าขนลุกยิ่งทำให้ป้าเพ็ญกลัวมาก
“เพ็ญเอ้ย แกก็เล่าๆมาเถอะ จะได้รู้เรื่องกันซักที”
ยายจันทร์พูดเชิงขอร้องป้าเพ็ญ
ป้าเพ็ญถอนหายใจ ก่อนที่จะเล่าความจริงที่น่ากลัวบางอย่างให้แนมและยายจันทร์ได้รับฟัง
เรื่องสั้น เรื่อง - กั้ง:โกบ -
ยามย่ำเช้า ลมหนาวหอบไอเย็นปกคลุมไปทั่ว ก้อนเมฆหนาบดบังแสงอาทิตย์จนหมด หมอกหนาจนมองเห็นระยะไกลได้เพียงลางๆ ซึ่งบ่งบอกถึงสภาพอากาศต้นเดือนมกราได้อย่างชัดเจน
ปีใหม่ผ่านพ้นไป แต่วิถีชีวิตของชาวบ้านตาดำๆในต่างจังหวัดยังคงเดิม เฉกเช่น แนม เหลียว ตาคงและยายจันทร์ 4ชีวิต ที่ดำเนินมาเป็นปกติอยู่เนืองๆมาหลายปี
จนกระทั่งในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่แนมกับเหลียวกำลังช่วยกันทำกับข้าวอยู่ในบ้าน ก็มีรถกระบะคันหนึ่งมาจอดเทียบหน้าบ้าน แนมจึงรีบเดินออกมาดู จึงเห็นว่าเป็นชายหญิงวัยกลางคน เดินลงมาจากรถพร้อมกับเด็กหญิง2คน แนมรู้ทันทีว่านั่นคือลุงชิดกับป้าสาย
“สวัสดีค่ะลุง สวัสดีค่ะป้า”
“สวัสดีแนม แล้วเหลียวกับตายายล่ะ”
ป้าสายทำท่าชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน ก่อนหันไปมองหน้าลุงชิด ลุงชิดก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกอะไรสักอย่างกับป้าสาย
“ป้าสายกับลุงชิดมาตั้งไกล มีธุระอะไรด่วนเหรอคะ ทำไมไม่โทรมาก่อนล่ะคะ หนูจะได้เตรียมกับข้าวไว้ด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกแนม พอดีป้ากับลุงมีธุระด่วนที่ต่างจังหวัด ก็เลยอยากจะมาฝากก้อยกับแก้มไว้กับแนมก่อนน่ะ คงไม่เป็นไรใช่มั้ย ป้ากับลุงไปไม่นานหรอก แถวบ้านมีแต่คนยุ่งๆป้าก็ไม่กล้าไปรบกวนเค้า”
“เอ่อคือ แนมขอถามพี่เหลียวก่อนได้มั้ยคะ เดี๋ยวพี่เหลียวเค้าจะว่าเอา”
“ไม่ว่าหรอก คนกันเองทั้งนั้น เอาเป็นว่าตกลงเนาะ นี่เค้าก็โทรตามแล้ว เดี๋ยวป้ากับลุงไปก่อนนะ ก้อยกับแก้มมานี่สิลูก”
ป้าสายเรียกเด็กผู้หญิงวัย 6 ขวบสองคนให้เข้ามาหา พร้อมแนะนำให้แนมรู้จัก ก่อน แนมก็ได้แต่ตอบตกลงแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก ก่อนจะสังเกตเห็นสีหน้าที่กังวลและรอยยิ้มแห้งๆของลุงกับป้าก็นึกแปลกใจ แต่แนมก็ไม่ได้ถามออกไป เพราะรู้ว่าลุงกับป้ากำลังรีบ หลังจากที่ลุงกับป้าขับรถออกไป แนมก็พาก้อยกับแก้มแนะนำให้คนในบ้านรู้จัก พอเหลียวได้เห็นเด็กทั้งสองคนก็ทำท่าตกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เหลียวเดินไปดึงแขนแนม แล้วปลีกตัวไปหลังบ้าน
“ครั้งแรกที่เห็นเด็กสองคนนั้น พี่ก็ขนลุกแปลกๆ แล้วจะรับฝากอะไรใครทำไมไม่ถามพี่ก่อน”
เหลียวพูดเชิงบ่นว่าแนม
แนมได้แต่ทำหน้าหงอย เพราะน้อยครั้งที่จะโดนพี่ชายเอ็ดตะโร
“ก็ยังไม่ทันได้ถามอะไร ป้ากับลุงก็ชิ่งหนีไปก่อนแล้ว”
เหลียวถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมเหลือบมองเด็กสองคนนั้น
“คงไม่มีอะไรหรอกพี่เหลียว พี่คงคิดมากไปเอง แค่เด็กสองคนเอง”
แนมได้แต่พูดปลอบใจ แต่ในใจลึกๆแนมเองก็แอบหวั่นใจว่า อาจมีอะไรแปลกๆตามที่พี่ชายบอก เพราะพี่ชายเป็นคนมีสัมผัสพิเศษมาตั้งแต่เด็กๆ
สองพี่น้องจึงพาหลานที่ไม่เต็มใจรับเชิญไปทานข้าวเช้าพร้อมกันกับยาย ส่วนตาไม่สบายนอนอยู่ในห้อง เป็นหน้าที่ของแนมที่ต้องเข้าไปดูแล
ตกดึกคืนหนึ่ง แนมลุกไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะลุกไป ก็ได้ชายตาชำเลืองมองเด็กสองคนที่นอนอยู่ข้างๆยายที่หลับสนิท เด็กสองคนลืมตามองดูแนม จนแนมสะดุ้งตกใจ ก่อนจะรีบลุกไปเข้าห้องน้ำ
ก่อนจะถึงห้องน้ำ แนมต้องเดินผ่านโถงกลางบ้าน ไฟจากถนนทำให้แนมพอมองเห็นทางเดินได้ ทันใดนั้น แนมก็เห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในห้องเมื่อครู่ มายืนแหงนหน้ามองขื่ออยู่กลางบ้านท่ามกลางความมืด แนมตกใจก่อนจะโพล่งถามออกไป
“ทำอะไรกันน่ะ”
แทนคำตอบ เด็กทั้งสองคนหันมายิ้มให้แนมแล้วชี้นิ้วขึ้นไปบนขื่อกลางบ้าน แนมจึงมองตามขึ้นไป มองเห็นเป็นร่างของชายคนหนึ่ง แขวนคอห้อยโตงเตง
แนมกรีดร้องด้วยความตกใจจนคนในบ้านตื่นลุกออกมาดู
“แนม แนม เป็นอะไร”
เหลียวพูดพลางตบที่ไหล่แนม
แนมชี้นิ้วไปบนขื่อบ้าน แต่ว่า กลับไม่มีร่างชายคนนั้นอยู่ตรงนั้นแล้ว พร้อมกันนั้นเด็กสองคนที่ยืนอยู่ ก็ไม่มีแล้วเช่นกัน สร้างความงงงวยให้กับแนมเป็นอย่างมาก
-รุ่งเช้า-
“ยาย พี่เหลียว แนมขอไปอยู่ที่วัดก่อนได้มั้ย เจอเหตุการณ์เมื่อคืนแล้ว แนมกลัวก้อยกับแก้ม”
“งั้นยายไปอยู่เป็นเพื่อนก็ได้ ไปนุ่งขาวห่มขาวที่วัดสักสองสามวัน เผื่อจะดีขึ้น”
ยายลูบแขนแนมเป็นเชิงปลอบ
เหลียวเห็นสีหน้าน้องสาวไม่สู้ดี จึงพูดขึ้นบ้าง
“เดี๋ยวทางนี้พี่ดูแลเอง ไม่ต้องห่วง”
เมื่อแนมกับยายไปที่วัด ในบ้านจึงเหลือแค่เหลียว ตาคง กับเด็กสองคน ในวันนั้นเหลียวพยายามโทรหาลุงชิดกับป้าสายหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครรับสาย
ทางด้านแนมกับยายก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อทำหน้าตกใจแล้ววานให้เด็กวัดไปตามป้าเพ็ญที่อาศัยอยู่บ้านท้ายวัดกับญาติให้มาหา ไม่นานป้าเพ็ญก็เดินเข้ามาในโบสถ์ หลวงพ่อจึงเล่าเรื่องที่แนมเจอมาเมื่อคืนให้ป้าเพ็ญฟัง ป้าเพ็ญตกใจพูดเสียงดังลั่น
“มันตามกูมาแล้ว มันตามกูมาแล้ว”
ทั้งแนมและยายต่างตกใจว่าป้าเพ็ญเป็นอะไร หลวงพ่อจึงพูดกล่อมให้ป้าเพ็ญสงบลง
ทางด้านเหลียว หลังจากพยายามโทรหาลุงชิดกับป้าสายหลายต่อหลายครั้งจนล้มเลิกความตั้งใจ แต่แล้ว!! กลับมีสายเรียกเข้าจากลุงชิด เหลียวกดรับสายทันที และทันทีที่ได้ยินประโยคแรกจากลุง เหลียวถึงกับหน้าชา เข่าทรุด จนต้องนั่งลงกับพื้น พอตั้งสติได้ เหลียวรีบขับรถออกไปที่วัดทันที
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงวัด เจอแนมกับยาย หลวงพ่อและป้าเพ็ญ กำลังเดินออกมาจากโบสถ์พอดี เหลียวก็รีบปรี่เข้าไปหาด้วยหน้าตาตื่น
“อ้าว! พี่เหลียว เป็นอะไรหรอพี่”
แนมโพล่งถามออกไปด้วยความเป็นห่วงปนตกใจ
“ลุงโทรมาบอกว่า ป้าสายผูกคอตาย!!”
รู้ดังนั้น ป้าเพ็ญถึงกับลมจับหมดสติ เหลียวจึงรีบอุ้มป้าเพ็ญไปปฐมพยาบาลในศาลา
ขณะนั้นเอง แนมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เหลียวปล่อยให้ตาคงอยู่ตามลำพังกับเด็กสองคน จึงทักถามไป เหลียวเองก็ตกใจว่าตนลืมคิดไป จึงวานให้แนมกับยายดูแลป้าเพ็ญต่อ เหลียวกราบลาหลวงพ่อแล้วรีบคร่อมรถขับกลับบ้านทันที
ตลอดเส้นทางที่กลับบ้าน คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของเหลียวตลอดเวลา ว่าเด็กสองคนนั้นเป็นคนหรืออะไรกันแน่ ลุงชิดกับป้าสายทำไมต้องพาหลานสองคนมาทิ้งไว้แล้วหนีไป และทำไมป้าสายต้องผูกคอตาย ยังไม่ทันคิดอะไรต่อ เหลียวก็มาถึงบ้านพอดี
ทันทีที่เหลียวลงจากรถ บรรยากาศรอบบ้านดูวังเวงแปลกๆ ตอนออกไปเหลียวไม่ได้เปิดไฟทิ้งไว้ จึงทำให้ข้างในบ้านดูน่ากลัว เหลียวสลัดความคิดพวกนั้นออกจากหัวก่อนจะตั้งสติแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
“ตา ตาครับ ก้อย แก้ม ทำไรกันอยู่ทำไมไม่เปิดไฟ”
ทุกอย่างเงียบ ไม่มีใครขานรับเสียงของเหลียว
เหลียวจึงค่อยๆเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน และทันทีที่เหลียวเปิดไฟ ภาพที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เหลียวตกใจสุดขีด!!
ทางแนมกับยายที่ปฐมพยาบาลป้าเพ็ญจนฟื้น ตอนนี้มีเพียงแนม ยายจันทร์ และป้าเพ็ญเท่านั้น เพราะหลวงพ่อปลีกตัวไปนานแล้ว
“ป้าเพ็ญคะ ทำไมป้าถึงตกใจจนเป็นลมขนาดนั้นล่ะคะ”
แนมเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้
ป้าเพ็ญไม่ยอมบอกเล่าใดๆได้แต่ส่ายหน้าไปมา และด้วยบรรยากาศที่มืดสนิทกับเสียงลมหวีดหวิวจนน่าขนลุกยิ่งทำให้ป้าเพ็ญกลัวมาก
“เพ็ญเอ้ย แกก็เล่าๆมาเถอะ จะได้รู้เรื่องกันซักที”
ยายจันทร์พูดเชิงขอร้องป้าเพ็ญ
ป้าเพ็ญถอนหายใจ ก่อนที่จะเล่าความจริงที่น่ากลัวบางอย่างให้แนมและยายจันทร์ได้รับฟัง