ปกติทหารอังวะยุคคองบองขึ้นชื่อลือชาว่า รบเก่งที่สุดใน AEC
ตีที่ไหนแตกที่นั่น ไม่มีทัพใดสามารถต่อรบด้วยได้ ไพร่พลก็ประสบการณ์โชกโชน, ชำนาญการรบอยู่ใน DNA
เคยมีบางคนถึงกับอวยว่า ทหารพม่าในยุคคองบองเปนทหารอาชีพเจ้าแรกๆของอาเซี่ยน
แต่แล้วตอนค่ายโพธิสามต้น
ทำไมข้อดีพวกนี้ถึงไม่ช่วยให้พวกทหารอังวะปราบการทวงเอกราชของพระเจ้ากรุงธนบุรีไม่ไหว ถ้าจะตอบง่ายๆเพียงว่า ทัพจันบูรที่บุกเข้ามานั้นเยอะกว่า
ชวงที่ล้อมรบกับอยุธยา ทหารอังวะเจอของแข็งยิ่งกว่านี้หลายเท่า ประเภททหาร ๑-๒ หมื่น ยืนหยัดต่อตีทัพอยุธยา ๔-๕ หมื่นพรรมสรรพาวุธเต็มอัตราศึกแตกกลับกรุงไปได้
แต่ที่โพธิสามต้น พม่าที่คุมเขตกลับฮึดแบบนั้นไม่ได้อีก ทั้งที่คิดแง่ไหน ก็สบายกว่าตอนรบกับทหารกรุงฯมาก ไม่ว่าจะเปน
- กำลังที่บุกเข้ามามีแค่ ๖-๗ พัน : ทหารพม่า ๓ พัน ความต่างของสองฝั่งมีน้อยกว่าตอนล้อมกรุง
- ไพร่พลที่บุกเข้ม เป็นทหารหัวเมืองที่ไม่ได้เข้มแข็งเป็นพิเศษอะไร
ฝีมือดาบ ,หัวใจนักรบ, ความฟิต ไม่ช่วยอะไรเลยเคสนี้เลยเรอะครับ?
ตีที่ไหนแตกที่นั่น ไม่มีทัพใดสามารถต่อรบด้วยได้ ไพร่พลก็ประสบการณ์โชกโชน, ชำนาญการรบอยู่ใน DNA
เคยมีบางคนถึงกับอวยว่า ทหารพม่าในยุคคองบองเปนทหารอาชีพเจ้าแรกๆของอาเซี่ยน
แต่แล้วตอนค่ายโพธิสามต้น
ทำไมข้อดีพวกนี้ถึงไม่ช่วยให้พวกทหารอังวะปราบการทวงเอกราชของพระเจ้ากรุงธนบุรีไม่ไหว ถ้าจะตอบง่ายๆเพียงว่า ทัพจันบูรที่บุกเข้ามานั้นเยอะกว่า
ชวงที่ล้อมรบกับอยุธยา ทหารอังวะเจอของแข็งยิ่งกว่านี้หลายเท่า ประเภททหาร ๑-๒ หมื่น ยืนหยัดต่อตีทัพอยุธยา ๔-๕ หมื่นพรรมสรรพาวุธเต็มอัตราศึกแตกกลับกรุงไปได้
แต่ที่โพธิสามต้น พม่าที่คุมเขตกลับฮึดแบบนั้นไม่ได้อีก ทั้งที่คิดแง่ไหน ก็สบายกว่าตอนรบกับทหารกรุงฯมาก ไม่ว่าจะเปน
- กำลังที่บุกเข้ามามีแค่ ๖-๗ พัน : ทหารพม่า ๓ พัน ความต่างของสองฝั่งมีน้อยกว่าตอนล้อมกรุง
- ไพร่พลที่บุกเข้ม เป็นทหารหัวเมืองที่ไม่ได้เข้มแข็งเป็นพิเศษอะไร