สวัสดีเพื่อนๆทาสแมวทุกท่านค่า
ไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดที่เป็นทาสแมว ก่อนนี้เลี้ยงหมาแล้วบอกตัวเองตลอดว่าไม่ชอบแมว 55555
ขออนุญาตแนะนำตัวก่อนคับ ผมชื่อ ด.ช. กระท้อน อายุ 1 ปี 2 เดือน นิสัย กินเก่ง นอนเก่ง รักสันโดษ และอินดี้มากงับ : )
เริ่มร่ายแล้ววววน้า ^^
ช่วงต้นเดือนมี.ค. 2563 เก็บแมวป่วยได้ 1 ตัว ตกมาจากหลังคา หัวแตก พาไปรักษาที่รพ. สัตว์ ตอนนั้นนางยังไม่ลืมตาเลย นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว ก็ทำการรักษาและตรวจโรคทุกอย่างตามขั้นตอน ไม่พบเชื้อลูคีเมีย แต่คุณหมอบอกว่าหัวที่แตกเป็นฝีใหญ่ ต้องรักษาที่รพ. ให้หายก่อน หลังจากรักษาฝีเสร็จก็กลับมาดูแลต่อที่บ้าน ต้องดูแลป้อนนมทุก 2 ชั่วโมง เพราะนางเด็กมากไม่ได้กินนมแม่เลย เลยจำเป็นต้องมีคนป้อนนมนางเพื่อสร้างภูมิต้านทานจนกว่านางจะแข็งแรง ตอนนั้นช่วยกันดูแลกับเพื่อนทุลักทุเลมาก พอเอานางมาดูแลได้ประมาณครึ่งเดือน ตัวเราเองน่าจะแพ้แมวเพราะดูแลนางใกล้ชิดเกิน ทำให้เกิดตาเจ็บรุนแรง เป็นม่านตาอักเสบ ต้องแอดมิตเลย แต่ด้วยตอนนั้นเริ่มเอ็นดู กกนางทั้งวัน เอามาเลี้ยงที่ออฟฟิศด้วยทุกวัน เพราะนางต้องดูแลแบบใกล้ชิด (จากเคยบอกว่า "ชั้นไม่มีทางรักแมว" 555) ตอนที่เอานางกลับมาเลี้ยงที่บ้าน ด้วยที่นางไม่มีแม่แมวเลี้ยง ก็ป่วยบ่อยมาก เดี๋ยวก็ฉี่ไม่ออก อึไม่ออก ท้องผูก ท้องเสีย เข้ารพ. บ่อยมากๆ หนักหน่อยก็ต้องนอนที่รพ. ให้คุณหมอช่วยดูแลให้ แต่ก็ไม่อยากให้อยู่รพ. นาน กลัวนางเครียด ได้ยินมาว่าแมวเครียดง่าย ก็เลยต้องเอากลับมากระตุ้นอึ กระตุ้นฉี่กันที่บ้านต่อ กว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาก็ใช้เวลาพอควร 2-3 เดือน
พอนางได้ 6 เดือน ก็พานางไปทำหมันเลย คุณหมอบอกว่าทำหมันแล้วจะแข็งแรงกว่า อะทำเลยแล้วกัน ก่อนทำก็ตรวจเลือด ผลออกมาแข็งแรงทุกอย่าง ทำเสร็จกลับมาบ้าน สบายใจ ชิลๆ ชีวิตมีความสุข มีท้องผูกบ้าง ไปหาคุณหมอส่วนใหญ่ด้วยเรื่องท้องผูกประจำ แต่นางดูมีชีวิตดีขึ้น แฮปปี้ กินอิ่ม นอนหลับ นางฉลาด สอนให้นั่ง สอนให้ขอมือ กดกระดิ่ง นางทำได้หมด นางอยู่เป็น 5555 ขอประกอบรูปภาพนิดนึง ^^ (รูปภาพตอน 3 เดือน)
ต่อๆๆ
นางก็ใช้ชีวิตมีความสุขดี กินเก่งมากกกกกกก จนคุณหมอบอกให้ไดเอทหน่อย อายุ 1 ปี น้ำหนักปาไป 5.2 กก. >< แต่นิสัยนางจะขี้หงุดหงิด ไม่ชอบให้จับที่หลัง ไม่ชอบกินน้ำ ต้องป้อน มีกลิ่นปาก กินข้าวเม็ดก็ยังมีกลิ่น พาไปหาคุณหมอ ก็ไม่เอะใจอะไร บอกแค่ว่าเหงือกอักเสบ ให้กินน้ำเยอะๆ เราก็พยายามป้อนน้ำนางเท่าที่ทำได้ หลังจากใช้ชีวิตปกติสุขมาดีๆ ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เศร้าขึ้น
ช่วงสงกรานต์ปีนี้ เราเดินทางไปตจว. 3 วัน ปล่อยแมวไว้ที่บ้าน แต่มีแม่บ้านดูแลอยู่ หลังจากกลับมา นางดูซึมๆ นอนตลอด ไม่ร่าเริง ก็เริ่มสังเกตอาการ ก็คิดไปว่านางปวดท้อง อึไม่ออกแน่ๆ เพราะกลับมา 2 วันยังไม่เห็นนางอึ ตัดสินใจพาไปให้คุณหมอตรวจดูหน่อยว่านางเป็นอะไร ปวดท้อง ท้องผูก หรือเป็นอะไรหรือเปล่า (ตอนแรกกลับมานึกว่าแม่บ้านตีรึป่าว แบบนางอาจจะดื้อ) บอกให้คุณหมอช่วย X-ray ดูหน่อย พอผลออกมาคุณหมอบอกอึเต็มท้องเลย ต้องให้กินยาระบาย ก็กลับบ้านมากินยาระบาย อึออกปกติแล้ว ก็สบายใจขึ้น แต่! พอผ่านไป 3 วัน นางดูกระโดดไม่ไหว ดูเจ็บหลังมาก เดินกะเผลก ขาหลังดูไม่มีแรงนิดหน่อย ก็เลยพานางกลับไปหาคุณหมออีกรอบ ให้ดูว่าหลังเป็นอะไรหรือเปล่า สรุปว่าจากการดูฟิล์มเดิม และทดสอบร่างกายจากคุณหมอ สันนิษฐานว่าน่าจะถูกดึงหางมา (แค่คาดการณ์) ทำให้เกิดการอักเสบที่บริเวณหางและหลัง ส่งผลไปถึงก้นไม่สามารถขมิบได้ และไม่สามารถรักษาได้ ต้องใช้ยาแก้ปวดบรรเทาอาการอย่างเดียว แล้วรอดูอาการต่อไป อะเครียดแล้ว 1 ใจเราคิดว่าต้องเปลี่ยนคุณหมอแล้วแหละ ไปหาคุณหมอเชี่ยวชาญกว่านี้ พอดีน้องญาติเป็นสัตวแพทย์ที่รพ. สัตว์เกษตร (ไม่ได้ไปหาเกษตรเนื่องจากว่าไกลบ้านและรอคิวนาน เลยหารพ.ใหญ่แถวบ้านแทน) เลยปรึกษาหาสาเหตุอาการบาดเจ็บนี้ น้องแนะนำว่าให้ลองไปพบคุณหมอระบบประสาทให้ช่วยดูให้ ซึ่งคลินิคไม่ไกลจากบ้าน เราก็รีบพาไป ณ วันนั้นเลย ไม่อยากปล่อยไว้นาน กลัวรักษาไม่ได้ พอไปถึงคุณหมอบอกให้ X-ray ใหม่ พบว่ากระดุกเชิงกรานด้านหลังไม่เชื่อมกัน และทดสอบความรู้สึกก้นดู ก็ยังสามารถขมิบได้เล็กน้อย และดูจากอาการแล้วไม่น่าจะมาจากการดึงหาง เพราะปลายประสาทยังรู้สึกอยู่ อาจเป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดจากอาการบาดเจ็บจากการตกจากที่สูง (คาดการณ์เหมือนกัน) ให้ลองกินยาดูอาการซักอาทิตย์นึง ดูว่าดีขึ้นมั้ย สรุปกลับบ้านไปกินยา รอดูอาการ แต่!! พอกลับบ้านได้แค่วันเดียว สรุปขาเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เดินไม่ได้ ต้องลากขาเอา ฉี่ไม่ออก เข้ากะบะทรายเป็นสิบๆรอบแต่ฉี่ไม่ออก เลยต้องกลับมาหาคุณหมอใหม่ ลองตรวจโรคอีกที สรุปรอบนี้เจอนิ่วอีก เลยให้นอนรพ. เลย ผ่านไป 2 วัน คุณหมอบอกอาการเดินไม่ดีขึ้น ขอตรวจลูคีเมียกับเอดส์แมวหน่อย ผลออกมาแจ็กพอต
ผลลูคีเมียเป็นบวก อะเครียดมากขึ้นไปอีก เศร้าใจแรง ชะล่าใจมาก ตรวจตอนเก็บได้ ไม่เจอก็ไม่เคยจับตรวจอีกเลย (เลี้ยงระบบปิด ไม่เคยได้ออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นเองเลย) ตรวจแต่เลือดปกติ ก็ดูแข็งแรงดี วัคซีนทั่วไปให้ครบ มาวันนี้เป็นลูคีเมีย น่าจะเกิดจากกรรมพันธ์ุ หรือโดนแม่แมวกัดตอนเกิด เห้อออ...เล่าไปยังน้ำตาคลอเบาๆ TT
หลังจากรู้ว่าเป็นลูคีเมียก็ให้คุณหมอเฝ้าดูอาการใกล้ชิดดูก่อน เพื่อหาแนวทางการรักษา แต่พอรุ่งเช้าคุณหมอดูอาการแล้วแปลกๆแลไม่ปกติ ไม่ยอมเดินเองแล้ว เลยโทรมาแจ้งให้พาไป MRI ดูเพิ่มหน่อย แต่เครื่อง MRI มีอยู่ที่รพ. สัตว์เกษตร เราก็บึ่งรถจากพระรามเก้าไปเทพารักษ์ไปรับเหมียวพาไปรพ.สัตว์เกษตรเลย และพอดีน้องเป็นสัตวแพทย์อยู่ด้วย เลยให้ช่วยดูคุณหมอให้ ไปถึงได้ตรวจกับคุณหมออายุรกรรมก่อน คุณหมอก็น่ารักโทรไปถามห้อง MRI ให้ขอเป็นเคสเร่งด่วน แต่เร่งได้เร็วสุดก็ต้องรออีก 2 วัน ซึ่งถือว่าเร็วแล้วสำหรับรพ.สัตว์เกษตร แต่เรารอไม่ได้ ร้อนใจมาก คุณหมอที่รพ. เกษตรบอกว่ามีอีกที่เป็นรพ. เอกชนที่มีเครื่อง MRI และเป็นคุณหมอเชี่ยวชาญและเก่งเรื่องระบบประสาทด้วย เราเลยโทรไปถามและขอคิววันนั้นเลย สรุปได้คิวเย็นวันนั้นเลย ให้คุณหมอตรวจทุกอย่างใหม่ให้ละเอียดเลย คุณหมอให้ MRI ตอนเย็นแล้วรอผล MRI ซึ่งผลออกตอนประมาณ 4 ทุ่มกว่า ระหว่างรอผลก็ลุ้นมากๆ คุณหมอโทรมาแจ้งว่า
เจอก้อนเนื้อขนาดใหญ่หุ้มกระดูกไขสันหลังอยู่ ทำให้เหมียวท้อนปวดหลังมาก เพราะก้อนเนื้อมันกดเส้นปลายประสาท
อะเครียดเพิ่มเป็น 2 คุณหมอบอกว่าต้องผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ และเจาะน้ำไขสันหลังไปตรวจโรคเพิ่ม รอผลอีก 3-5 วัน รอแล้วรอเล่า ผลออกมาปรากฎว่า เป็น Lymphoma หรือก้อนเนื้อจากมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เศร้าอีกแล้วว คุณหมอแจ้งขั้นตอนการรักษา คือให้ ผ่าตัดเอาก้อนเนื้อที่หลังออกก่อน เพราะดูแล้วเหมียวน่าจะปวดมาก รอไม่ได้ผ่าเสร็จให้รอดูอาการหลังจากผ่าตัดอีกทีว่าจะต้องรับแนวทางการรักษายังไงดี (ภาพหลังจากผ่าก้อนเนื้อเสร็จ มีลำโพงเป็นของตัวเอง ^^)
หลังจากที่ผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออก คุณหมอแจ้งว่าเลาะเอาก้อนเนื้อออกหมดแล้ว (คุณหมอผ่าเก่งมากๆ) และดูแล้วไม่คิดว่าจะต้องทำคีโม และแล้วเหมียวท้อนก็กลับมาเดินได้ อาจจะทรงตัวไม่ดี แต่ถือว่าเดินไปเข้ากะบะได้ ตอนนั้นดีใจมาก อย่างน้อยนางก็เดินเข้ากะบะเองได้แล้ว แต่หลังจากกลับมาพักต่อที่บ้านได้แค่ 6 วัน อาการเดิมเริ่มกลับมาอีกแล้วววววว ขาหลังอ่อนแรง ขาพับ เดินเริ่มไม่ไหว เลยรีบกลับไปหาคุณหมอ ซึ่งจากอาการเบื้องต้นคุณหมอวินิจฉัยว่าน่าจะเพราะปลายประสาทอักเสบขึ้นมา เลยฉีดสเตอรอยด์เข้าไปเพิ่มเพื่อกดอาการปวด แล้วให้กลับบ้าน แต่แล้วกลับบ้านไป 2 วันอาการก็ดูยังไม่ดีขึ้น เหมือนจะแย่ลงอีก กลับไปหาคุณหมออีก คุณหมอก็ตรวจดูใหม่ ลองให้กินยาเพิ่ม แต่เราร้อนใจขอให้คุณหมอทำ MRI ใหม่อีกรอบ เพื่อดูให้แน่ใจว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า คุณหมอให้ลองกินยาดูก่อน ถ้าไม่ดีขึ้นจะ MRI ก็ตามใจ สรุปก็ต้อง MRI ใหม่ ผลคือ เจอก้อนเนื้องอกเกิดใหม่อีกแล้วววววววว เกิดขึ้นที่เดิมเลย แต่ขนาดไม่ใหญ่เท่ารอบแรก ส่งผลให้นางเดินไม่ได้อีก คุณหมอบอกรอบนี้ต้องคีโมแล้วแหละ ผ่าอีกร่างกายคงรับไม่ไหวแล้ว ก็เลยให้คุณหมอรีบตรวจเลือดและทำคีโมให้เร็วที่สุด คุณหมอจัดการคีโมให้คืนวันนั้นเลย และแจ้งว่าเป็นคีโมชนิดพิเศษ ฉีดครั้งเดียวเฉพาะจุด เพราะเหมียวท้อนเป็นที่จุดปลายประสาท ฉีดคีโมแบบธรรมดาอาจจะวิ่งไปไม่ถึงจุดที่เป็น หลังจากให้คีโมก็นอนรพ. 2 วัน คุณหมอให้เอากลับมาดูแลต่อที่บ้านเพราะกลัวแมวเครียด ด้วยเราเป็นโรคใจร้อนมากๆๆ และคิดว่าถ้าเป็นเราป่วยเอง เราก็อยากหายป่วยเร็วๆ ไม่อยากทรมานจากการเจ็บป่วย ตอนนี้เหมียวท้อนเดินเองไม่ได้ ไม่มีแรง บังคับฉี่ไม่ได้ อึไม่ออก เปลี่ยนอาหารก็แล้ว บำรุงวิตามินทุกอย่างที่คิดว่าดีที่สุด บอกคุณหมอที่ไปหามาทุกท่านให้รักษาเต็มที่ ตอนนี้ค่ารักษาเหมียวท้อนหมดไปแสนกว่าบาท แต่เราคิดว่าให้ชีวิตเค้าแล้ว ถึงเวลาเค้าป่วยเราต้องรักษาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็หาข้อมูลเยอะมากๆ หมอมะเร็งที่ไหนเก่ง ที่ไหนดี จากในพันทิปบ้าง จากคนใกล้ตัวบ้าง สรุปบอกคุณหมอประสาทว่าเราอยากลองไป Second Opinion กับคุณหมอทางด้านมะเร็งโดยเฉพาะดู เผื่อจะมีแนวทางการรักษาได้ถูกจุดมะเร็งมากขึ้น
และจากการหาข้อมูลมากมาย สรุปได้รพ. ใหม่ คุณหมอเชี่ยวชาญมะเร็งโดยเฉพาะ เลยรีบนัดไปพบคุณหมอเลย สดๆไปหามาเมื่อวานนี้ ส่งผล MRI และผลต่างๆให้คุณหมอช่วยดู คุณหมอแจ้งว่าให้เผื่อใจไว้หน่อย เพราะมะเร็งที่น้องเป็น เจอในแมวทั่วไปแค่ 10% และมีโอกาสรักษาหายแค่ 30% จากมะเร็งส่วนอื่นที่สามารถรักษาให้หายได้ 80% และถ้าเกิดในแมวเด็กส่วนใหญ่มักอาการหนัก อะน้ำตาคลอ จะต้องเครียดอีกกี่ตลบน้า และคุณหมอแจ้งว่าต้องให้คีโมให้ครบคอร์สลองรักษาดู ตอนนี้อยู่ระหว่างรอตรวจเลือดและคีโมเริ่มต้นใหม่อาทิตย์หน้า ระหว่างนี้เตรียมไปบนให้เจ้ากรรมนายเวรเหมียวท้อน ให้เหมียวท้อนกลับมาเดินได้ เข้ากะบะเองได้ก็ดีใจแล้ว นี่รึเปล่าที่เรียก "แมว 9 ชีวิต" (ตอนนี้ใช้ไปแล้ว 3 ชีวิต) นางสู้มากๆ อยากให้นางหายมาร่าเริงหมือนเดิม ขอกำลังใจให้ผมด้วยนะคับบบ ✌✌💪💪
ทั้งนี้หากเพื่อนๆทาสแมวมีรพ.เก่งๆ ที่ไหนแนะนำ หรือมีแนวทางการดูแลน้องแมวที่ป่วยเป็นมะเร็ง สามารถแนะนำได้นะคะ 🙏🙏
สุดท้ายนี้จากที่เล่าร่ายยาวเหยียดมาทั้งหมดเป็นการบันทึกความทรงจำการรักษาของเหมียวท้อนผู้น่ารัก หากเขียนผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่า ☺☺
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ
รูปนาง ณ ตอนนี้เลย กำลังนอนฟังเพลงกล่อมคลายเครียดคับ ^^
อัพเดตข้อมูลของพี่กระท้อน ณ วันที่ 7 ม.ค. 2565
- หลังจากทำคีโม ทั้งแบบฉีด และแบบกินยามาได้ครึ่งทาง ตอนนี้แข็งแรงขึ้นมาก เดินเข้ากะบะเองได้แล้วคับ ยังมีเจ็บหลังเดินปัดๆอยู่บ้าง แต่โดยรวมช่วยเหลือตัวเองได้แจ้วคับ ♥️🐯
รูปผมล่าสุดงับ เริ่มซ่าแล้วงับ 😂
อัพเดตวันที่ 16 พ.ค. 2565
เหมียวท้อนได้จากเราไปอยู่ดาวแมวเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากก้อนมะเร็งได้ลุกลามไปยังส่วนของประสาท ไม่สามารถควบคุมได้ จึงตัดสินใจให้เหมียวจากไปอย่างสงบ ในวันที่ 15 พ.ค. 2565 เวลา 23.40 น. ค่ะ 😭🥺♥️ เหมียวไม่ได้ไปไหนค่ะ เหมียวจะอยู่ในใจเราตลอดไป รักเหมียวนะคับ ลูกเสือของแม่ ♥️🐯
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้กำลังใจผมนะคับ 🙏🏻🙏🏻♥️♥️
เร็งมาเล่ากับเหมียวน้อยป่วยเป็นมะเร็งที่ไขกระดูกสันหลัง ตรวจแรกเกิดไม่เจอ มารู้อีกทีตอนขาอ่อนแรงแล้ว TT
ไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดที่เป็นทาสแมว ก่อนนี้เลี้ยงหมาแล้วบอกตัวเองตลอดว่าไม่ชอบแมว 55555
ขออนุญาตแนะนำตัวก่อนคับ ผมชื่อ ด.ช. กระท้อน อายุ 1 ปี 2 เดือน นิสัย กินเก่ง นอนเก่ง รักสันโดษ และอินดี้มากงับ : )
เริ่มร่ายแล้ววววน้า ^^
ช่วงต้นเดือนมี.ค. 2563 เก็บแมวป่วยได้ 1 ตัว ตกมาจากหลังคา หัวแตก พาไปรักษาที่รพ. สัตว์ ตอนนั้นนางยังไม่ลืมตาเลย นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว ก็ทำการรักษาและตรวจโรคทุกอย่างตามขั้นตอน ไม่พบเชื้อลูคีเมีย แต่คุณหมอบอกว่าหัวที่แตกเป็นฝีใหญ่ ต้องรักษาที่รพ. ให้หายก่อน หลังจากรักษาฝีเสร็จก็กลับมาดูแลต่อที่บ้าน ต้องดูแลป้อนนมทุก 2 ชั่วโมง เพราะนางเด็กมากไม่ได้กินนมแม่เลย เลยจำเป็นต้องมีคนป้อนนมนางเพื่อสร้างภูมิต้านทานจนกว่านางจะแข็งแรง ตอนนั้นช่วยกันดูแลกับเพื่อนทุลักทุเลมาก พอเอานางมาดูแลได้ประมาณครึ่งเดือน ตัวเราเองน่าจะแพ้แมวเพราะดูแลนางใกล้ชิดเกิน ทำให้เกิดตาเจ็บรุนแรง เป็นม่านตาอักเสบ ต้องแอดมิตเลย แต่ด้วยตอนนั้นเริ่มเอ็นดู กกนางทั้งวัน เอามาเลี้ยงที่ออฟฟิศด้วยทุกวัน เพราะนางต้องดูแลแบบใกล้ชิด (จากเคยบอกว่า "ชั้นไม่มีทางรักแมว" 555) ตอนที่เอานางกลับมาเลี้ยงที่บ้าน ด้วยที่นางไม่มีแม่แมวเลี้ยง ก็ป่วยบ่อยมาก เดี๋ยวก็ฉี่ไม่ออก อึไม่ออก ท้องผูก ท้องเสีย เข้ารพ. บ่อยมากๆ หนักหน่อยก็ต้องนอนที่รพ. ให้คุณหมอช่วยดูแลให้ แต่ก็ไม่อยากให้อยู่รพ. นาน กลัวนางเครียด ได้ยินมาว่าแมวเครียดง่าย ก็เลยต้องเอากลับมากระตุ้นอึ กระตุ้นฉี่กันที่บ้านต่อ กว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาก็ใช้เวลาพอควร 2-3 เดือน
พอนางได้ 6 เดือน ก็พานางไปทำหมันเลย คุณหมอบอกว่าทำหมันแล้วจะแข็งแรงกว่า อะทำเลยแล้วกัน ก่อนทำก็ตรวจเลือด ผลออกมาแข็งแรงทุกอย่าง ทำเสร็จกลับมาบ้าน สบายใจ ชิลๆ ชีวิตมีความสุข มีท้องผูกบ้าง ไปหาคุณหมอส่วนใหญ่ด้วยเรื่องท้องผูกประจำ แต่นางดูมีชีวิตดีขึ้น แฮปปี้ กินอิ่ม นอนหลับ นางฉลาด สอนให้นั่ง สอนให้ขอมือ กดกระดิ่ง นางทำได้หมด นางอยู่เป็น 5555 ขอประกอบรูปภาพนิดนึง ^^ (รูปภาพตอน 3 เดือน)
ต่อๆๆ
นางก็ใช้ชีวิตมีความสุขดี กินเก่งมากกกกกกก จนคุณหมอบอกให้ไดเอทหน่อย อายุ 1 ปี น้ำหนักปาไป 5.2 กก. >< แต่นิสัยนางจะขี้หงุดหงิด ไม่ชอบให้จับที่หลัง ไม่ชอบกินน้ำ ต้องป้อน มีกลิ่นปาก กินข้าวเม็ดก็ยังมีกลิ่น พาไปหาคุณหมอ ก็ไม่เอะใจอะไร บอกแค่ว่าเหงือกอักเสบ ให้กินน้ำเยอะๆ เราก็พยายามป้อนน้ำนางเท่าที่ทำได้ หลังจากใช้ชีวิตปกติสุขมาดีๆ ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เศร้าขึ้น
ช่วงสงกรานต์ปีนี้ เราเดินทางไปตจว. 3 วัน ปล่อยแมวไว้ที่บ้าน แต่มีแม่บ้านดูแลอยู่ หลังจากกลับมา นางดูซึมๆ นอนตลอด ไม่ร่าเริง ก็เริ่มสังเกตอาการ ก็คิดไปว่านางปวดท้อง อึไม่ออกแน่ๆ เพราะกลับมา 2 วันยังไม่เห็นนางอึ ตัดสินใจพาไปให้คุณหมอตรวจดูหน่อยว่านางเป็นอะไร ปวดท้อง ท้องผูก หรือเป็นอะไรหรือเปล่า (ตอนแรกกลับมานึกว่าแม่บ้านตีรึป่าว แบบนางอาจจะดื้อ) บอกให้คุณหมอช่วย X-ray ดูหน่อย พอผลออกมาคุณหมอบอกอึเต็มท้องเลย ต้องให้กินยาระบาย ก็กลับบ้านมากินยาระบาย อึออกปกติแล้ว ก็สบายใจขึ้น แต่! พอผ่านไป 3 วัน นางดูกระโดดไม่ไหว ดูเจ็บหลังมาก เดินกะเผลก ขาหลังดูไม่มีแรงนิดหน่อย ก็เลยพานางกลับไปหาคุณหมออีกรอบ ให้ดูว่าหลังเป็นอะไรหรือเปล่า สรุปว่าจากการดูฟิล์มเดิม และทดสอบร่างกายจากคุณหมอ สันนิษฐานว่าน่าจะถูกดึงหางมา (แค่คาดการณ์) ทำให้เกิดการอักเสบที่บริเวณหางและหลัง ส่งผลไปถึงก้นไม่สามารถขมิบได้ และไม่สามารถรักษาได้ ต้องใช้ยาแก้ปวดบรรเทาอาการอย่างเดียว แล้วรอดูอาการต่อไป อะเครียดแล้ว 1 ใจเราคิดว่าต้องเปลี่ยนคุณหมอแล้วแหละ ไปหาคุณหมอเชี่ยวชาญกว่านี้ พอดีน้องญาติเป็นสัตวแพทย์ที่รพ. สัตว์เกษตร (ไม่ได้ไปหาเกษตรเนื่องจากว่าไกลบ้านและรอคิวนาน เลยหารพ.ใหญ่แถวบ้านแทน) เลยปรึกษาหาสาเหตุอาการบาดเจ็บนี้ น้องแนะนำว่าให้ลองไปพบคุณหมอระบบประสาทให้ช่วยดูให้ ซึ่งคลินิคไม่ไกลจากบ้าน เราก็รีบพาไป ณ วันนั้นเลย ไม่อยากปล่อยไว้นาน กลัวรักษาไม่ได้ พอไปถึงคุณหมอบอกให้ X-ray ใหม่ พบว่ากระดุกเชิงกรานด้านหลังไม่เชื่อมกัน และทดสอบความรู้สึกก้นดู ก็ยังสามารถขมิบได้เล็กน้อย และดูจากอาการแล้วไม่น่าจะมาจากการดึงหาง เพราะปลายประสาทยังรู้สึกอยู่ อาจเป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดจากอาการบาดเจ็บจากการตกจากที่สูง (คาดการณ์เหมือนกัน) ให้ลองกินยาดูอาการซักอาทิตย์นึง ดูว่าดีขึ้นมั้ย สรุปกลับบ้านไปกินยา รอดูอาการ แต่!! พอกลับบ้านได้แค่วันเดียว สรุปขาเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เดินไม่ได้ ต้องลากขาเอา ฉี่ไม่ออก เข้ากะบะทรายเป็นสิบๆรอบแต่ฉี่ไม่ออก เลยต้องกลับมาหาคุณหมอใหม่ ลองตรวจโรคอีกที สรุปรอบนี้เจอนิ่วอีก เลยให้นอนรพ. เลย ผ่านไป 2 วัน คุณหมอบอกอาการเดินไม่ดีขึ้น ขอตรวจลูคีเมียกับเอดส์แมวหน่อย ผลออกมาแจ็กพอต ผลลูคีเมียเป็นบวก อะเครียดมากขึ้นไปอีก เศร้าใจแรง ชะล่าใจมาก ตรวจตอนเก็บได้ ไม่เจอก็ไม่เคยจับตรวจอีกเลย (เลี้ยงระบบปิด ไม่เคยได้ออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นเองเลย) ตรวจแต่เลือดปกติ ก็ดูแข็งแรงดี วัคซีนทั่วไปให้ครบ มาวันนี้เป็นลูคีเมีย น่าจะเกิดจากกรรมพันธ์ุ หรือโดนแม่แมวกัดตอนเกิด เห้อออ...เล่าไปยังน้ำตาคลอเบาๆ TT
หลังจากรู้ว่าเป็นลูคีเมียก็ให้คุณหมอเฝ้าดูอาการใกล้ชิดดูก่อน เพื่อหาแนวทางการรักษา แต่พอรุ่งเช้าคุณหมอดูอาการแล้วแปลกๆแลไม่ปกติ ไม่ยอมเดินเองแล้ว เลยโทรมาแจ้งให้พาไป MRI ดูเพิ่มหน่อย แต่เครื่อง MRI มีอยู่ที่รพ. สัตว์เกษตร เราก็บึ่งรถจากพระรามเก้าไปเทพารักษ์ไปรับเหมียวพาไปรพ.สัตว์เกษตรเลย และพอดีน้องเป็นสัตวแพทย์อยู่ด้วย เลยให้ช่วยดูคุณหมอให้ ไปถึงได้ตรวจกับคุณหมออายุรกรรมก่อน คุณหมอก็น่ารักโทรไปถามห้อง MRI ให้ขอเป็นเคสเร่งด่วน แต่เร่งได้เร็วสุดก็ต้องรออีก 2 วัน ซึ่งถือว่าเร็วแล้วสำหรับรพ.สัตว์เกษตร แต่เรารอไม่ได้ ร้อนใจมาก คุณหมอที่รพ. เกษตรบอกว่ามีอีกที่เป็นรพ. เอกชนที่มีเครื่อง MRI และเป็นคุณหมอเชี่ยวชาญและเก่งเรื่องระบบประสาทด้วย เราเลยโทรไปถามและขอคิววันนั้นเลย สรุปได้คิวเย็นวันนั้นเลย ให้คุณหมอตรวจทุกอย่างใหม่ให้ละเอียดเลย คุณหมอให้ MRI ตอนเย็นแล้วรอผล MRI ซึ่งผลออกตอนประมาณ 4 ทุ่มกว่า ระหว่างรอผลก็ลุ้นมากๆ คุณหมอโทรมาแจ้งว่า เจอก้อนเนื้อขนาดใหญ่หุ้มกระดูกไขสันหลังอยู่ ทำให้เหมียวท้อนปวดหลังมาก เพราะก้อนเนื้อมันกดเส้นปลายประสาท อะเครียดเพิ่มเป็น 2 คุณหมอบอกว่าต้องผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ และเจาะน้ำไขสันหลังไปตรวจโรคเพิ่ม รอผลอีก 3-5 วัน รอแล้วรอเล่า ผลออกมาปรากฎว่า เป็น Lymphoma หรือก้อนเนื้อจากมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เศร้าอีกแล้วว คุณหมอแจ้งขั้นตอนการรักษา คือให้ ผ่าตัดเอาก้อนเนื้อที่หลังออกก่อน เพราะดูแล้วเหมียวน่าจะปวดมาก รอไม่ได้ผ่าเสร็จให้รอดูอาการหลังจากผ่าตัดอีกทีว่าจะต้องรับแนวทางการรักษายังไงดี (ภาพหลังจากผ่าก้อนเนื้อเสร็จ มีลำโพงเป็นของตัวเอง ^^)
หลังจากที่ผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออก คุณหมอแจ้งว่าเลาะเอาก้อนเนื้อออกหมดแล้ว (คุณหมอผ่าเก่งมากๆ) และดูแล้วไม่คิดว่าจะต้องทำคีโม และแล้วเหมียวท้อนก็กลับมาเดินได้ อาจจะทรงตัวไม่ดี แต่ถือว่าเดินไปเข้ากะบะได้ ตอนนั้นดีใจมาก อย่างน้อยนางก็เดินเข้ากะบะเองได้แล้ว แต่หลังจากกลับมาพักต่อที่บ้านได้แค่ 6 วัน อาการเดิมเริ่มกลับมาอีกแล้วววววว ขาหลังอ่อนแรง ขาพับ เดินเริ่มไม่ไหว เลยรีบกลับไปหาคุณหมอ ซึ่งจากอาการเบื้องต้นคุณหมอวินิจฉัยว่าน่าจะเพราะปลายประสาทอักเสบขึ้นมา เลยฉีดสเตอรอยด์เข้าไปเพิ่มเพื่อกดอาการปวด แล้วให้กลับบ้าน แต่แล้วกลับบ้านไป 2 วันอาการก็ดูยังไม่ดีขึ้น เหมือนจะแย่ลงอีก กลับไปหาคุณหมออีก คุณหมอก็ตรวจดูใหม่ ลองให้กินยาเพิ่ม แต่เราร้อนใจขอให้คุณหมอทำ MRI ใหม่อีกรอบ เพื่อดูให้แน่ใจว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า คุณหมอให้ลองกินยาดูก่อน ถ้าไม่ดีขึ้นจะ MRI ก็ตามใจ สรุปก็ต้อง MRI ใหม่ ผลคือ เจอก้อนเนื้องอกเกิดใหม่อีกแล้วววววววว เกิดขึ้นที่เดิมเลย แต่ขนาดไม่ใหญ่เท่ารอบแรก ส่งผลให้นางเดินไม่ได้อีก คุณหมอบอกรอบนี้ต้องคีโมแล้วแหละ ผ่าอีกร่างกายคงรับไม่ไหวแล้ว ก็เลยให้คุณหมอรีบตรวจเลือดและทำคีโมให้เร็วที่สุด คุณหมอจัดการคีโมให้คืนวันนั้นเลย และแจ้งว่าเป็นคีโมชนิดพิเศษ ฉีดครั้งเดียวเฉพาะจุด เพราะเหมียวท้อนเป็นที่จุดปลายประสาท ฉีดคีโมแบบธรรมดาอาจจะวิ่งไปไม่ถึงจุดที่เป็น หลังจากให้คีโมก็นอนรพ. 2 วัน คุณหมอให้เอากลับมาดูแลต่อที่บ้านเพราะกลัวแมวเครียด ด้วยเราเป็นโรคใจร้อนมากๆๆ และคิดว่าถ้าเป็นเราป่วยเอง เราก็อยากหายป่วยเร็วๆ ไม่อยากทรมานจากการเจ็บป่วย ตอนนี้เหมียวท้อนเดินเองไม่ได้ ไม่มีแรง บังคับฉี่ไม่ได้ อึไม่ออก เปลี่ยนอาหารก็แล้ว บำรุงวิตามินทุกอย่างที่คิดว่าดีที่สุด บอกคุณหมอที่ไปหามาทุกท่านให้รักษาเต็มที่ ตอนนี้ค่ารักษาเหมียวท้อนหมดไปแสนกว่าบาท แต่เราคิดว่าให้ชีวิตเค้าแล้ว ถึงเวลาเค้าป่วยเราต้องรักษาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็หาข้อมูลเยอะมากๆ หมอมะเร็งที่ไหนเก่ง ที่ไหนดี จากในพันทิปบ้าง จากคนใกล้ตัวบ้าง สรุปบอกคุณหมอประสาทว่าเราอยากลองไป Second Opinion กับคุณหมอทางด้านมะเร็งโดยเฉพาะดู เผื่อจะมีแนวทางการรักษาได้ถูกจุดมะเร็งมากขึ้น
และจากการหาข้อมูลมากมาย สรุปได้รพ. ใหม่ คุณหมอเชี่ยวชาญมะเร็งโดยเฉพาะ เลยรีบนัดไปพบคุณหมอเลย สดๆไปหามาเมื่อวานนี้ ส่งผล MRI และผลต่างๆให้คุณหมอช่วยดู คุณหมอแจ้งว่าให้เผื่อใจไว้หน่อย เพราะมะเร็งที่น้องเป็น เจอในแมวทั่วไปแค่ 10% และมีโอกาสรักษาหายแค่ 30% จากมะเร็งส่วนอื่นที่สามารถรักษาให้หายได้ 80% และถ้าเกิดในแมวเด็กส่วนใหญ่มักอาการหนัก อะน้ำตาคลอ จะต้องเครียดอีกกี่ตลบน้า และคุณหมอแจ้งว่าต้องให้คีโมให้ครบคอร์สลองรักษาดู ตอนนี้อยู่ระหว่างรอตรวจเลือดและคีโมเริ่มต้นใหม่อาทิตย์หน้า ระหว่างนี้เตรียมไปบนให้เจ้ากรรมนายเวรเหมียวท้อน ให้เหมียวท้อนกลับมาเดินได้ เข้ากะบะเองได้ก็ดีใจแล้ว นี่รึเปล่าที่เรียก "แมว 9 ชีวิต" (ตอนนี้ใช้ไปแล้ว 3 ชีวิต) นางสู้มากๆ อยากให้นางหายมาร่าเริงหมือนเดิม ขอกำลังใจให้ผมด้วยนะคับบบ ✌✌💪💪
ทั้งนี้หากเพื่อนๆทาสแมวมีรพ.เก่งๆ ที่ไหนแนะนำ หรือมีแนวทางการดูแลน้องแมวที่ป่วยเป็นมะเร็ง สามารถแนะนำได้นะคะ 🙏🙏
สุดท้ายนี้จากที่เล่าร่ายยาวเหยียดมาทั้งหมดเป็นการบันทึกความทรงจำการรักษาของเหมียวท้อนผู้น่ารัก หากเขียนผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่า ☺☺
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ
รูปนาง ณ ตอนนี้เลย กำลังนอนฟังเพลงกล่อมคลายเครียดคับ ^^
อัพเดตข้อมูลของพี่กระท้อน ณ วันที่ 7 ม.ค. 2565
- หลังจากทำคีโม ทั้งแบบฉีด และแบบกินยามาได้ครึ่งทาง ตอนนี้แข็งแรงขึ้นมาก เดินเข้ากะบะเองได้แล้วคับ ยังมีเจ็บหลังเดินปัดๆอยู่บ้าง แต่โดยรวมช่วยเหลือตัวเองได้แจ้วคับ ♥️🐯
รูปผมล่าสุดงับ เริ่มซ่าแล้วงับ 😂
อัพเดตวันที่ 16 พ.ค. 2565
เหมียวท้อนได้จากเราไปอยู่ดาวแมวเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากก้อนมะเร็งได้ลุกลามไปยังส่วนของประสาท ไม่สามารถควบคุมได้ จึงตัดสินใจให้เหมียวจากไปอย่างสงบ ในวันที่ 15 พ.ค. 2565 เวลา 23.40 น. ค่ะ 😭🥺♥️ เหมียวไม่ได้ไปไหนค่ะ เหมียวจะอยู่ในใจเราตลอดไป รักเหมียวนะคับ ลูกเสือของแม่ ♥️🐯
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้กำลังใจผมนะคับ 🙏🏻🙏🏻♥️♥️