หลังจากสมัครเรียนนะครับ เราจะได้รับ 2 อย่างทางด้านล่าง
1.) Username + Password ที่ใช้ในการจองเรียนในแต่ละคาบ
2.) คอร์สที่ผมสมัครไว้ ชื่อว่าคอร์ส Standard ครับ จะได้รับหนังสือเรียนทั้งหมด 6 เล่ม และหนังสือคู่มือประกอบ 1 เล่มด้วยกันครับ
เราจะต้องทำการจองเรียนทุกครั้ง โดย 1 ครั้ง เราจะเรียนกี่ชั่วโมงก็ได้ครับ ซึ่งในแต่ละวัน จะมีเวลาเปิด-ปิดไม่เท่ากัน ตามตารางเรียนที่โรงเรียนเปิดไว้ให้ (จันทร์-ศุกร์ 13.00 - 21.00 น. / เสาร์-อาทิตย์ 10.00-18.00 น.)
เวลาที่ผมเลือกเรียนในคาบแรก คือ วันเสาร์ 10.00-12.00 น.ครับ ครั้งหน้าไม่จำเป็นต้องเป็นวัน-เวลานี้นะครับ แล้วแต่สะดวก ซึ่งผมยังไม่ได้จองเรียนครับ
ในกรณีที่เรามาไม่ทัน ตื่นสาย หรือเหตุผลอะไรต่างๆ จะมีปุ่มให้กด Cancel ยกเลิกรายชั่วโมงครับ ไม่ยาก //
หนังสือที่นำมาเรียน นำมาทีละเล่มครับ + หนังสือคู่มือประกอบ
ตัวหนังสือเรียน ทำมาแบบเย็บตรงกลาง เหมือนหนังสือที่ญี่ปุ่นครับ ปกเปลือย ทำให้เปิดกว้างได้ 180 องศา มีขนาดเล็กกระทัดรัด ทำให้ไม่หนักกระเป๋าเวลาแบก
วันแรกผมจองไว้ 10:00 น. ครับ แต่ผมมาถึงก่อนเวลานิดๆ เมื่อมาถึงโรงเรียนแล้ว จะมีบาร์กาแฟไว้ให้บริการฟรี ในวันนี้ผมสั่งกาแฟดริปร้อนครับ จะได้ตื่นๆหน่อย
พอเริ่มเรียนครับ ครูก็จะมาอธิบายเนื้อหากับเรา ตัวต่อตัวเลยครับ และพออธิบายเสร็จ คุณครูก็จะเดินออกไปอธิบายคนอื่น เราก็ทำแบบฝึกหัดที่เรียนของเราไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเสร็จ
ครูบอกไว้ว่า ถ้าเกิดไม่เข้าใจตรงไหนระหว่างทำ ให้ทำตามความเข้าใจไปก่อน ถ้าผิด ครูจะได้รู้ว่า เข้าใจอย่างไร แล้วมาแก้จุดผิดกัน ทำผิดดีกว่าไม่ทำเลย
ระหว่างที่ผมเรียนอยู่ครับ คนก็เริ่มเดินเข้ามาเรียนบ้าง คาบเช้าไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ครูเลยเดินมาหาผมบ่อยหน่อย
ในระบบที่จองเรียนครับ จะมีบอกจำนวนที่นั่ง ที่เหลือในแต่ละคาบให้ไว้ด้วยครับ เราจะได้รู้ว่า คนเรียนเยอะหรือไม่เยอะ โดยครู 1 คนครับ จะสามารถดูนักเรียนได้มากที่สุดจำนวน 10 คนพร้อมๆกัน ซึ่งคาบที่ผมเรียน มีแค่ 3 คนครับ รวมผมแล้ว
ระหว่างที่เราทำแบบฝึกหัด ครูก็จะสังเกตอยู่ไกลๆตลอดเวลาครับ พอเราทำเสร็จ ครูก็จะเข้ามาหา โดยเราไม่ต้องยกมือเรียกครับ
เรื่องแรกที่เรียน เป็นเรื่อง Verb to be ยังไม่ยากครับ แบบฝึกหัดจะเป็นโจทย์ภาษาไทย ให้เราแปลเป็นภาษาอังกฤษ ถึงไม่ยาก แต่ก็ยังผิดอยู่เลยครับ 55
ครูบอกว่า แบบฝึกหัดแต่ละเรื่อง แต่ละข้อ มีการวางหลุมไว้ ให้เราเผยความไม่เข้าใจออกมา เพราะแต่ละคนมีสิ่งที่อยู่ในหัวไม่เหมือนกัน บางคนยังไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำไป ว่าตัวเองไม่เข้าใจตรงไหน, บางคนรู้ แต่ไม่บอกออกมา เพราะกลัวครูจะมองว่าโง่, ยิ่งคนที่มีฐานะการงานสูงๆ จะยิ่งดูไม่ออกเลยครับ แบบฝึกหัดเลยทำหลุมไว้เยอะ
เช่น เรื่องที่ผมโดน คือคำว่า "พ่อของเรารวย” ผมแปลเป็น “Our father are rich.” เพราะเห็นคำว่า “ของเรา” พอเป็นคนเขียนประโยคเอง จะไม่แน่ใจครับ ว่าจะต้องใช้ is หรือใช้ are ก็เลยเขียน are ไปก่อน
ครูบอกว่า ข้อนี้ผิดกันเยอะครับ เพราะแต่ละคน ก็คิดไม่เหมือนกัน อีกอย่าง โจทย์ก็ให้มากำกวมด้วย สรุปเป็นบทสนทนาทางด้านล่างให้ดูนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โจทย์ "พ่อของเรารวย”
ครู: ข้อนี้ ใช้คำว่า are เพราะคำว่า our ใช่ไหม .. ใ พ่อรวย หรือเรารวย
ผม: พ่อรวย
ครู: พ่อกี่คน
ผม: ... (เงียบ)
ครู: โจทย์ไม่ได้บอก ว่าพ่อกี่คน (นั่นน่ะสิ .. โจทย์ไม่ได้บอก) ถ้าเราคิดว่า พ่อหลายคน “พ่อ” จะต้องเติม s แล้วจะใช้คำว่า are, แต่ถ้าพ่อคนเดียว ให้ใช้คำว่า is ให้เข้ากัน
ตอนนี้จะตอบอะไรก็ได้ ขอให้เข้ากัน ไม่ได้เกี่ยวกับคำว่า our เลย บางคนบอกว่า ข้อนี้ พี่น้องคุยกัน ว่าพ่อของเรารวย “พ่อ” ก็คนเดียวกันได้, แต่ถ้าเป็นกลุ่มเพื่อนคุยกัน “พ่อ” คนละคน ก็มีพ่อหลายคนได้
วันนี้เรียน 2 ชั่วโมงครับ จบไปแค่ 3 แผ่นเอง ถ้าจะเรียนจบคอร์สนี้ จะต้องเรียนให้ครบ 6 เล่ม ซึ่ง 1 เล่ม มีประมาณ 70 แผ่น เมื่อไหร่จะจบเนี่ย
คอร์สที่นี่ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ว่าต้องเรียนกี่ชั่วโมงครับ แต่กำหนดไว้จากจำนวนเล่มหนังสือ เช่น คอร์สที่ผมสมัคร หากเรียนครบ 6 เล่ม ถือว่าจบคอร์ส ไม่ได้มีวันหมดอายุอะไร ตามสถิติที่โรงเรียนเก็บมา ใช้เวลาประมาณ 120 ชั่วโมงครับ แต่อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้ แล้วแต่บุคคล
ความต่อเนื่องของการเรียน ขึ้นอยู่กับวินัยของเราเองครับ ว่าจะลงเรียนเป็นประจำมากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่ลงเรียนติดต่อกันเกิน 6 เดือน ทางโรงเรียนจะถือว่าสิ้นสุดสภาพความเป็นนักเรียนครับ ก็คือ ใครหัวช้า เรียนช้าได้ แต่ต้องเรียนให้ต่อเนื่อง โดยเรามีอิสระเต็มที่ในการสร้างตารางเรียนเอง
ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้คร้าบ
[CR] รีวิว McBrown's In-Class โรงเรียนภาษาสำหรับวัยทำงานที่ไม่มีพื้นฐาน
1.) Username + Password ที่ใช้ในการจองเรียนในแต่ละคาบ
2.) คอร์สที่ผมสมัครไว้ ชื่อว่าคอร์ส Standard ครับ จะได้รับหนังสือเรียนทั้งหมด 6 เล่ม และหนังสือคู่มือประกอบ 1 เล่มด้วยกันครับ
เราจะต้องทำการจองเรียนทุกครั้ง โดย 1 ครั้ง เราจะเรียนกี่ชั่วโมงก็ได้ครับ ซึ่งในแต่ละวัน จะมีเวลาเปิด-ปิดไม่เท่ากัน ตามตารางเรียนที่โรงเรียนเปิดไว้ให้ (จันทร์-ศุกร์ 13.00 - 21.00 น. / เสาร์-อาทิตย์ 10.00-18.00 น.)
เวลาที่ผมเลือกเรียนในคาบแรก คือ วันเสาร์ 10.00-12.00 น.ครับ ครั้งหน้าไม่จำเป็นต้องเป็นวัน-เวลานี้นะครับ แล้วแต่สะดวก ซึ่งผมยังไม่ได้จองเรียนครับ
ในกรณีที่เรามาไม่ทัน ตื่นสาย หรือเหตุผลอะไรต่างๆ จะมีปุ่มให้กด Cancel ยกเลิกรายชั่วโมงครับ ไม่ยาก //
หนังสือที่นำมาเรียน นำมาทีละเล่มครับ + หนังสือคู่มือประกอบ
วันแรกผมจองไว้ 10:00 น. ครับ แต่ผมมาถึงก่อนเวลานิดๆ เมื่อมาถึงโรงเรียนแล้ว จะมีบาร์กาแฟไว้ให้บริการฟรี ในวันนี้ผมสั่งกาแฟดริปร้อนครับ จะได้ตื่นๆหน่อย
ครูบอกไว้ว่า ถ้าเกิดไม่เข้าใจตรงไหนระหว่างทำ ให้ทำตามความเข้าใจไปก่อน ถ้าผิด ครูจะได้รู้ว่า เข้าใจอย่างไร แล้วมาแก้จุดผิดกัน ทำผิดดีกว่าไม่ทำเลย
ระหว่างที่ผมเรียนอยู่ครับ คนก็เริ่มเดินเข้ามาเรียนบ้าง คาบเช้าไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ครูเลยเดินมาหาผมบ่อยหน่อย
ในระบบที่จองเรียนครับ จะมีบอกจำนวนที่นั่ง ที่เหลือในแต่ละคาบให้ไว้ด้วยครับ เราจะได้รู้ว่า คนเรียนเยอะหรือไม่เยอะ โดยครู 1 คนครับ จะสามารถดูนักเรียนได้มากที่สุดจำนวน 10 คนพร้อมๆกัน ซึ่งคาบที่ผมเรียน มีแค่ 3 คนครับ รวมผมแล้ว
ระหว่างที่เราทำแบบฝึกหัด ครูก็จะสังเกตอยู่ไกลๆตลอดเวลาครับ พอเราทำเสร็จ ครูก็จะเข้ามาหา โดยเราไม่ต้องยกมือเรียกครับ
เรื่องแรกที่เรียน เป็นเรื่อง Verb to be ยังไม่ยากครับ แบบฝึกหัดจะเป็นโจทย์ภาษาไทย ให้เราแปลเป็นภาษาอังกฤษ ถึงไม่ยาก แต่ก็ยังผิดอยู่เลยครับ 55
ครูบอกว่า แบบฝึกหัดแต่ละเรื่อง แต่ละข้อ มีการวางหลุมไว้ ให้เราเผยความไม่เข้าใจออกมา เพราะแต่ละคนมีสิ่งที่อยู่ในหัวไม่เหมือนกัน บางคนยังไม่รู้ตัวเองเลยด้วยซ้ำไป ว่าตัวเองไม่เข้าใจตรงไหน, บางคนรู้ แต่ไม่บอกออกมา เพราะกลัวครูจะมองว่าโง่, ยิ่งคนที่มีฐานะการงานสูงๆ จะยิ่งดูไม่ออกเลยครับ แบบฝึกหัดเลยทำหลุมไว้เยอะ
เช่น เรื่องที่ผมโดน คือคำว่า "พ่อของเรารวย” ผมแปลเป็น “Our father are rich.” เพราะเห็นคำว่า “ของเรา” พอเป็นคนเขียนประโยคเอง จะไม่แน่ใจครับ ว่าจะต้องใช้ is หรือใช้ are ก็เลยเขียน are ไปก่อน
วันนี้เรียน 2 ชั่วโมงครับ จบไปแค่ 3 แผ่นเอง ถ้าจะเรียนจบคอร์สนี้ จะต้องเรียนให้ครบ 6 เล่ม ซึ่ง 1 เล่ม มีประมาณ 70 แผ่น เมื่อไหร่จะจบเนี่ย
คอร์สที่นี่ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ว่าต้องเรียนกี่ชั่วโมงครับ แต่กำหนดไว้จากจำนวนเล่มหนังสือ เช่น คอร์สที่ผมสมัคร หากเรียนครบ 6 เล่ม ถือว่าจบคอร์ส ไม่ได้มีวันหมดอายุอะไร ตามสถิติที่โรงเรียนเก็บมา ใช้เวลาประมาณ 120 ชั่วโมงครับ แต่อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้ แล้วแต่บุคคล
ความต่อเนื่องของการเรียน ขึ้นอยู่กับวินัยของเราเองครับ ว่าจะลงเรียนเป็นประจำมากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่ลงเรียนติดต่อกันเกิน 6 เดือน ทางโรงเรียนจะถือว่าสิ้นสุดสภาพความเป็นนักเรียนครับ ก็คือ ใครหัวช้า เรียนช้าได้ แต่ต้องเรียนให้ต่อเนื่อง โดยเรามีอิสระเต็มที่ในการสร้างตารางเรียนเอง
ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้คร้าบ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น