เคส ภาษีเงินบริจาคของ คุณบิณฑ์ ไม่ต้องจ่ายสรรพากร แต่ทำไมเคสอื่นโดน อย่างเคสเสื้อแดงโดนฟ้องล้มละลาย
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000098753
อ่านมาจากที่นี่เลยสงสัย
"จากกรณีที่นายสมหวัง อัสราษี เจ้าของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อมิตซูชิต้า และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 3 ต.ค. ระบุว่า แกนนำ นปช. ได้แก่ วีระกานต์ มุสิกพงษ์, จตุพร พรหมพันธุ์ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ใช้ให้ตนเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับเงินบริจาค และกิจกรรมอื่นๆ ปรากฏว่า ถูกกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีจากเงินเหล่านี้เป็นจำนวน 572 ล้านบาท แต่เมื่อไม่มีจ่ายจึงถูกฟ้องล้มละลาย และขณะนี้ถูกอายัดทรัพย์ และอายัดบัญชีทั้งหมด
เคยมีกรณีที่กลุ่มบุคคลร่วมทำโครงการเพื่อการกุศล เช่น โครงการรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร ที่ดำเนินโครงการกว่า 11 ปี ถูกกรมสรรพากรแจ้งว่าจะต้องชำระภาษีที่มีเงินหมุนเวียนผ่านบัญชีในชื่อของบุคคล ที่โครงการได้เปิดรับบริจาคในการรักษาแมวทั่วประเทศ เพราะถือเป็นรายได้ส่วนบุคคลต้องมีการเสียภาษีย้อนหลัง ซึ่งการมีเงินเข้าบัญชีทำให้โครงการต้องมีรายจ่ายค่าภาษี รวมถึงค่าปรับเนื่องจากไม่ได้ชำระภาษี น่าจะเป็นยอดรายจ่ายที่สูงมาก ภายหลังโครงการนี้ได้จดทะเบียนเป็น “มูลนิธิรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร” เพื่อความโปร่งใสและถูกต้องในการดำเนินงานทุกกรณี โดยการรับเงินบริจาคจะเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีมูลนิธิ ไม่ใช่บัญชีบุคคลธรรมดาอีกต่อไป"
ภาษีเงินบริจาค คุณบิณฑ์
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000098753
อ่านมาจากที่นี่เลยสงสัย
"จากกรณีที่นายสมหวัง อัสราษี เจ้าของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อมิตซูชิต้า และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 3 ต.ค. ระบุว่า แกนนำ นปช. ได้แก่ วีระกานต์ มุสิกพงษ์, จตุพร พรหมพันธุ์ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ใช้ให้ตนเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับเงินบริจาค และกิจกรรมอื่นๆ ปรากฏว่า ถูกกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีจากเงินเหล่านี้เป็นจำนวน 572 ล้านบาท แต่เมื่อไม่มีจ่ายจึงถูกฟ้องล้มละลาย และขณะนี้ถูกอายัดทรัพย์ และอายัดบัญชีทั้งหมด
เคยมีกรณีที่กลุ่มบุคคลร่วมทำโครงการเพื่อการกุศล เช่น โครงการรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร ที่ดำเนินโครงการกว่า 11 ปี ถูกกรมสรรพากรแจ้งว่าจะต้องชำระภาษีที่มีเงินหมุนเวียนผ่านบัญชีในชื่อของบุคคล ที่โครงการได้เปิดรับบริจาคในการรักษาแมวทั่วประเทศ เพราะถือเป็นรายได้ส่วนบุคคลต้องมีการเสียภาษีย้อนหลัง ซึ่งการมีเงินเข้าบัญชีทำให้โครงการต้องมีรายจ่ายค่าภาษี รวมถึงค่าปรับเนื่องจากไม่ได้ชำระภาษี น่าจะเป็นยอดรายจ่ายที่สูงมาก ภายหลังโครงการนี้ได้จดทะเบียนเป็น “มูลนิธิรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร” เพื่อความโปร่งใสและถูกต้องในการดำเนินงานทุกกรณี โดยการรับเงินบริจาคจะเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีมูลนิธิ ไม่ใช่บัญชีบุคคลธรรมดาอีกต่อไป"