คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 149
สวัสดีค่ะ เราเจ้าของกระทู้เองนะคะ เรากำลังไล่อ่านทุกคอมเม้นอยู่ค่ะ
ขอบคุณทุกคนนะคะที่ให้คำปรึกษาและแชร์เรื่องราวให้เราได้ตัดสินใจง่ายขึ้นค่ะ
เดิมทีตอนแรกที่เราตั้งกระทู้นี้ ก็ยังมีความหวังอยู่ว่าแฟนจะเข้าใจในความอึดอัดของเราค่ะ เราเลยเงียบหายไปเพราะกำลังทะเลาะกันอยู่
ตอนนี้เราเลิกกันและเราก็มูฟออนออกมาได้แล้วค่ะ เลยมาตอบกระทู้
เพราะว่าถ้าจะไปต่อยังไงแฟนก็ยืนยันว่าต้องแต่งเข้าบ้านและยังไม่คิดจะย้ายออกจากบ้านใหญ่เนื่องด้วยรักแม่มากค่ะ (แฟนเป็นลูกชายคนเล็กที่แม่โอ๋มากๆเลยค่ะ จากการสังเกตตอนไปอยู่ พี่ชายเค้าแม่ยังไม่สนใจขนาดนี้เลยค่ะ) อยากจะดูแลแม่ไปก่อน แต่งไปสักสองสามปีค่อยว่ากันเรื่องย้ายออกไปอยู่ พอเป็นแบบนี้เราก็เลยพอค่ะ เพราะระหว่างที่แต่งไปอยู่บ้านเค้ายังไงก็ต้องลาออกจากงานมาอยู่ที่บ้านเค้า
และเราคิดว่าแฟนคงไม่ย้ายออกง่ายๆหรอกค่ะ เพราะเค้าดูไม่มีความคิดนั้นตั้งแต่แรก
- เรื่องทำงานบ้าน เราเสนอไปแล้วค่ะว่าเราจะจ้างแม่บ้านเองแลกกับการที่เรายังออกไปทำงานได้ แต่แฟนบอกว่า ปรึกษา แม่แล้วค่ะ แม่บอกว่าไม่โอเค จ้างแม่บ้านก็ไม่เหมือนมีคนในครอบครัวทำให้ ไม่ไว้ใจค่ะ
- เรื่องพี่ชายของแฟน เค้ายังไม่มีครอบครัวค่ะ และเค้าไม่แต่งกับผู้หญิงค่ะ เพราะเหตุนี้ครอบครัวของแฟนก็เลยพุ่งเป้าความหวังมาที่ลูกคนเล็กนั่นก็คือแฟนเราเองค่ะ ส่วนพี่น้องคนอื่นๆเป็นผู้หญิงหมดค่ะ แต่งออกไปกันหมดแล้ว
- เรื่องต้มน้ำกรอกน้ำ คือเราไม่เคยต้มน้ำกรอกน้ำเองเลยค่ะ เราเลยมองว่ามันเสียเวลามาก ระยะเวลาที่ไปอยู่ เราต้องใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการต้มน้ำให้คนทั้งบ้านอ่ะค่ะ เราว่ามันเสียเวลามากเลย คุยกับแฟนว่าซื้อน้ำเป็นแพ็คพร้อมดื่มหรือเครื่องกรองน้ำยังดีกว่า แต่แฟนบอกว่า ก็ครอบครัวเค้าใช้ชีวิตมาแบบนี้ จะมาเปลี่ยนได้ยังไง เราก็เลยหมดคำจะพูดแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกคนมากๆอีกครั้งนะคะ
ขอบคุณทุกคนนะคะที่ให้คำปรึกษาและแชร์เรื่องราวให้เราได้ตัดสินใจง่ายขึ้นค่ะ
เดิมทีตอนแรกที่เราตั้งกระทู้นี้ ก็ยังมีความหวังอยู่ว่าแฟนจะเข้าใจในความอึดอัดของเราค่ะ เราเลยเงียบหายไปเพราะกำลังทะเลาะกันอยู่
ตอนนี้เราเลิกกันและเราก็มูฟออนออกมาได้แล้วค่ะ เลยมาตอบกระทู้
เพราะว่าถ้าจะไปต่อยังไงแฟนก็ยืนยันว่าต้องแต่งเข้าบ้านและยังไม่คิดจะย้ายออกจากบ้านใหญ่เนื่องด้วยรักแม่มากค่ะ (แฟนเป็นลูกชายคนเล็กที่แม่โอ๋มากๆเลยค่ะ จากการสังเกตตอนไปอยู่ พี่ชายเค้าแม่ยังไม่สนใจขนาดนี้เลยค่ะ) อยากจะดูแลแม่ไปก่อน แต่งไปสักสองสามปีค่อยว่ากันเรื่องย้ายออกไปอยู่ พอเป็นแบบนี้เราก็เลยพอค่ะ เพราะระหว่างที่แต่งไปอยู่บ้านเค้ายังไงก็ต้องลาออกจากงานมาอยู่ที่บ้านเค้า
และเราคิดว่าแฟนคงไม่ย้ายออกง่ายๆหรอกค่ะ เพราะเค้าดูไม่มีความคิดนั้นตั้งแต่แรก
- เรื่องทำงานบ้าน เราเสนอไปแล้วค่ะว่าเราจะจ้างแม่บ้านเองแลกกับการที่เรายังออกไปทำงานได้ แต่แฟนบอกว่า ปรึกษา แม่แล้วค่ะ แม่บอกว่าไม่โอเค จ้างแม่บ้านก็ไม่เหมือนมีคนในครอบครัวทำให้ ไม่ไว้ใจค่ะ
- เรื่องพี่ชายของแฟน เค้ายังไม่มีครอบครัวค่ะ และเค้าไม่แต่งกับผู้หญิงค่ะ เพราะเหตุนี้ครอบครัวของแฟนก็เลยพุ่งเป้าความหวังมาที่ลูกคนเล็กนั่นก็คือแฟนเราเองค่ะ ส่วนพี่น้องคนอื่นๆเป็นผู้หญิงหมดค่ะ แต่งออกไปกันหมดแล้ว
- เรื่องต้มน้ำกรอกน้ำ คือเราไม่เคยต้มน้ำกรอกน้ำเองเลยค่ะ เราเลยมองว่ามันเสียเวลามาก ระยะเวลาที่ไปอยู่ เราต้องใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการต้มน้ำให้คนทั้งบ้านอ่ะค่ะ เราว่ามันเสียเวลามากเลย คุยกับแฟนว่าซื้อน้ำเป็นแพ็คพร้อมดื่มหรือเครื่องกรองน้ำยังดีกว่า แต่แฟนบอกว่า ก็ครอบครัวเค้าใช้ชีวิตมาแบบนี้ จะมาเปลี่ยนได้ยังไง เราก็เลยหมดคำจะพูดแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกคนมากๆอีกครั้งนะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าคุณเป็นหญิงยุคก่อนหน้านี้สักสี่สิบปี
ว่าที่แม่สามี ก็เอ็นดู / ท่านมัธยัสถ์ / ขยัน / ช่วยกันทำกิจการครอบครัว
แต่งงานแล้วก็อยากให้สะใภ้ ทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัว แบ่งเบาภาระแม่สามี
สามี ก็ เป็นลูกกตัญญู เชื่อฟัง มารดา ครอบครัวย่อมปรองดอง เพราะมีร่มโพธิ์ร่มไทรเป็นหลักในบ้าน
เรื่องนี้จะไม่มีปัญหาใดเลย ถือว่ามีความสุขตามอัตภาพ
มาดูหญิงในยุคโซเชี่ยลมีเดีย
_ที่เพื่อนร่วมรุ่น จะอัพเดทชีวิต ออกสื่อ
_ที่สามารถ ชอปปิ้งอะไรๆได้ทางออนไลน์ อยากได้อะไรก็แค่ปลายนิ้วสัมผัส
แต่คุณต้องแร้นแค้น กระเบียดกระเสียน ทั้งๆที่ความสามารถในการหาเงินก่อนแต่งงานตนก็มี
และไม่เคยต้อง คิดหน้าคิดหลังอะไรขนาดนั้นเวลาจับจ่าย ... ทนไหวหรือ ?
การประหยัด เป็นสิ่งดี แต่ต้มน้ำกินเองทั้งครอบครัว แลกกับการซื้อเครื่องกรองดีๆ
ประหยัดเวลาไปได้เยอะ ... คุณเห็นด้วยกับวิธีคิดของว่าที่แม่สามีคุณหรือ ?
จะซื้ออะไรเข้าบ้าน ต้องขอแม่ก่อน ต่อให้เป็นเงินแฟน
หากต่อไป คุณอยากทานอะไร หรือใช้อะไรที่มีราคาสักหน่อย แม้เป็นเงินคุณ
แต่ท่านมองว่าสิ้นเปลือง ไม่ให้ซื้อ ... คุณทนไหวไหม ?
ทุกความขัดแย้ง สามีจะเข้าข้างแม่ บอกให้คุณยอมๆท่านไป
คุณตัองปั้นหน้า ยิ้มแย้ม เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของท่าน ... จะทนได้สักกี่น้ำ ?
ชีวิตเคยสะดวกสบาย ต้องไปทำงานบ้านแบบเต็มตัว งานที่เหนื่อยสาหัส แต่ไม่ได้หน้าได้ตา
เพราะท่านมองว่าเป็นหน้าที่ สามีมองว่า แม่เขาเคยทำได้ดีกว่านี้ซะอีก ทำดีคือเสมอตัว
ทำไม่ดี จะถูกกล่าวหาว่าขี้เกียจ / จับจด / ที่บ้านไม่เคยสั่งสอน ฯ ... แบกรับความเครียดนี้ไหวไหม ?
เมื่อมีลูก จะเลี้ยงลูกให้มีแนวคิด แบบที่ตนถูกเลี้ยงดูมาไม่ได้
ท่านจะเลี้ยง ในแบบที่ท่านเลี้ยงลูกชายท่านมา
เพราะท่านก็ได้ลูกชาย ที่แสนดีจริงๆ ใครจะเถียงว่าวิธีของท่านผิดล่ะ ... อยากให้ลูกคุณ มีย่า และ พ่อ คนนี้จริงๆหรือ ?
คุณตรองดูดีๆ อย่าคาดหวังว่าอนาคตจะดีขึ้น สามีจะช่วยปกป้อง หรือ แม่สามี จะตามใจ
ชั่งน้ำหนักด้วยความจริงปัจจุบัน ... อนาคต จะแย่กว่านี้ เวลาคนสองคน มีความเห็นไม่ตรงกันไปอยู่ด้วยกัน
และคนกลางมิได้อยู่ข้างเรา
ถ้าทนทุกข์ไหว อยากไปต่อ ... ก็ขอให้ไปแบบสง่างาม พร้อมเชิดหน้ารับทุกสภาพ เพื่อบูชาคำว่ารัก
หญิงยุคใหม่ โชคดีกว่า คนรุ่นเก่า ตรงที่ มีโอกาสเจอใครๆได้ง่าย
มีรักกันได้คนละหลายๆครั้ง เลือกคู่ชีวิตได้เอง แบบไม่ต้องถูกคลุมถุงชน
ว่าที่แม่สามี ก็เอ็นดู / ท่านมัธยัสถ์ / ขยัน / ช่วยกันทำกิจการครอบครัว
แต่งงานแล้วก็อยากให้สะใภ้ ทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัว แบ่งเบาภาระแม่สามี
สามี ก็ เป็นลูกกตัญญู เชื่อฟัง มารดา ครอบครัวย่อมปรองดอง เพราะมีร่มโพธิ์ร่มไทรเป็นหลักในบ้าน
เรื่องนี้จะไม่มีปัญหาใดเลย ถือว่ามีความสุขตามอัตภาพ
มาดูหญิงในยุคโซเชี่ยลมีเดีย
_ที่เพื่อนร่วมรุ่น จะอัพเดทชีวิต ออกสื่อ
_ที่สามารถ ชอปปิ้งอะไรๆได้ทางออนไลน์ อยากได้อะไรก็แค่ปลายนิ้วสัมผัส
แต่คุณต้องแร้นแค้น กระเบียดกระเสียน ทั้งๆที่ความสามารถในการหาเงินก่อนแต่งงานตนก็มี
และไม่เคยต้อง คิดหน้าคิดหลังอะไรขนาดนั้นเวลาจับจ่าย ... ทนไหวหรือ ?
การประหยัด เป็นสิ่งดี แต่ต้มน้ำกินเองทั้งครอบครัว แลกกับการซื้อเครื่องกรองดีๆ
ประหยัดเวลาไปได้เยอะ ... คุณเห็นด้วยกับวิธีคิดของว่าที่แม่สามีคุณหรือ ?
จะซื้ออะไรเข้าบ้าน ต้องขอแม่ก่อน ต่อให้เป็นเงินแฟน
หากต่อไป คุณอยากทานอะไร หรือใช้อะไรที่มีราคาสักหน่อย แม้เป็นเงินคุณ
แต่ท่านมองว่าสิ้นเปลือง ไม่ให้ซื้อ ... คุณทนไหวไหม ?
ทุกความขัดแย้ง สามีจะเข้าข้างแม่ บอกให้คุณยอมๆท่านไป
คุณตัองปั้นหน้า ยิ้มแย้ม เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของท่าน ... จะทนได้สักกี่น้ำ ?
ชีวิตเคยสะดวกสบาย ต้องไปทำงานบ้านแบบเต็มตัว งานที่เหนื่อยสาหัส แต่ไม่ได้หน้าได้ตา
เพราะท่านมองว่าเป็นหน้าที่ สามีมองว่า แม่เขาเคยทำได้ดีกว่านี้ซะอีก ทำดีคือเสมอตัว
ทำไม่ดี จะถูกกล่าวหาว่าขี้เกียจ / จับจด / ที่บ้านไม่เคยสั่งสอน ฯ ... แบกรับความเครียดนี้ไหวไหม ?
เมื่อมีลูก จะเลี้ยงลูกให้มีแนวคิด แบบที่ตนถูกเลี้ยงดูมาไม่ได้
ท่านจะเลี้ยง ในแบบที่ท่านเลี้ยงลูกชายท่านมา
เพราะท่านก็ได้ลูกชาย ที่แสนดีจริงๆ ใครจะเถียงว่าวิธีของท่านผิดล่ะ ... อยากให้ลูกคุณ มีย่า และ พ่อ คนนี้จริงๆหรือ ?
คุณตรองดูดีๆ อย่าคาดหวังว่าอนาคตจะดีขึ้น สามีจะช่วยปกป้อง หรือ แม่สามี จะตามใจ
ชั่งน้ำหนักด้วยความจริงปัจจุบัน ... อนาคต จะแย่กว่านี้ เวลาคนสองคน มีความเห็นไม่ตรงกันไปอยู่ด้วยกัน
และคนกลางมิได้อยู่ข้างเรา
ถ้าทนทุกข์ไหว อยากไปต่อ ... ก็ขอให้ไปแบบสง่างาม พร้อมเชิดหน้ารับทุกสภาพ เพื่อบูชาคำว่ารัก
หญิงยุคใหม่ โชคดีกว่า คนรุ่นเก่า ตรงที่ มีโอกาสเจอใครๆได้ง่าย
มีรักกันได้คนละหลายๆครั้ง เลือกคู่ชีวิตได้เอง แบบไม่ต้องถูกคลุมถุงชน
ความคิดเห็นที่ 60
หนีไป!
นี่คือคำเตือนจากลูกชายคนเดียวบ้านคนจีนที่หนีออกมาแล้ว
ขอไล่เรียงเป็นข้อๆ นะครับ
1. ปัญหาก็คือ แฟนเป็นลูกคนเล็กของที่บ้าน บ้านแฟนเป็นครอบครัวคนจีน งานที่แฟนทำเป็นธุรกิจของที่บ้าน
ถ้าแต่งงานก็ต้องย้ายเข้ามาอยู่บ้านแฟน
ตอบ — โซ้ยตี๋จะมาอินอะไรกับกงสีขนาดนั้น ป๊าตายกิจการก็อยู่ในมือตั่วเฮีย นอกเสียจากจะไม่อยากออกไปทำงานข้างนอกเพราะทำที่บ้านแล้วมีแม่คอยโอ๋
สภาพแบบนี้น่ะอึดอัดมากนะครับ มากพอที่จะทำให้ผมบอกทุกคนให้หนีไป อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว
2. บ้านแฟนค่อนข้างเป็นคนประหยัดค่ะ จะซื้ออะไรต้องมาปรึกษาแม่ก่อน ถึงแม้จะเป็นเงินของแฟนเองก็ตาม
สรุปแล้วก็คือแฟนไม่มีสิทธิในการซื้อของที่อยากได้ด้วยตัวเอง
ตอบ — ลูกแหง่อ่ะครับ อนาคตมีปัญหาแน่นอน
3. แม่เป็นคนทำงานบ้านเองทั้งหมด และท่านบอกว่าถ้าเกิดเราแต่งเข้ามาก็ไม่อยากให้เราทำงานแล้ว อยากให้เราทำงานบ้าน
ตอบ — จะรักกันแค่ไหนก็ตาม ไม่ควรเอาทุกอย่างไปไว้ในมืออีกฝ่าย คุณออกจากงานปุ๊บสถานการณ์จะเปลี่ยนทันที คุณไม่มีเบี้ยต่อรองในมือเหลือแล้ว และสถานภาพคุณจะกลายเป็นแค่นังแจ๋ว (เหมือนที่แม่เค้าโดนมานั่นแหละ)
ผมกล้าพูดเลยว่า คนจีนเกรงใจแค่คนที่ไม่จำเป็นต้องง้อเค้า ถ้าคุณไม่เหลือทางไปเมื่อไหร่เค้าจะไม่เกรงใจอะไรคุณอีกเลย
4. ต้มน้ำ
ตอบ — อันนี้ผมมองเป็นความเชื่อ โอเคมันไม่สะดวก แต่ถ้าเค้าอยากทำก็ปล่อยไปเถอะ อย่ามาใช้เราทำก็พอ
5. แฟนเชื่อแม่มาก แม่สั่งอะไรก็ทำ เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกไม่มีความเป็นผู้นำพอที่จะปกป้องเราได้เลย เช่นเราบอกว่า ถ้าแต่งงานมาจะขอออกค่าจ้างแม่บ้านให้เองแต่เราอยากจะทำงาน แฟนเราแย้งมาว่า แม่บอกว่ายังไงก็ทำตามไปเถอะ ยังไงเค้าก็ทำงานหาเงินมาให้เราเก็บได้อยู่แล้ว เรารู้สึกว่าเค้าไม่ได้แคร์ความรู้สึกอีดอัดของเราเลยอ่ะค่ะ
ตอบ — ก็โซ้ยตี๋อ่ะครับ ฝันไปเถอะว่าจะหือกับแม่
***สรุปนะครับ***
- อย่าออกจากงาน
- ให้แฟนคุณแยกบ้านออกมา ถ้าไม่แยกก็เลิกเลย ไม่มีอะไรต้องเสียดาย
นี่คือคำเตือนจากลูกชายคนเดียวบ้านคนจีนที่หนีออกมาแล้ว
ขอไล่เรียงเป็นข้อๆ นะครับ
1. ปัญหาก็คือ แฟนเป็นลูกคนเล็กของที่บ้าน บ้านแฟนเป็นครอบครัวคนจีน งานที่แฟนทำเป็นธุรกิจของที่บ้าน
ถ้าแต่งงานก็ต้องย้ายเข้ามาอยู่บ้านแฟน
ตอบ — โซ้ยตี๋จะมาอินอะไรกับกงสีขนาดนั้น ป๊าตายกิจการก็อยู่ในมือตั่วเฮีย นอกเสียจากจะไม่อยากออกไปทำงานข้างนอกเพราะทำที่บ้านแล้วมีแม่คอยโอ๋
สภาพแบบนี้น่ะอึดอัดมากนะครับ มากพอที่จะทำให้ผมบอกทุกคนให้หนีไป อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยว
2. บ้านแฟนค่อนข้างเป็นคนประหยัดค่ะ จะซื้ออะไรต้องมาปรึกษาแม่ก่อน ถึงแม้จะเป็นเงินของแฟนเองก็ตาม
สรุปแล้วก็คือแฟนไม่มีสิทธิในการซื้อของที่อยากได้ด้วยตัวเอง
ตอบ — ลูกแหง่อ่ะครับ อนาคตมีปัญหาแน่นอน
3. แม่เป็นคนทำงานบ้านเองทั้งหมด และท่านบอกว่าถ้าเกิดเราแต่งเข้ามาก็ไม่อยากให้เราทำงานแล้ว อยากให้เราทำงานบ้าน
ตอบ — จะรักกันแค่ไหนก็ตาม ไม่ควรเอาทุกอย่างไปไว้ในมืออีกฝ่าย คุณออกจากงานปุ๊บสถานการณ์จะเปลี่ยนทันที คุณไม่มีเบี้ยต่อรองในมือเหลือแล้ว และสถานภาพคุณจะกลายเป็นแค่นังแจ๋ว (เหมือนที่แม่เค้าโดนมานั่นแหละ)
ผมกล้าพูดเลยว่า คนจีนเกรงใจแค่คนที่ไม่จำเป็นต้องง้อเค้า ถ้าคุณไม่เหลือทางไปเมื่อไหร่เค้าจะไม่เกรงใจอะไรคุณอีกเลย
4. ต้มน้ำ
ตอบ — อันนี้ผมมองเป็นความเชื่อ โอเคมันไม่สะดวก แต่ถ้าเค้าอยากทำก็ปล่อยไปเถอะ อย่ามาใช้เราทำก็พอ
5. แฟนเชื่อแม่มาก แม่สั่งอะไรก็ทำ เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกไม่มีความเป็นผู้นำพอที่จะปกป้องเราได้เลย เช่นเราบอกว่า ถ้าแต่งงานมาจะขอออกค่าจ้างแม่บ้านให้เองแต่เราอยากจะทำงาน แฟนเราแย้งมาว่า แม่บอกว่ายังไงก็ทำตามไปเถอะ ยังไงเค้าก็ทำงานหาเงินมาให้เราเก็บได้อยู่แล้ว เรารู้สึกว่าเค้าไม่ได้แคร์ความรู้สึกอีดอัดของเราเลยอ่ะค่ะ
ตอบ — ก็โซ้ยตี๋อ่ะครับ ฝันไปเถอะว่าจะหือกับแม่
***สรุปนะครับ***
- อย่าออกจากงาน
- ให้แฟนคุณแยกบ้านออกมา ถ้าไม่แยกก็เลิกเลย ไม่มีอะไรต้องเสียดาย
ความคิดเห็นที่ 12
ไม่เอาค่าาาาาขีวิตแบบนี้ โชคดีมากเลยค่ะที่ได้ไปลองใช้ชีวิตดูก่อน
อะไรมีการมีงานทำอยู่ดีๆ จะให้ทิ้งงานทิ้งรายได้แล้วมานั่งทำงานบ้านรับใช้คนในบ้าน เราเอาเงินจ้างแม่บ้านไม่กี่ตังได้แต่เราเอาเงินเท่ากันจ้างคนทำงานหาเงินมากๆให้เราไม่ได้เนอะ ต่อให้แฟนคุณเอาเงินมาให้คุณเค้าจะให้สักเท่าไหร่ทั้งหมดมั้ยสม่ำเสมอมั้ย คุณมีอิสระในการใช้จ่ายมั้ย ก็ไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้ แต่หงอแม่ซะขนาดนั้น แม่พูดอะไรห็ทำแม่สั่งอะไรก็เชื่อแถมลามมาบังคับคุณด้วย ดูลางแล้วแม่เป็นใหญ่อยู่คนเดียว คุณเป็นอีแจ๋วอยู่บ้าน สามีทำงานให้เงินไว้เก็บ แต่พอจะซื้ออะไรซักชิ้นถ้าแม่สามีไม่อนุมัติคือจบ โฮ่ยยยย ถ้าลูกเราต้องแต่งงานไปมีฐานะแบบนี้ในบ้านคนอื่น เราจะกราบขอให้ลูกเลิกค่ะ คนเราถ้าอยากเป็นแม่บ้านดูแลสามีมันต้องมาจากความยินยอมของเจ้าตัวค่ะ ไม่ใช่โดนบังคับให้เป็นแถมต้องดูแลคนทั้งบ้านนนนนแบบนี้ แต่งลูกสะใภ้เข้าไปเป็นคนใช้ ไม่ไหวๆ ยิ่งเดี๋ยวถ้ามีลูกนะ ลูกก็ต้องเลี้ยงไม่ได้หลับไม่ได้นอน งานบ้านก็ต้องทำเหมือนเดิม แถมแม่สามีอาจจะมีอิทธิพลในวิถีการเลี้ยงลูกให้เป็นแบบที่เค้าต้องการ โดยที่ทั้งบ้านก็ไม่มีใครเข้าข้างคุณด้วย โอ้ยยยยยย บันเทิงงงงงงง
คิดดีๆๆๆๆๆๆ คุณยังมีโอกาสเลือกอีกเยอะนะ เอาเวลาไปดูแลปรนนิบัติพ่อแม่ตัวเองดีกว่า
อะไรมีการมีงานทำอยู่ดีๆ จะให้ทิ้งงานทิ้งรายได้แล้วมานั่งทำงานบ้านรับใช้คนในบ้าน เราเอาเงินจ้างแม่บ้านไม่กี่ตังได้แต่เราเอาเงินเท่ากันจ้างคนทำงานหาเงินมากๆให้เราไม่ได้เนอะ ต่อให้แฟนคุณเอาเงินมาให้คุณเค้าจะให้สักเท่าไหร่ทั้งหมดมั้ยสม่ำเสมอมั้ย คุณมีอิสระในการใช้จ่ายมั้ย ก็ไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้ แต่หงอแม่ซะขนาดนั้น แม่พูดอะไรห็ทำแม่สั่งอะไรก็เชื่อแถมลามมาบังคับคุณด้วย ดูลางแล้วแม่เป็นใหญ่อยู่คนเดียว คุณเป็นอีแจ๋วอยู่บ้าน สามีทำงานให้เงินไว้เก็บ แต่พอจะซื้ออะไรซักชิ้นถ้าแม่สามีไม่อนุมัติคือจบ โฮ่ยยยย ถ้าลูกเราต้องแต่งงานไปมีฐานะแบบนี้ในบ้านคนอื่น เราจะกราบขอให้ลูกเลิกค่ะ คนเราถ้าอยากเป็นแม่บ้านดูแลสามีมันต้องมาจากความยินยอมของเจ้าตัวค่ะ ไม่ใช่โดนบังคับให้เป็นแถมต้องดูแลคนทั้งบ้านนนนนแบบนี้ แต่งลูกสะใภ้เข้าไปเป็นคนใช้ ไม่ไหวๆ ยิ่งเดี๋ยวถ้ามีลูกนะ ลูกก็ต้องเลี้ยงไม่ได้หลับไม่ได้นอน งานบ้านก็ต้องทำเหมือนเดิม แถมแม่สามีอาจจะมีอิทธิพลในวิถีการเลี้ยงลูกให้เป็นแบบที่เค้าต้องการ โดยที่ทั้งบ้านก็ไม่มีใครเข้าข้างคุณด้วย โอ้ยยยยยย บันเทิงงงงงงง
คิดดีๆๆๆๆๆๆ คุณยังมีโอกาสเลือกอีกเยอะนะ เอาเวลาไปดูแลปรนนิบัติพ่อแม่ตัวเองดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 2
อย่าลาออกจากงาน
บอกคุณแม่เขา อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าเรื่องธุรกิจ ถ้าซวนเซ คุณก็ยังช่วยเหลือตัวเอง หรือครอบครัวได้บ้าง
วันหนึ่ง ถ้าแฟนนอกใจคุณ อย่างน้อยคุณก็เอาตัวเองรอด
อีกอย่าง อยู่บ้านทั้งวัน ทุกวัน ตลอด อึดอัดนะ มีโอกาสทะเลาะกันสูง โลกแคบด้วย
งานบ้าน ตอนเย็น หรือ ส อ ทั้งคุณและสามีก็ควรช่วยแบ่งเบาท่านบ้าง
บอกคุณแม่เขา อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าเรื่องธุรกิจ ถ้าซวนเซ คุณก็ยังช่วยเหลือตัวเอง หรือครอบครัวได้บ้าง
วันหนึ่ง ถ้าแฟนนอกใจคุณ อย่างน้อยคุณก็เอาตัวเองรอด
อีกอย่าง อยู่บ้านทั้งวัน ทุกวัน ตลอด อึดอัดนะ มีโอกาสทะเลาะกันสูง โลกแคบด้วย
งานบ้าน ตอนเย็น หรือ ส อ ทั้งคุณและสามีก็ควรช่วยแบ่งเบาท่านบ้าง
ความคิดเห็นที่ 19
ในฐานะที่แต่งงานแล้ว ขอตอบบบบ เชิงเตือน
ก่อนแต่งงาน เราคุยกับแฟนค่ะ
1.เราไม่ทำงานบ้านเลยสักอย่าง เพราะตอนเราอยู่บ้านกับพ่อแม่ เรามีแม่บ้านดูแลตั้งแต่ตื่นยันนอน แต่งไปแล้วเราต้องล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน เราขอหยุดความสัมพันธ์ไว้ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
2. เราต้องทำงาน ไม่มีการอยู่บ้านเฉยๆ เพราะเป็นสิ่งที่เราถนัดที่สุด (เราทำงานบ้านแย่ ขี้เกียจ แต่เราไม่เคยขี้เกียจทำงานหาเงินค่ะ55)
3. ตกลงจำนวนลูกที่เราอยากมี (4คนอย่างน้อย) ให้ข้อนี้ไม่ได้ ก็ไม่แต่งเหมือนกัน
อ่านของคุณแล้วเหมือนเห็นตัวเองก่อนแต่งงาน 555 อยากให้ตัดสินใจดีๆ ผู้ชายหาง่ายค่ะ คนที่พร้อมให้เรามากกว่ายังมี ก่อนแต่งงานเลือกกกไปเถอะค่ะ แต่งแล้วจะเลิกลำบากพลังชีวิตมาก
a good plan is 50% success
ก่อนแต่งงาน เราคุยกับแฟนค่ะ
1.เราไม่ทำงานบ้านเลยสักอย่าง เพราะตอนเราอยู่บ้านกับพ่อแม่ เรามีแม่บ้านดูแลตั้งแต่ตื่นยันนอน แต่งไปแล้วเราต้องล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน เราขอหยุดความสัมพันธ์ไว้ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
2. เราต้องทำงาน ไม่มีการอยู่บ้านเฉยๆ เพราะเป็นสิ่งที่เราถนัดที่สุด (เราทำงานบ้านแย่ ขี้เกียจ แต่เราไม่เคยขี้เกียจทำงานหาเงินค่ะ55)
3. ตกลงจำนวนลูกที่เราอยากมี (4คนอย่างน้อย) ให้ข้อนี้ไม่ได้ ก็ไม่แต่งเหมือนกัน
อ่านของคุณแล้วเหมือนเห็นตัวเองก่อนแต่งงาน 555 อยากให้ตัดสินใจดีๆ ผู้ชายหาง่ายค่ะ คนที่พร้อมให้เรามากกว่ายังมี ก่อนแต่งงานเลือกกกไปเถอะค่ะ แต่งแล้วจะเลิกลำบากพลังชีวิตมาก
a good plan is 50% success
แสดงความคิดเห็น
กำลังจะแต่งงาน แต่เข้ากับที่บ้านแฟนไม่ได้ ควรปรับการใช้ชีวิตของตัวเองหรือพอแค่นี้
ปัญหาก็คือ แฟนเป็นลูกคนเล็กของที่บ้าน บ้านแฟนเป็นครอบครัวคนจีน งานที่แฟนทำเป็นธุรกิจของที่บ้าน
ถ้าแต่งงานก็ต้องย้ายเข้ามาอยู่บ้านแฟน เราก็เลยลองมาอยู่ดูเชิงก่อนจะแต่งงานว่าพอจะเข้ากับที่บ้านของเค้าได้มั้ย
ตลอดเวลาที่คบกันเราไม่เคยก้าวก่ายเรื่องครอบครัวของแต่ละคนเลยค่ะ แต่พอแฟนเริ่มพูดเรื่องแต่งงานและบอกว่าต้องไปอยู่กับพ่อแม่ เราก็เลยลองมาอยู่ที่บ้านเค้าในฐานะแขกสักสามสี่วันเพื่อดูการใช้ชีวิตของเค้า
บ้านแฟนค่อนข้างเป็นคนประหยัดค่ะ จะซื้ออะไรต้องมาปรึกษาแม่ก่อน ถึงแม้จะเป็นเงินของแฟนเองก็ตาม
สรุปแล้วก็คือแฟนไม่มีสิทธิในการซื้อของที่อยากได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเราก็เพิ่งทราบหลังจากมาบ้านแฟนครั้งแรกนี่แหละค่ะ (ปกติเรากับแฟนทำงานกันคนละที่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันค่ะ เจอกันตอนมาทำงานที่ตจว.ด้วยกันแล้วแฟนก็ออกจากงานไปทำธุรกิจที่บ้าน)
แม่เป็นคนทำงานบ้านเองทั้งหมด และท่านบอกว่าถ้าเกิดเราแต่งเข้ามาก็ไม่อยากให้เราทำงานแล้ว อยากให้เราทำงานบ้าน ซึ่งเรามองว่าไม่ค่อยโอเคสำหรับชีวิตเราค่ะ เพราะเรายังอยากมีของเป็นของตัวเอง ไม่อยากใช้เงินแฟนหรือที่บ้านแฟนมาจุนเจือตรงนี้ แต่เมื่อได้ลองคุยกับแม่แฟนดูแล้ว ท่านอยากให้เราดูแลบ้านค่ะ ทำงานบ้านทุกอย่าง แม้แต่การซักผ้า ก็ยังมีการซักมือกันอยู่สำหรับเสื้อบางตัว ซึ่งพูดตรงๆว่าเรายังไม่เคยซักผ้าด้วยมือเลยสักครั้ง จ่ายตลาด ทำอาหารเอง ทำทุกอย่างเลยอ่ะค่ะ ซึ่งสองสามวันที่ไปอยู่ด้วยเราช่วยท่านทำงานบ้านทุกอย่าง ท่านก็เอ็นดูเรานะคะ แต่ถ้าให้เราต้องมาทำตลอดชีวิตเราว่าเราไม่ไหวค่ะ
ว่าด้วยเรื่องที่บ้านแฟนเป็นคนประหยัดต่อค่ะ ที่บ้านแฟน ต้ม น้ำ กิน เอง!!! ต้มน้ำทุกวัน โดยการไปซื้อน้ำเป็นถังละ 10กว่าบาทมาจากร้านค้า แล้วมาต้มกรอกใส่ขวดไว้กินอีกที เราถามแฟนว่าทำไมไม่ซื้อเครื่องกรองน้ำหรือซื้อน้ำเป็นขวดตามห้างมากิน เค้าบอกว่า แม่ให้เหตุผลว่า แพง ค่ะ ซื้อมาต้มกินเองประหยัดและสะอาดกว่า เราได้แต่อึ้งค่ะ และใช่ค่ะ เราต้องรับหน้าที่ต้มน้ำวันละเป็นถังใส่ตู้เย็นให้ครอบครัวเค้าตลอดเวลาที่ไปอยู่
แฟนเชื่อแม่มาก แม่สั่งอะไรก็ทำ เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกไม่มีความเป็นผู้นำพอที่จะปกป้องเราได้เลย เช่นเราบอกว่า ถ้าแต่งงานมาจะขอออกค่าจ้างแม่บ้านให้เองแต่เราอยากจะทำงาน แฟนเราแย้งมาว่า แม่บอกว่ายังไงก็ทำตามไปเถอะ ยังไงเค้าก็ทำงานหาเงินมาให้เราเก็บได้อยู่แล้ว เรารู้สึกว่าเค้าไม่ได้แคร์ความรู้สึกอีดอัดของเราเลยอ่ะค่ะ
เราลองไปดูมาแล้วเลยรู้สึกว่าไม่สามารถทำตามสิ่งที่ครอบครัวแฟนเราอยากให้ทำได้ ถึงแม้ในใจจะอยากแต่งงานกับแฟนอยู่แล้วย้ายออกไปอยู่เป็นอีกครอบครัวนึงก็ตาม แต่เรากลัวว่าถ้าคุยกับแฟนเรื่องนี้แล้วเค้าจะไม่โอเคอ่ะค่ะ ถ้าถึงตอนนั้นเราควรจะไปต่อ ยอมเป็นแม่บ้านหรือพอกันแค่นี้ดีคะ