ในช่วง ๘ ถึง ๙ ปีที่ผ่านมา ผมไม่ได้เสียภาษีเลยเพราะมีอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งกินเวลาหลายปี ที่ผมมีความลำบากขัดสนเรื่องเงินเรื่องทองอย่างมาก เนื่องจากเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องผ่อนบ้าน ดูแลค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินเกือบจะทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เงินทั้งหมดที่ได้เมื่อนำไปใช้จ่ายกับครอบครัวและเรื่องที่จำเป็นแล้วก็แทบจะไม่เหลือเงินจะทำอะไรอย่างอื่นครับ

มาในช่วงระยะหลัง ๑​ ปีมานี้ที่ผมเริ่มพอจะตั้งหลักได้ ไม่ได้มีเงินมากขึ้นนักนะครับ แต่หนี้ผมน้อยลงมากแล้ว และมีรายได้จากงานนอกมากขึ้นที่มาจากต่างประเทศควบคู่กับงานประจำ ผนวกกับผมจริงจังกับการถือศีล ๕ มาก ผมจึงเริ่มย้อนกลับมาคิดเรื่องนี้แล้วครับ คิดว่าเรื่องนี้ เป็นมลทินสุดท้ายที่ผมยังค้างคาเหลือในชีวิต ถ้าผมแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้ล่ะก็ ในอนาคตข้างหน้าผมก็จะบวชเป็นพระไม่ได้ ผมจึงอยากจะแก้ไขในเรื่องนี้ครับ 

ผมต้องการปรึกษาว่า

ถ้าวันนี้ผมเดินเข้ากรมสรรพากร และเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประเมินคร่าวๆ ว่า ผมควรจะต้องชำระภาษีที่ค้างอยู่เป็นจำนวนเท่าใดสำหรับตลอดช่วง 8-9 ปีมานี้ เพราะผมไม่ได้เก็บเอกสารหัก ณ ที่จ่ายจากลูกค้าไว้เลย เจ้าหน้าที่ประเมินมาเท่าไหร่ก็ได้ครับ โดยผมขอแบ่งจ่ายรายเดือนไปตลอดจนกว่าจะหมด ซึ่งศักยภาพผมตอนนี้ ผมไหวอยู่ที่เดือนละ ๑,๕๐๐ บาท หรือมากสุดไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท เพราะผมยังมีภาระมากอยู่ คือต้องดูแลทั้งมารดาของภรรยา และมารดาของผมเอง ซึ่งผมจะผ่อนจ่ายไปเรื่อยๆ ถ้ามีมากก็จะชำระมากหน่อย แบบนี้พอจะเป็นไปได้ไหมครับ? ถ้าผมจะทำแบบนี้ เจ้าหน้าที่ของกรมฯ มีนโยบายผ่อนผันให้ผมแบบนี้ไหม? หรือเขาจะฟ้องศาลบังคับยึดทรัพย์ผมทั้งหมด ซึ่งอาจทำให้ผมล้มละลายได้เลยครับ