ป่านนี้แล้วก็จริง แต่ขอเตือนเผื่อไว้เรื่องสปอยล์ภาพยนตร์ Star Wars ภาค The Rise of Skywalker
หากยังไม่ได้ดู อย่าเพิ่งอ่านเนื้อหากระทู้จะเป็นการดีที่สุด
-
-
-
-
-
-
ทวนความจำกันก่อน, TRoS เฉลยตั้งแต่ตอนต้นเรื่องว่า พัลพาทีนที่ถูกลอร์ด เวเดอร์จับโยนลงท่ออวกาศ
แม้ซี้ม่องเท่งไปแล้ว แต่กลับเปล่าถึงฆาต, เพราะย้ายวิญญาณ (ด้วยวิธีไหนไม่ทราบ) มายังร่างสำรอง อันผลิตด้วยกรรมวิธีโคลนนิ่ง
อย่างไรก็ตาม ร่างนี้มิสมประกอบ, เขาจึงวางแผนใช้ไคโล เรน หลอกล่อ 'เรย์' ไปเยือนรังลับ บนดาว 'เอ็กซาโกล' (Exegol)
เพื่อประกอบพิธีย้ายวิญญาณ เข้าร่างหลานสาวของตน ต่อหน้าเหล่าสาวกลัทธิซิธชั่วนิรันดร์ (Sith Eternal) ซึ่งบูชาผู้ใช้พลังมืด
ครั้งแรกที่เราทราบว่า จอมวายร้ายซ่องสุมกำลังพลไว้ บนดาวอะไรก็ไม่รู้นี่ คือใน TRoS
แต่กองทัพปัจฉิมภาคีที่ครอบครองยานรบสตาร์เดสทรอยเยอร์ จำนวนมหาศาล, ย่อมมิได้เกิดมีขึ้นภายในเพียงชั่วข้ามคืน
หนังเปล่าอธิบายว่าพัลพาทีน เตรียมการณ์เรื่องนี้อีท่าไหน ตั้งแต่เมื่อไร ?
ทว่าตามสไตล์ Star Wars ยุคดิสนีย์... คำอธิบายเพิ่มเติม เริ่มปรากฏในเนื้อหาขยายความตามสื่ออื่น ของแฟรนไชส์แล้ว
เนื้อหาขยายที่ว่า คือคอมมิค Star Wars: Darth Vader: Into the Fire #11
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นไม่ต้องไปสน เพราะอาจารย์พัลพาทีน (ดาร์ธ ซีเดียส) กับศิษย์เอก/ดาร์ธ เวเดอร์
เขากระชับความสัมพันธ์สไตล์ซิธกัน โดยฝั่งอาจารย์สั่งทำภารกิจยากๆ ,จ้างมือสังหาร, สรรหาศัตรู มาประเคนให้ศิษย์คอยพิชิตประจำ
วันไหนเวเดอร์นึกครึ้มอยากลองโค่นจารย์ดู ก็ทำได้เหมือนกัน, ไม่ถือว่าผิดจารีต
วันนี้เวเดอร์ท้าทายพัลพาทีนอย่างเคย แต่ที่ไม่เหมือนเคยคือพัลพาทีน ล่อลวงศิษย์ไปเอ็กซาโกล
หลังทั้งสองทักทายกัน แบบพอหอมปากหอมคอ, ซีเดียสก็หนีหายลึกเข้าสู่ภายในพิภพดารา
ฉากแรกซึ่งประจักษ์แก่สายตาเวเดอร์ คือฉากเดียวกับที่หลานชายของเขา (ไคโล เรน) จะเห็น ในอีกราว 30 ปีให้หลัง
นั่นคือแถวของรูปปั้นอันใหญ่โต ซึ่งคนทำเรียงไว้โชว์ความขลังของสถานที่
ถัดมาคือแถวร่างโคลนนิ่งพิกลพิการในภาชนะ บางตัวร้องเสียงหลงอย่างทรมาน ตอนคนเดินผ่าน
ตามด้วยการปรากฏของมือ 'ลุค สกายวอล์คเกอร์' ข้างที่ถูกเวเดอร์ตัดไป เมื่อตอนท้ายภาพยนตร์ภาค Empire Strikes Back (Episode V)
ชมวิวพอแล้ว ต้องขยับเขยื้อนร่างกายให้เหงื่อพลั่กกันหน่อย
ด่านทดสอบแรกบนเอ็กซาโกล ที่ซีเดียสเตรียมเพื่อลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวน
คือกองกำลังมนุษย์สังเคราะห์ลึกลับ ที่ผู้ผลิตยัดหมวกให้ใส่ตั้งแต่ในภาชนะบรรจุร่าง กับวางอาวุธไว้ให้หยิบง่ายๆ สู้ไผก็ได้ทันที
เวเดอร์ไล่ฟันทีละตนจนชนะ แต่การต้อนรับของซีเดียสยังไม่จบเพียงเท่านี้
กลุ่มนักสู้ สวมผ้าคลุมสีดำปิดบังทั่วร่าง (ยกเว้นลูกกะตากับจมูก)
กรูเข้าจู่โจมต่อเนื่องทันที เพราะคิดว่าเวเดอร์ต้องมีเหนื่อยล้าจากศึกก่อนหน้าบ้างแหละ
แต่ผลลัพธ์ ทุกคนเดาออกแหง
หลังเสร็จกิจกรรมเชิงพละ หมุดหมายถัดไปของทริปเอ็กซาโกล
คือกองยานสตาร์เดสทรอยเยอร์ที่อยู่ระหว่างการผลิต จำนวนหลายร้อยลำ
โดยความพิเศษของมันคือทุกลำ ติดตั้งปืนใหญ่อานุภาพสูง อันสามารถทำลายดวงดาวได้ด้วยการยิงเพียงหนึ่งครั้ง
และแล้วก็มาถึงสถานีปลายทาง ในการทัวร์เอ็กซาโกล
นั่นคือแหล่งผลิตวัตถุให้พลังงาน สำหรับปืนใหญ่ทลายดารานับร้อย
คริสตัลมีชีวิต (Kyber Crystal) ก้อนเบ้อเริ่มเทิ่ม ถูกคนงานเอามีดน้อยจิ้ม จนร้องโหยหวนทั้งวันทั้งคืน
เพื่อสร้างความทรมานแก่คริสตัล มันจะได้ตกเลือด (Bleeding) กลายเป็นสีแดงฉาน สอดคล้องกับความนิยมของชาวซิธ
**เผื่อใครไม่ทราบ เนื้อหาของดิสนีย์ระบุว่า ไคเบอร์คริสตัลคือ 'พลัง' ที่ตกผลึกเป็นรูปร่างตามธรรมชาติ เจไดจะเก็บมาทำกระบี่แสงทีละชิ้นสองชิ้น
แต่หลังพัลพาทีนเรืองอำนาจ แกสั่งขุดเหมืองตามดาวที่มีเยอะเต็มกำลัง แบบไม่สนเรื่องทำลายสภาพแวดล้อม
แล้วก็เอาคริสตัลมาใช้ทำพวกอาวุธปืนใหญ่แรงๆ เช่น ปืนยิงแสงถล่มดาวของเดธสตาร์**
สุดท้ายแล้ว คอมมิคเล่มนี้เพิ่มความกระจ่าง ให้เหตุการณ์ต่างๆ ใน TRoS อย่างไรบ้าง ?
ส่วนใหญ่คือการคาดเดา แต่คิดว่าเป็นประมาณนี้
[1] พัลพาทีนเตรียมกองทัพปัจฉิมภาคี ไว้ตั้งแต่ช่วงที่ตนเรืองอำนาจสูงสุด หรืออาจก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ
[2] กลุ่มนักสู้มนุษย์สังเคราะห์อาจเป็นตัวต้นแบบ, ของนักรบคุ้มกันสโนคชุดแดง ที่เรย์กับไคโล เรนประมือในหนังภาค The Last Jedi
[3] ต่อเนื่องจากข้อ 2 หากทั้งสโนค, ทีมคุ้มกันชุดแดง (Praetorian Guard), พ่อของเรย์ ล้วนคือร่างโคลนนิ่งพัลพาทีนทั้งหมด
พวกนี้อาจมีดีเอ็นเอของลุค สกายวอล์คเกอร์ปะปน (ไม่งั้นจะอุตส่าห์เอามือข้างนั้นใส่โหล วางไว้ในห้องแล็บเพื่อ ?)
และถ้าเป็นงั้นจริง 'เรย์' ก็จะเหมือนญาติห่างๆ ของตระกูล 'สกายวอล์คเกอร์' ตามสายเลือดด้วย
[4] แม้พร้อมทั้งกำลังคน (พวกสวมชุดดำถือมีด ไม่พ้นสาวกลัทธิซิธชั่วนิรันดร์หรอกมั้ง) และยานรบ
แต่ในช่วงก่อนซีเดียสจบชีวิตนิดหน่อยนี่ ไม่มีทหารที่ใช้ปืนหรือบังคับยานเป็นปรากฏ
ก็อนุมานได้ว่าบนเอ็กซาโกล มีแค่พวกคลั่งศาสนาบูชาซิธที่แทบไม่รู้จักโลกภายนอก กับยานรบหลายร้อยที่สร้างไม่เสร็จมั้ง
นี่น่าจะคือสาเหตุที่ทำให้ต้องรอ ซากทัพจักรวรรดิผู้แพ้สงคราม ไปรวมตัวกันแถวเอ็กซาโกล
จักรวรรดิยอมเว้นวรรคนานร่วม 30 ปี เพราะการฟอร์มปัจฉิมภาคี ต้องรอหลายอย่าง
ทั้งรอทหารผ่านศึก ฝึกฝนกำลังรุ่นใหม่, ต่อยานให้เสร็จ และพัฒนาเทคโนโลยีโคลน ให้โดนใจท่านศาสดาพัลพาทีนเขา
[Spoil คอมมิค] ก่อน The Rise of Skywalker ราว 30 ปี >>ทริปเยือนเอ็กซาโกลของท่านเวเดอร์
หากยังไม่ได้ดู อย่าเพิ่งอ่านเนื้อหากระทู้จะเป็นการดีที่สุด
-
-
-
-
-
-
ทวนความจำกันก่อน, TRoS เฉลยตั้งแต่ตอนต้นเรื่องว่า พัลพาทีนที่ถูกลอร์ด เวเดอร์จับโยนลงท่ออวกาศ
แม้ซี้ม่องเท่งไปแล้ว แต่กลับเปล่าถึงฆาต, เพราะย้ายวิญญาณ (ด้วยวิธีไหนไม่ทราบ) มายังร่างสำรอง อันผลิตด้วยกรรมวิธีโคลนนิ่ง
อย่างไรก็ตาม ร่างนี้มิสมประกอบ, เขาจึงวางแผนใช้ไคโล เรน หลอกล่อ 'เรย์' ไปเยือนรังลับ บนดาว 'เอ็กซาโกล' (Exegol)
เพื่อประกอบพิธีย้ายวิญญาณ เข้าร่างหลานสาวของตน ต่อหน้าเหล่าสาวกลัทธิซิธชั่วนิรันดร์ (Sith Eternal) ซึ่งบูชาผู้ใช้พลังมืด
ครั้งแรกที่เราทราบว่า จอมวายร้ายซ่องสุมกำลังพลไว้ บนดาวอะไรก็ไม่รู้นี่ คือใน TRoS
แต่กองทัพปัจฉิมภาคีที่ครอบครองยานรบสตาร์เดสทรอยเยอร์ จำนวนมหาศาล, ย่อมมิได้เกิดมีขึ้นภายในเพียงชั่วข้ามคืน
หนังเปล่าอธิบายว่าพัลพาทีน เตรียมการณ์เรื่องนี้อีท่าไหน ตั้งแต่เมื่อไร ?
ทว่าตามสไตล์ Star Wars ยุคดิสนีย์... คำอธิบายเพิ่มเติม เริ่มปรากฏในเนื้อหาขยายความตามสื่ออื่น ของแฟรนไชส์แล้ว
เนื้อหาขยายที่ว่า คือคอมมิค Star Wars: Darth Vader: Into the Fire #11
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นไม่ต้องไปสน เพราะอาจารย์พัลพาทีน (ดาร์ธ ซีเดียส) กับศิษย์เอก/ดาร์ธ เวเดอร์
เขากระชับความสัมพันธ์สไตล์ซิธกัน โดยฝั่งอาจารย์สั่งทำภารกิจยากๆ ,จ้างมือสังหาร, สรรหาศัตรู มาประเคนให้ศิษย์คอยพิชิตประจำ
วันไหนเวเดอร์นึกครึ้มอยากลองโค่นจารย์ดู ก็ทำได้เหมือนกัน, ไม่ถือว่าผิดจารีต
วันนี้เวเดอร์ท้าทายพัลพาทีนอย่างเคย แต่ที่ไม่เหมือนเคยคือพัลพาทีน ล่อลวงศิษย์ไปเอ็กซาโกล
หลังทั้งสองทักทายกัน แบบพอหอมปากหอมคอ, ซีเดียสก็หนีหายลึกเข้าสู่ภายในพิภพดารา
ฉากแรกซึ่งประจักษ์แก่สายตาเวเดอร์ คือฉากเดียวกับที่หลานชายของเขา (ไคโล เรน) จะเห็น ในอีกราว 30 ปีให้หลัง
นั่นคือแถวของรูปปั้นอันใหญ่โต ซึ่งคนทำเรียงไว้โชว์ความขลังของสถานที่
ถัดมาคือแถวร่างโคลนนิ่งพิกลพิการในภาชนะ บางตัวร้องเสียงหลงอย่างทรมาน ตอนคนเดินผ่าน
ตามด้วยการปรากฏของมือ 'ลุค สกายวอล์คเกอร์' ข้างที่ถูกเวเดอร์ตัดไป เมื่อตอนท้ายภาพยนตร์ภาค Empire Strikes Back (Episode V)
ชมวิวพอแล้ว ต้องขยับเขยื้อนร่างกายให้เหงื่อพลั่กกันหน่อย
ด่านทดสอบแรกบนเอ็กซาโกล ที่ซีเดียสเตรียมเพื่อลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวน
คือกองกำลังมนุษย์สังเคราะห์ลึกลับ ที่ผู้ผลิตยัดหมวกให้ใส่ตั้งแต่ในภาชนะบรรจุร่าง กับวางอาวุธไว้ให้หยิบง่ายๆ สู้ไผก็ได้ทันที
เวเดอร์ไล่ฟันทีละตนจนชนะ แต่การต้อนรับของซีเดียสยังไม่จบเพียงเท่านี้
กลุ่มนักสู้ สวมผ้าคลุมสีดำปิดบังทั่วร่าง (ยกเว้นลูกกะตากับจมูก)
กรูเข้าจู่โจมต่อเนื่องทันที เพราะคิดว่าเวเดอร์ต้องมีเหนื่อยล้าจากศึกก่อนหน้าบ้างแหละ
แต่ผลลัพธ์ ทุกคนเดาออกแหง
หลังเสร็จกิจกรรมเชิงพละ หมุดหมายถัดไปของทริปเอ็กซาโกล
คือกองยานสตาร์เดสทรอยเยอร์ที่อยู่ระหว่างการผลิต จำนวนหลายร้อยลำ
โดยความพิเศษของมันคือทุกลำ ติดตั้งปืนใหญ่อานุภาพสูง อันสามารถทำลายดวงดาวได้ด้วยการยิงเพียงหนึ่งครั้ง
และแล้วก็มาถึงสถานีปลายทาง ในการทัวร์เอ็กซาโกล
นั่นคือแหล่งผลิตวัตถุให้พลังงาน สำหรับปืนใหญ่ทลายดารานับร้อย
คริสตัลมีชีวิต (Kyber Crystal) ก้อนเบ้อเริ่มเทิ่ม ถูกคนงานเอามีดน้อยจิ้ม จนร้องโหยหวนทั้งวันทั้งคืน
เพื่อสร้างความทรมานแก่คริสตัล มันจะได้ตกเลือด (Bleeding) กลายเป็นสีแดงฉาน สอดคล้องกับความนิยมของชาวซิธ
**เผื่อใครไม่ทราบ เนื้อหาของดิสนีย์ระบุว่า ไคเบอร์คริสตัลคือ 'พลัง' ที่ตกผลึกเป็นรูปร่างตามธรรมชาติ เจไดจะเก็บมาทำกระบี่แสงทีละชิ้นสองชิ้น
แต่หลังพัลพาทีนเรืองอำนาจ แกสั่งขุดเหมืองตามดาวที่มีเยอะเต็มกำลัง แบบไม่สนเรื่องทำลายสภาพแวดล้อม
แล้วก็เอาคริสตัลมาใช้ทำพวกอาวุธปืนใหญ่แรงๆ เช่น ปืนยิงแสงถล่มดาวของเดธสตาร์**
สุดท้ายแล้ว คอมมิคเล่มนี้เพิ่มความกระจ่าง ให้เหตุการณ์ต่างๆ ใน TRoS อย่างไรบ้าง ?
ส่วนใหญ่คือการคาดเดา แต่คิดว่าเป็นประมาณนี้
[1] พัลพาทีนเตรียมกองทัพปัจฉิมภาคี ไว้ตั้งแต่ช่วงที่ตนเรืองอำนาจสูงสุด หรืออาจก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ
[2] กลุ่มนักสู้มนุษย์สังเคราะห์อาจเป็นตัวต้นแบบ, ของนักรบคุ้มกันสโนคชุดแดง ที่เรย์กับไคโล เรนประมือในหนังภาค The Last Jedi
[3] ต่อเนื่องจากข้อ 2 หากทั้งสโนค, ทีมคุ้มกันชุดแดง (Praetorian Guard), พ่อของเรย์ ล้วนคือร่างโคลนนิ่งพัลพาทีนทั้งหมด
พวกนี้อาจมีดีเอ็นเอของลุค สกายวอล์คเกอร์ปะปน (ไม่งั้นจะอุตส่าห์เอามือข้างนั้นใส่โหล วางไว้ในห้องแล็บเพื่อ ?)
และถ้าเป็นงั้นจริง 'เรย์' ก็จะเหมือนญาติห่างๆ ของตระกูล 'สกายวอล์คเกอร์' ตามสายเลือดด้วย
[4] แม้พร้อมทั้งกำลังคน (พวกสวมชุดดำถือมีด ไม่พ้นสาวกลัทธิซิธชั่วนิรันดร์หรอกมั้ง) และยานรบ
แต่ในช่วงก่อนซีเดียสจบชีวิตนิดหน่อยนี่ ไม่มีทหารที่ใช้ปืนหรือบังคับยานเป็นปรากฏ
ก็อนุมานได้ว่าบนเอ็กซาโกล มีแค่พวกคลั่งศาสนาบูชาซิธที่แทบไม่รู้จักโลกภายนอก กับยานรบหลายร้อยที่สร้างไม่เสร็จมั้ง
นี่น่าจะคือสาเหตุที่ทำให้ต้องรอ ซากทัพจักรวรรดิผู้แพ้สงคราม ไปรวมตัวกันแถวเอ็กซาโกล
จักรวรรดิยอมเว้นวรรคนานร่วม 30 ปี เพราะการฟอร์มปัจฉิมภาคี ต้องรอหลายอย่าง
ทั้งรอทหารผ่านศึก ฝึกฝนกำลังรุ่นใหม่, ต่อยานให้เสร็จ และพัฒนาเทคโนโลยีโคลน ให้โดนใจท่านศาสดาพัลพาทีนเขา