กระจายวัคซีนแบบสุ่ม

ในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 จะเป็นวันดีเดย์ในการฉีดวัคซีนแบบปูพรมให้กับประชาชน ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค

ซึ่งตามแผนที่ประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนทราบตั้งแต่ก่อนลงทะเบียนหมอพร้อม ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแรกๆ ก่อนจะมีลงทะเบียนอีกหลายๆ พร้อม หลายช่วย หลายชนะ ว่าวัคซีนที่จะให้กลุ่มนี้คือ Astrazeneca ที่มีการพิจารณาแล้วว่าเหมาะสมกับกลุ่ม

แต่เนื่องจากเหตุผลอย่างไรไม่อาจทราบได้ ข่าวลงว่าสำหรับคนกรุงเทพมหานคร จะได้ฉีด Astrazeneca ทั้งหมด แต่หน่วยฉีดตามภูมิภาคที่ได้รับจัดสรรไปนั้น เปิดออกมามีทั้ง Astrazeneca และ Sinovac (ส่วนใหญ่เป็น Sinovac) และจำนวนที่ได้รับจัดสรรนั้นก็น้อยกว่าที่ควรจะได้รับ

กรณีอย่างนี้น่าจะเกิดความสับสนวุ่นวายในภูมิภาค เพราะจะต้องมีคนที่ได้ฉีดและไม่ได้ฉีด ส่วนคนที่ได้เข้าไปฉีดแล้วปรากฏว่าไม่ได้ฉีด Astrazeneca ตามที่รัฐบาลได้ประชาสัมพันธ์ไว้แต่แรก กลายเป็น Sinovac ซึ่งทางรัฐบาลพยายามจะบอกว่าปลอดภัย ได้รับการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลกให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินอย่างฉิวเฉียด ก็ต้องมีการโต้เถียงกันหน้างาน เพราะประชาชนก็น่าจะมีสิทธิได้ทราบถึงวัคซีนที่จะฉีดเข้าไปในร่างกายของเรา สุดท้ายก็อาจจะมีคนที่ไม่ยอมฉีด ทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจทั้งเงินทั้งเวลาที่ประชาชนจองคิว แต่ไม่ฉีดเพราะไม่เป็นตามข้อมูลที่ได้รับทราบแต่แรก

เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็ต้องมาบริหารจัดการอีกว่าแล้วกรณีไหนจะฉีด Astrazeneca แล้วแบบไหนจะฉีด Sinovac? หรือว่าจะฉีด Astrazeneca ไปจนหมดแล้วเอา Sinovac มีฉีดต่อแบบ First In First Out หรือต้องบริหารการฉีดให้ Astrazeneca 1 ขวดต้องดึงยาออกมาให้ได้ 12 โดส ซึ่งต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญอย่างมากรวมถึงเข็มแบบพิเศษที่จะไม่มีให้ยาค้างอยู่ในไซริ้งค์และหัวเข็มเลยแม้แต่นิดเดียวเพื่อไม่ให้ปริมาณวัคซีนขาด

ยังไม่ได้เริ่มฉีดก็รู้สึกปวดหัวแล้วว่าการบริหารจัดการของหน่วยงานแนวหน้าที่จะดำเนินการฉีดจะต้องจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่มีควรเกิดและป้องกันได้อย่างไร ตั้งแต่เจรจาต่อรองพยายามหาวัคซีนที่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และเป็นชนิดตามที่ได้ประชาสัมพันธ์ไว้ อีกทั้งต้องบริหารความคาดหวังและจัดการสุขภาพของคนสูงอายุกับผู้ที่มีโรคเรื้อรัง

แต่ทั้งหมดทั้งปวงนี้คือทางรัฐยังไม่เคยชี้แจงกับประชาชนเลยว่าทำไมถึงจะเปลี่ยนวัคซีน แล้วหากส่งวัคซีนไปทั้งสองแบบ เงื่อนไขในการเลือกฉีดเป็นอย่างไร แถลงความผิดพลาดอยู่ที่ไหน Astrazeneca หรือ โรงงานที่รับจ้างผลิต แต่ที่แน่นอนคือรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดกับประชาชน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่