1.เริ่มแรก ก่อนสอบ ตั้งเป้าหมายก่อนเลย
.
ว่าจะสอบไปเพื่ออะไร มีประโยชน์กับเราจริงๆ ในอนาคตไหม เพราะค่าสอบค่อนข้างแพงอยู่เหมือนกัน ถ้าเสียเงินไปสอบเล่นๆ เสียดายเงินแย่เลยย
2.การจัดตารางเวลา 
.
เราตั้งเป้ามายว่าอย่างใช้เวลาแค่ 2 สัปดาห์ ในการสอบตัวแรกให้ผ่าน จากนั้นก็ลงเวลาแบบ Fix เลยว่าอยากจะอ่าน(ฟัง)ช่วงเวลาไหนถึงเวลาไหน พักช่วงไหนได้บ้าง
.
ตารางเวลาของเราคือ อ่านจันทร์-ศุกร์
รอบเช้าคือ ฟังคลิป 09.00-12.00 พัก 12.00-13.00
รอบบ่ายคือ ฟังต่อ 13.00-17.00 พัก 17.00-20.00
รอบดึก ทำข้อสอบวนไปเรื่อยๆ 20.00-23.00 
(เวลาปรับได้ แล้วแต่ Life style และ ความเข้าใจของแต่ละบุคคล)
3.ลองทำข้อสอบ 
.
หาข้อสอบเก่ามาทำ เราเริ่มจากหาในเน็ตนี่แหละ (ทักมาขอได้นะคะ ยินดีแบ่งปัน) ค้นไปเรื่อยๆ หาไปเรื่อยๆ รวบรวมคำถามที่มีคำตอบให้ ทำข้อสอบใน SET เราทำรอบแรกได้แค่ 13 ข้อ จาก 50 ข้อใน SET (โฮกกกก พื้นอ่อนมาก😭)
.
การทำข้อสอบ จะวัดพื้นฐานความรู้ที่เรามีอยู่เดิม เพื่อจะได้รู้ต่อไปว่าถ้าอ่านเนื้อหาจนครบแล้ว วนกลับมาทำ เรามีความเข้าใจมากขึ้นไหม ทำไมช้อยส์นี้ถึงผิด ผิดเพราะอะไร (ต้องอธิบายได้ด้วยน้าาา)
4.เริ่มเข้าสู่เนื้อหา
.
ช่วงแรกมันจะหน่วงๆ ไปบ้างสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานสายนี้เลย (เราก็มีมาไม่เยอะเช่นเดียวกัน) ถึงจะไม่เข้าใจ แต่ก็พยายามฟัง พยายามจับใจความ เข้าใจ Product ว่ามันทำงานยังไง เก็บภาษียังไงบ้าง เหมาะกับลูกค้ากลุ่มไหน
.
ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ก็...อ่านวนไปค่ะ ฟังวนไปค่ะ ไม่เข้าใจก็ย้ำๆซ้ำๆ จนกว่าจะกระจ่าง ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามเราแน่นอน
5.ทำยังไงก็ไม่มีหนังสือ?
.
Youtube เลยค่ะ พิมพ์แค่ IC Plain ก็มีอาจารย์ขึ้นมาปะเลอะะะแล้ว จิ้มเลยค่ะอยากฟังอาจารย์ท่านไหน
.
สำหรับเรา เราฟังอาจารย์ 2 ท่าน คือ
อาจารย์ยีน (เดี๋ยวแปะลิงก์ให้ในคอมเมนต์นะคะ) แล้วก็อาจารย์อลงกรณ์ (อาจารย์ท่านนี้ เราฟังวนจนจำได้ในเซรีบรัม เซรีเบรัมเลยข่าาา🤣) 
6.ฟังแล้ว...จำไม่หมด จดก็ดีกว่าจำ
.
สมองคนเรามีขีดจำกัดแน่นอนค่ะ ฟังรอบแรก ฟังแบบซึมๆ ฟังผ่านๆ เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ไม่เป็นไร ให้สมองมันได้ทำงาน 
.
หลังจากนั้น เริ่มฟังรอบที่ 2 จดเนื้อหาหรือประเด็นที่ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจได้ไม่กระจ่างได้ในทีเดียว (แสดงว่าเรายังด้อยเรื่องนี้ๆ ยังไม่แม่นพอ) เพื่อที่จะได้กลับมาอ่านได้คล่องในอีกรอบนึง 
.
มีสรุปของเรานะคะ ใครอยากได้ทักมาขอได้อีกเช่นเดียวกัน แต่เราอยากจะบอกว่า สรุปของแต่ละคน ไม่ เหมือน กัน เพราะความเข้าใจในเนื้อหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
.
เช่น เราแม่นหุ้นมาก ให้คำนวณ เกี่ยวกับหุ้น เราจะไปได้ไวมาก แต่เราต้องมานั่งเรียบเรียงเรื่องตราสารหนี้ ว่า มันเกี่ยวกับอะไรกันนะ ใครเหมาะกับ Product นี้ เก็บภาษีกี่% เก็บตอนไหนบ้าง 
7.ทวนเนื้อหา
.
ถ้าเข้า State นี้ได้ แสดงว่าเราแม่นในเนื้อหาระดับนึง รู้วิธีการทำงานของสินค้า เข้าใจกลไกตลาดมากพอ
.
ลองกลับไปทำข้อสอบของ SET (หรือข้อสอบเก่า) อีกรอบ โดยที่รอบนี้คะแนนต้องมากกว่า 80%จากข้อสอบทั้งหมด (ผิดได้4ข้อ จาก SET) 
8.สมัครสอบ
.
ถ้าเราแม่นในเนื้อหามากพอ ลุยเลยค่ะ อย่าไปกลัว เลือกวันเวลาที่สะดวก (ตอนนี้เปิดแค่ที่ศูนย์สอบกรุงเทพฯ) 
.
ตอนนี้ถ้าสมัครสอบออนไลน์ ใน ATI จะได้ทำข้อสอบฟรี 100 ข้อแบบจับเวลา พร้อมวีดิโอเฉลยด้วย 
9.วันก่อนสอบ
.
1 วันก่อนสอบ เราจะไม่ค่อยมาอ่านทบทวน หรือทำข้อสอบแล้ว เราจะปล่อยโล่งๆ ให้สมองได้พักบ้าง หยิบมาอ่านนิดหน่อยตอนว่างๆ เตรียมตัวให้พร้อม จำสูตรให้แม่น แค่นี้ชัยชนะก็มาเกินครึ่งแล้วว
สรุป
.
เราต้องตั้งเป้าหมาย>>จัดตารางเวลาให้ดี>>ลองทำข้อสอบ>>ฟังคลิป อ่านหนังสือ เข้าใจเนื้อหา>>จดสรุป>>ขวนขวาย>>ตั้งใจ!!!
.
เราอยากจะบอกว่า สิ่งที่เรามีไม่เหมือนกัน คือ พื้นฐานความรู้ แต่สิ่งที่เราทำให้เหมือนกันได้ คือ ระเบียบวินัยในตัวเอง จัดตารางเวลาให้ดี และจงทำมันไปทุกวัน (แม้จะขี้เกียจก็ตาม) เพราะเราตั้งเป้าหมายชัดเจนแล้วว่าจะทำ ก็คิดว่าเราต้องทำได้ (Positive thinking เข้าไว้)
.
การอ่าน หรือฟังคลิป แบบไม่มีหนังสือ มันยากกว่าคนที่เค้ามีหนังสือแน่นอน เพราะเราต้องพยายามคูณ2 จากคนที่เขามี เราต้องแม่นจริงๆ เข้าใจในเนื้อหามากกว่าคนที่อ่าน 
.
เราทำข้อสอบมากกว่า 1,000 ข้อ เพื่อทดสอบเนื้อหาและความเข้าใจของตัวเอง (คนอื่นอาจจะไม่ต้องขนาดนี้ แต่ถ้าทำได้ เราเชื่อว่า ยังไงก็ต้องผ่านนน)
.
คิดว่าการสอบครั้งนี้ มันมีแค่ครั้งเดียว อะไรที่เราคิดว่าพลาดไม่ได้ เราจะพยายามกับมันเต็มที่ใช่มั้ยล้าา สอบทั้งที สอบทีเดียวให้มันผ่านไปเลยนะทุกโคนนน 
.
.
.
สู้ๆค่ะ