กลัวหลง!ประชดยาบ้าระบาดหนัก ขึ้นป้ายบอกทางมันเลย
https://www.dailynews.co.th/regional/847715
กลัวหลง!ประชดยาบ้าระบาดหนัก ขึ้นป้ายบอกทางมันเลย
หนุ่มสุดทนโพสต์ประจานยาบ้าระบาดหนักในพื้นที่ จ.พิษณุโลก คนมาซื้อเยอะจนต้องติดป้ายบอกทาง เกรงคนอื่นเข้าใจผิด
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. มีรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก "
อย่าหาทำ" ได้มีการโพสต์รูปภาพและข้อความระบุ เกี่ยวกับการระบาดของยาบ้าในพื้นที่แห่งหนึ่ง จ.พิษณุโลก หลังชายคนหนึ่งได้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงานแต่ไม่มีความคืบหน้า ว่า
"สุดจะทน ยาบ้าระบาดหนัก แจ้งเจ้าหน้าที่ไร้วี่แวว ติดป้ายเขตห้ามเข้า
แจ้งตำรวจก็แล้ว
ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ และจังหวัด ก็เงียบ ยื่นหนังสือไปยัง ป.ป.ส. ภาค 6 ก็ไม่คืบหน้า
จึงตัดสินใจทำป้าย ให้รู้ว่า พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคล (หมู่ 17 ตำบล บ้านกลาง อำเภอ วังทอง จังหวัดพิษณุโลก) ห้ามคนอื่นเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต
เนื่องจากรอบๆบริเวณพื้นที่ดังกล่าวรายล้อมไปด้วย คนขาย คนเสพยา
ใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นทางตัดผ่าน ตอนกลางคืน วิ่งกันทั้งคืน เสียงดังตลอด
แจ้งเจ้าหน้าที่ ก็ไร้วี่แวว ว่าจะทำอะไรได้
คนขาย คนเสพยา 4-5 หมู่บ้าน ชอบมาซื้อ-ขาย ยากันแถวตรงนี้
ไม่มีใครช่วยได้ จำต้องพึ่งตนเอง"
โดยมีการแชร์ข้อความดังกล่าวไปแล้ว 218 ครั้ง และข้อความคอมเมนต์ส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ยาเสพติดกำลังระบาดมากและเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย.
https://www.facebook.com/donotdostupidshit/posts/180779870718956
นานาชาติ เรียกร้องครบ 1 ปี กรณี "วันเฉลิม" ถูกอุ้ม เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้
https://www.springnews.co.th/news/810306
ครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์ วันเฉลิมถูกอุ้มหาย เรื่องนี้สะท้อนว่าการถูกบังคับให้สูญหายยังมีอยู่จริง และหลายๆสถานทูตออกมาเรียกร้อง มาสร้างความตะหนักรู้ให้กับสังคมไทย โดยชี้ว่าการพรากชีวิตหนึ่งโดยอำพรางไม่ให้ครอบครัวรู้ชะตากรรมเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง
1 ปี "วันเฉลิม" ถูก บังคับให้สูญหาย
วันนี้... 4 มิถุนายน ถือเป็นวันครบรอบ 1 ปี จากกรณี วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมและผู้ลี้ภัยทางการเมือง ถูกอุ้มหายใกล้ที่พักชื่อ Mekong Garden Apartment ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ในย่าน Chroy Changva ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
สถานทูตหลายๆชาติ โพสต์ข้อความครบรอบ 1 ปี จากเหตุการณ์นี้ ซึ่งมันทำให้ประเด็นการบังคับให้สูญหาย ได้รับความสนใจมากขึ้นในประเทศไทย
ทั้งนี้ มีรายงานว่า มีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทยจำนวนหลายคนถูกบังคับให้สูญหายมาตั้งแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี 2475 จนถึงยุคปัจจุบัน แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้า โดยหลายกรณีเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ
ย้อนเข็มนาฬิกากลับไป วันนี้เมื่อปีที่แล้ว
วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ถูกอุ้มหาย และกลายเป็นที่พูดถึงทั้งประเทศ เป็นปรากฏการณ์ ไฟไหม้ลามทุ่งทุกวงสนทนา กระทั่งเกิดการชุมนุมอย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งหลังของปี 2020
แฮชแท็ก ผุดขึ้นในวันถัดมา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2020 โดย ‘
#Saveวันเฉลิม’ ซึ่งถูกกล่าวถึงมากกว่า 576,000 ครั้ง กระทั่งแฮชแท็กดังกล่าวติดเทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศไทย ณ เวลานั้น และนั่นทำให้ ทุกคนตระหนักถึงเรื่อง อุ้มหาย และเป็นเรื่องที่นานาชาติสนใจ จนถึงวินาทีนี้...ตอนนี้
โดย ข้อความจาก สถานทูตสวีเดนประจำกรุงเทพ ได้โพสต์ข้อความ ใจความสำคัญคือ การบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นเรื่องที่มิอาจยอมรับได้และขัดกับกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
เช่นเดียวกับ สถานทูตนิวซีแลนด์ ประจำกรุงเทพ , สถานทูต สวิตเซอร์แลนด์ ประจำกรุงเทพ ซึ่งโพสต์ข้อความเดียวกับสถานทูตสวีเดน แต่มี ภาษาอังกฤษ ซึ่งต้องการสื่อสารกับชาวต่างชาติมาร่วมด้วย
ด้าน สถานทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย มีการโพสต์ในข้อความเดียวกัน เป็น 3 ภาษาทั้ง ไทย,อังกฤษและภาษาเยอรมัน
ขณะที่
สถานทูตเดนมาร์ก ประจำกรุงเทพ เขียนข้อความในความหมายเดียวกัน เป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียว
"ลองจินตนาการดูว่าจะเป็นเช่นไรหากคนที่ท่านรักจู่ ๆ ก็หายตัวไป ท่านจะรู้สึกอย่างไร? ท่านจะคิดถึงเขาไหม? ท่านจะร่ำร้องเพื่ออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไหม? ท่านจะทำทุกวิถีทางไหมที่จะตามหาเขา? ท่านจะเรียกร้องขอความยุติธรรมหรือไม่?
น่าเศร้าใจที่มีหลายแสนคนในอย่างน้อย 85 ประเทศทั่วโลกได้หายตัวไปในระหว่างที่เกิดความขัดแย้งหรือมีการปราบปราม
การบังคับบุคคลให้สูญหายไม่ใช่แค่อาชญากรรมต่อเนื่องเท่านั้น ผู้เสียหายโดยมากจะถูกทรมานหรือสังหารโดยตัวแทนของรัฐหรือบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ได้รับคำสั่งจากรัฐ ทั้งนี้ การบังคับบุคคลให้สูญหายทำให้ผู้เสียหายเจ็บปวดแสนสาหัส ส่วนครอบครัวและญาติก็ทุกข์ทรมานใจไปจนชั่วชีวิต
การบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นเรื่องที่มิอาจยอมรับได้และขัดกับกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ครอบครัวของผู้เสียหายและสังคมมีสิทธิที่จะทราบความจริงว่าได้เกิดอะไรขึ้นกับคนที่พวกเขารัก"
การอุ้มหายยังมีอยู่จริง
ขณะเดียวกัน
สถานทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความที่แตกต่างออกไป โดยระบุว่า สถานทูตร่วมสนับสนุนข้อเรียกร้องของเลขาธิการสหประชาชาติให้ประเทศสมาชิกปกป้องทุกคนจากการบังคับบุคคลให้สูญหายและดำเนินการค้นหาความจริงอย่างเร่งด่วน รวมทั้งนำความยุติธรรมมาสู่บุคคลที่สูญหายและครอบครัวของพวกเขา
โดยข้อความที่ สถานทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ระบุไว้ มีดังนี้
"ขณะที่ การ #อุ้มหาย ยังมีอยู่จริง
เหยื่อของการบังคับบุคคลให้สูญหาย (Enforced Disappearance) อาจเป็นคนที่คุณรัก เป็นเสาหลักของครอบครัว หรือกระทั่งเป็นผู้นำชุมชน พวกเขาอาจเป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนซึ่งยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของผู้อื่น การบังคับบุคคลให้สูญหายยังมีอยู่จริงในเวลานี้ คดีบังคับบุคคลให้สูญหายที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลายนำไปสู่การ #ลอยนวลพ้นโทษ ของผู้กระทำความผิด สร้างบรรยากาศความหวาดกลัวที่อาจทำให้ผู้อื่นไม่กล้าเรียกร้องหรือแสดงความคิดเห็น
สหราชอาณาจักรมีพันธกิจในการสนับสนุนและปกป้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชนไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลก เราร่วมสนับสนุนข้อเรียกร้องของเลขาธิการสหประชาชาติให้ประเทศสมาชิกปกป้องทุกคนจากการบังคับบุคคลให้สูญหายและดำเนินการค้นหาความจริงอย่างเร่งด่วน รวมทั้งนำความยุติธรรมมาสู่บุคคลที่สูญหายและครอบครัวของพวกเขา"
เป็นเวลา 1 ปีที่เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายในสังคมไทย ในวงของการพูดถึงเรื่อง การอุ้มหาย หรือ การบังคับให้สูญหาย...ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ที่นานาชาติยอมรับไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันบางสิ่งยังคงเดิม ไม่เคยแปรเปลี่ยน
ประเด็นการถูกบังคับให้สูญหาย จากแฮชแท็ก #Saveวันเฉลิม ได้กลายเป็นประเด็นร่วมสมัยที่สังคมให้ความสนใจ เพราะการพลัดพรากชีวิตหนึ่งโดยอำพรางไม่ให้ครอบครัวรับทราบชะตากรรมเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน คนในสังคมไทยตอนนี้ ต่างก็มองว่าการบังคับให้สูญหายเป็นความรุนแรงเชิงโครงสร้างที่ต้องถูกแก้ไข...
https://www.facebook.com/SwedeninBangkok/posts/4393607810651753
https://www.facebook.com/nzembassybangkok/posts/2255526597915066
https://www.facebook.com/SwissEmbassyBangkok/posts/2953208461669438
https://www.facebook.com/GermanEmbassyBangkok/posts/2609144539381580
https://www.facebook.com/ukinthailand/posts/5831530056887346
อ.เจษฎา เปิดข้อมูล พบไทยรองบ๊วย จำนวนฉีดวัคซีนต่อประชากร ชนะแค่เมียนมา
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2758475
อ.เจษฎา เปิดข้อมูล พบไทยรองบ๊วย จำนวนฉีดวัคซีนต่อประชากร ชนะแค่เมียนมา
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก
Jessada Denduangboripant เปิดเผยข้อมูลสถิติด้านการฉีดวัคซีนโควิด-19 จากเว็บไซต์
ourworldindata.org ซึ่งพบว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับรองบ๊วยของอาเซียน ในเรื่องอัตราส่วนผู้ได้รับการฉีดวัคซีน ต่อจำนวนประชากรทั้งประเทศ โดยสามารถเอาชนะเมียนมาได้เพียงประเทศเดียว
โดย อ.
เจษฎา โพสต์ข้อความระบุว่า
เจอคนคอมเมนต์ว่า
“อย่าอคติ เอาแต่ว่ารัฐบาล วัคซีนมันหายาก มีให้ฉีดก็บุญโขแล้ว”
เลยลองเช็กวันนี้ ว่าเพื่อนบ้านอาเซียนเค้าฉีดไปถึงไหนแล้ว
… อืมม ท่าทางเค้าจะทำบุญกันมาเยอะนะครับ 555
(ภาพซ้าย เป็นแบบจำนวนโดสที่ฉีด .. ภาพขวาบน เป็นคิดเปอร์เซ็นต์ต่อประชากร … ภาพขวาล่าง เป็นการแยกแยะว่าฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มหรือยัง)
ทั้งนี้ อ.
เจษฎาได้โพสต์ภาพข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโดยเปรียบเทียบเฉพาะประเทศในอาเซียนพบว่า หากนับอัตราส่วนผู้ได้รับวัคซีน กับจำนวนประชากรในประเทศแล้ว ไทยอยู่ในอันดับรองสุดท้าย เอาชนะได้เพียงเมียนมา ประเทศเดียว ที่เวลานี้กำลังมีปัญหาทางการเมืองอย่างหนัก
โดยไทย มีอัตราส่วนผู้ได้รับวัคซีนเพียง 3.58 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยหากนับเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 โดส จะมีสัดส่วนเพียง 1.59 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ทั้งนี้ข้อมูลยังเปรียบเทียบให้เห็นจำนวนประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนระหว่างประเทศในอาเซียน โดยหากนับจำนวนประชากรประเทศไทยจะอยู่ในอันดับที่ 4 รองจากอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และ กัมพูชา ที่ราว 1.3 ล้านคน
https://www.facebook.com/jessada.denduangboripant/posts/2191458040984818
JJNY : 4in1 ประชดยาบ้าระบาด│นานาชาติเรียกร้องครบ1ปี "วันเฉลิม"│อ.เจษฎาพบไทยรองบ๊วยฉีดวัคซีน│รับเหมาก่อสร้าง1ล้านล้านป่วน
https://www.dailynews.co.th/regional/847715
หนุ่มสุดทนโพสต์ประจานยาบ้าระบาดหนักในพื้นที่ จ.พิษณุโลก คนมาซื้อเยอะจนต้องติดป้ายบอกทาง เกรงคนอื่นเข้าใจผิด
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. มีรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก "อย่าหาทำ" ได้มีการโพสต์รูปภาพและข้อความระบุ เกี่ยวกับการระบาดของยาบ้าในพื้นที่แห่งหนึ่ง จ.พิษณุโลก หลังชายคนหนึ่งได้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงานแต่ไม่มีความคืบหน้า ว่า
"สุดจะทน ยาบ้าระบาดหนัก แจ้งเจ้าหน้าที่ไร้วี่แวว ติดป้ายเขตห้ามเข้า
แจ้งตำรวจก็แล้ว
ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ และจังหวัด ก็เงียบ ยื่นหนังสือไปยัง ป.ป.ส. ภาค 6 ก็ไม่คืบหน้า
จึงตัดสินใจทำป้าย ให้รู้ว่า พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคล (หมู่ 17 ตำบล บ้านกลาง อำเภอ วังทอง จังหวัดพิษณุโลก) ห้ามคนอื่นเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต
เนื่องจากรอบๆบริเวณพื้นที่ดังกล่าวรายล้อมไปด้วย คนขาย คนเสพยา
ใช้พื้นที่ตรงนี้เป็นทางตัดผ่าน ตอนกลางคืน วิ่งกันทั้งคืน เสียงดังตลอด
แจ้งเจ้าหน้าที่ ก็ไร้วี่แวว ว่าจะทำอะไรได้
คนขาย คนเสพยา 4-5 หมู่บ้าน ชอบมาซื้อ-ขาย ยากันแถวตรงนี้
ไม่มีใครช่วยได้ จำต้องพึ่งตนเอง"
โดยมีการแชร์ข้อความดังกล่าวไปแล้ว 218 ครั้ง และข้อความคอมเมนต์ส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ยาเสพติดกำลังระบาดมากและเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย.
https://www.facebook.com/donotdostupidshit/posts/180779870718956
นานาชาติ เรียกร้องครบ 1 ปี กรณี "วันเฉลิม" ถูกอุ้ม เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้
https://www.springnews.co.th/news/810306
ครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์ วันเฉลิมถูกอุ้มหาย เรื่องนี้สะท้อนว่าการถูกบังคับให้สูญหายยังมีอยู่จริง และหลายๆสถานทูตออกมาเรียกร้อง มาสร้างความตะหนักรู้ให้กับสังคมไทย โดยชี้ว่าการพรากชีวิตหนึ่งโดยอำพรางไม่ให้ครอบครัวรู้ชะตากรรมเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง
1 ปี "วันเฉลิม" ถูก บังคับให้สูญหาย
วันนี้... 4 มิถุนายน ถือเป็นวันครบรอบ 1 ปี จากกรณี วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมและผู้ลี้ภัยทางการเมือง ถูกอุ้มหายใกล้ที่พักชื่อ Mekong Garden Apartment ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ในย่าน Chroy Changva ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
สถานทูตหลายๆชาติ โพสต์ข้อความครบรอบ 1 ปี จากเหตุการณ์นี้ ซึ่งมันทำให้ประเด็นการบังคับให้สูญหาย ได้รับความสนใจมากขึ้นในประเทศไทย
ทั้งนี้ มีรายงานว่า มีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทยจำนวนหลายคนถูกบังคับให้สูญหายมาตั้งแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี 2475 จนถึงยุคปัจจุบัน แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้า โดยหลายกรณีเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ
ย้อนเข็มนาฬิกากลับไป วันนี้เมื่อปีที่แล้ว วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ถูกอุ้มหาย และกลายเป็นที่พูดถึงทั้งประเทศ เป็นปรากฏการณ์ ไฟไหม้ลามทุ่งทุกวงสนทนา กระทั่งเกิดการชุมนุมอย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งหลังของปี 2020
แฮชแท็ก ผุดขึ้นในวันถัดมา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2020 โดย ‘#Saveวันเฉลิม’ ซึ่งถูกกล่าวถึงมากกว่า 576,000 ครั้ง กระทั่งแฮชแท็กดังกล่าวติดเทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศไทย ณ เวลานั้น และนั่นทำให้ ทุกคนตระหนักถึงเรื่อง อุ้มหาย และเป็นเรื่องที่นานาชาติสนใจ จนถึงวินาทีนี้...ตอนนี้
โดย ข้อความจาก สถานทูตสวีเดนประจำกรุงเทพ ได้โพสต์ข้อความ ใจความสำคัญคือ การบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นเรื่องที่มิอาจยอมรับได้และขัดกับกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
เช่นเดียวกับ สถานทูตนิวซีแลนด์ ประจำกรุงเทพ , สถานทูต สวิตเซอร์แลนด์ ประจำกรุงเทพ ซึ่งโพสต์ข้อความเดียวกับสถานทูตสวีเดน แต่มี ภาษาอังกฤษ ซึ่งต้องการสื่อสารกับชาวต่างชาติมาร่วมด้วย
ด้าน สถานทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย มีการโพสต์ในข้อความเดียวกัน เป็น 3 ภาษาทั้ง ไทย,อังกฤษและภาษาเยอรมัน
ขณะที่ สถานทูตเดนมาร์ก ประจำกรุงเทพ เขียนข้อความในความหมายเดียวกัน เป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียว
"ลองจินตนาการดูว่าจะเป็นเช่นไรหากคนที่ท่านรักจู่ ๆ ก็หายตัวไป ท่านจะรู้สึกอย่างไร? ท่านจะคิดถึงเขาไหม? ท่านจะร่ำร้องเพื่ออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไหม? ท่านจะทำทุกวิถีทางไหมที่จะตามหาเขา? ท่านจะเรียกร้องขอความยุติธรรมหรือไม่?
น่าเศร้าใจที่มีหลายแสนคนในอย่างน้อย 85 ประเทศทั่วโลกได้หายตัวไปในระหว่างที่เกิดความขัดแย้งหรือมีการปราบปราม
การบังคับบุคคลให้สูญหายไม่ใช่แค่อาชญากรรมต่อเนื่องเท่านั้น ผู้เสียหายโดยมากจะถูกทรมานหรือสังหารโดยตัวแทนของรัฐหรือบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ได้รับคำสั่งจากรัฐ ทั้งนี้ การบังคับบุคคลให้สูญหายทำให้ผู้เสียหายเจ็บปวดแสนสาหัส ส่วนครอบครัวและญาติก็ทุกข์ทรมานใจไปจนชั่วชีวิต
การบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นเรื่องที่มิอาจยอมรับได้และขัดกับกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ครอบครัวของผู้เสียหายและสังคมมีสิทธิที่จะทราบความจริงว่าได้เกิดอะไรขึ้นกับคนที่พวกเขารัก"
การอุ้มหายยังมีอยู่จริง
ขณะเดียวกัน สถานทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความที่แตกต่างออกไป โดยระบุว่า สถานทูตร่วมสนับสนุนข้อเรียกร้องของเลขาธิการสหประชาชาติให้ประเทศสมาชิกปกป้องทุกคนจากการบังคับบุคคลให้สูญหายและดำเนินการค้นหาความจริงอย่างเร่งด่วน รวมทั้งนำความยุติธรรมมาสู่บุคคลที่สูญหายและครอบครัวของพวกเขา
โดยข้อความที่ สถานทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ระบุไว้ มีดังนี้
"ขณะที่ การ #อุ้มหาย ยังมีอยู่จริง
เหยื่อของการบังคับบุคคลให้สูญหาย (Enforced Disappearance) อาจเป็นคนที่คุณรัก เป็นเสาหลักของครอบครัว หรือกระทั่งเป็นผู้นำชุมชน พวกเขาอาจเป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนซึ่งยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของผู้อื่น การบังคับบุคคลให้สูญหายยังมีอยู่จริงในเวลานี้ คดีบังคับบุคคลให้สูญหายที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลายนำไปสู่การ #ลอยนวลพ้นโทษ ของผู้กระทำความผิด สร้างบรรยากาศความหวาดกลัวที่อาจทำให้ผู้อื่นไม่กล้าเรียกร้องหรือแสดงความคิดเห็น
สหราชอาณาจักรมีพันธกิจในการสนับสนุนและปกป้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชนไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลก เราร่วมสนับสนุนข้อเรียกร้องของเลขาธิการสหประชาชาติให้ประเทศสมาชิกปกป้องทุกคนจากการบังคับบุคคลให้สูญหายและดำเนินการค้นหาความจริงอย่างเร่งด่วน รวมทั้งนำความยุติธรรมมาสู่บุคคลที่สูญหายและครอบครัวของพวกเขา"
เป็นเวลา 1 ปีที่เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายในสังคมไทย ในวงของการพูดถึงเรื่อง การอุ้มหาย หรือ การบังคับให้สูญหาย...ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ที่นานาชาติยอมรับไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันบางสิ่งยังคงเดิม ไม่เคยแปรเปลี่ยน
ประเด็นการถูกบังคับให้สูญหาย จากแฮชแท็ก #Saveวันเฉลิม ได้กลายเป็นประเด็นร่วมสมัยที่สังคมให้ความสนใจ เพราะการพลัดพรากชีวิตหนึ่งโดยอำพรางไม่ให้ครอบครัวรับทราบชะตากรรมเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง ขณะเดียวกัน คนในสังคมไทยตอนนี้ ต่างก็มองว่าการบังคับให้สูญหายเป็นความรุนแรงเชิงโครงสร้างที่ต้องถูกแก้ไข...
https://www.facebook.com/SwedeninBangkok/posts/4393607810651753
https://www.facebook.com/nzembassybangkok/posts/2255526597915066
https://www.facebook.com/SwissEmbassyBangkok/posts/2953208461669438
https://www.facebook.com/GermanEmbassyBangkok/posts/2609144539381580
https://www.facebook.com/ukinthailand/posts/5831530056887346
อ.เจษฎา เปิดข้อมูล พบไทยรองบ๊วย จำนวนฉีดวัคซีนต่อประชากร ชนะแค่เมียนมา
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2758475
อ.เจษฎา เปิดข้อมูล พบไทยรองบ๊วย จำนวนฉีดวัคซีนต่อประชากร ชนะแค่เมียนมา
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant เปิดเผยข้อมูลสถิติด้านการฉีดวัคซีนโควิด-19 จากเว็บไซต์ ourworldindata.org ซึ่งพบว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับรองบ๊วยของอาเซียน ในเรื่องอัตราส่วนผู้ได้รับการฉีดวัคซีน ต่อจำนวนประชากรทั้งประเทศ โดยสามารถเอาชนะเมียนมาได้เพียงประเทศเดียว
โดย อ.เจษฎา โพสต์ข้อความระบุว่า
เจอคนคอมเมนต์ว่า
“อย่าอคติ เอาแต่ว่ารัฐบาล วัคซีนมันหายาก มีให้ฉีดก็บุญโขแล้ว”
เลยลองเช็กวันนี้ ว่าเพื่อนบ้านอาเซียนเค้าฉีดไปถึงไหนแล้ว
… อืมม ท่าทางเค้าจะทำบุญกันมาเยอะนะครับ 555
(ภาพซ้าย เป็นแบบจำนวนโดสที่ฉีด .. ภาพขวาบน เป็นคิดเปอร์เซ็นต์ต่อประชากร … ภาพขวาล่าง เป็นการแยกแยะว่าฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มหรือยัง)
ทั้งนี้ อ.เจษฎาได้โพสต์ภาพข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโดยเปรียบเทียบเฉพาะประเทศในอาเซียนพบว่า หากนับอัตราส่วนผู้ได้รับวัคซีน กับจำนวนประชากรในประเทศแล้ว ไทยอยู่ในอันดับรองสุดท้าย เอาชนะได้เพียงเมียนมา ประเทศเดียว ที่เวลานี้กำลังมีปัญหาทางการเมืองอย่างหนัก
โดยไทย มีอัตราส่วนผู้ได้รับวัคซีนเพียง 3.58 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยหากนับเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 โดส จะมีสัดส่วนเพียง 1.59 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ทั้งนี้ข้อมูลยังเปรียบเทียบให้เห็นจำนวนประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนระหว่างประเทศในอาเซียน โดยหากนับจำนวนประชากรประเทศไทยจะอยู่ในอันดับที่ 4 รองจากอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และ กัมพูชา ที่ราว 1.3 ล้านคน
https://www.facebook.com/jessada.denduangboripant/posts/2191458040984818