รถใช้งานมา แสน กม.  มีสาเหตุให้คิดถึงเยอะ
1. แผงแอร์ตัวนอก ด้านหน้ารถ สกปรกไหม มีเศษผง เศษฝุ่นอุดกั้นทางลมไหม  อาจจะต้องถึงเวลาทำการถอดล้างกันชุดใหญ่
2. น้ำยาแอร์ยังอยู่ในระดับที่ปกติไหม มันพร่องกันได้  ถ้ามันน้อยลงแต่ยังไม่ได้น้อยมาก มันก็มีผลต่อระดับความเย็นในช่วงที่รถติดๆได้เหมือนกัน
3.  พัดลมไฟฟ้าตัวที่ทำหน้าที่ระบายความร้อนด้านหน้ารถ มันยังทำงานได้ปกติไหม  รถบางคันมี 2 ตัว ( รถใหญ่ ) แบ่งหน้าที่กัน  แต่รถเล็กส่วนใหญ่จะมีแค่ตัวเดียว  ใช้งานไปนาน บางทีรอบการหมุนของมันก็อาจจะไม่ได้ตามสเปค  หรือ ใบก็อาจจะสกปรก ล้วนแล้วแต่มีผลเสมอๆ
4. ต้องไม่ลืมว่า อากาศช่วงนี้ร้อน  ปกติแล้ว แผงแอร์ตัวนอก กับ หม้อน้ำหล่อเย็น มันวางอยู่ชิดกัน  ความร้อนของหม้อน้ำหล่อเย็นก็อาจจะรบกวนแผงแอร์ได้เช่นกัน  ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ด้านหลัง แล้วมีพัดลมไฟฟ้าคอยดูดอากาศเข้ามาก็ตาม
5. แอร์มีกลิ่นอับ  ส่วนใหญ่ก็เกิดจาก แผงแอร์ในรถ (​คอยล์เย็น) มีคราบฝุ่น คราบสกปรก เกาะสะสม   คนส่วนใหญ่ใช้น้ำหอมปรับอากาศ และคนส่วนใหญ่มักจะปิดแอร์แบบไม่มีขั้นตอน   ขั้นตอนที่ถูกต้องแล้ว เราจะกด AC off ก่อนถึงที่หมายประมาณ 3 นาที  ร่วมกับเร่งความเร็วของลมแอร์ไว้ทีสูงสุด  การทำแบบนี้จะทำให้ความเย็นที่สะสมบนคอยล์เย็นหมดไป  บ้านเราเป็นเมืองชื้น  การดับรถทันทีโดยไม่กด AC off ความเย็นที่สะสมบนคอยล์เย็น จะทำให้เกิดการเกาะของหยดน้ำ  หยดน้ำเมื่อเจอกับสิ่งสกปรกก็จะทำให้เกิดกลิ่นอับ  ยิ่งน้ำหอมปรับอากาศทั้งหลายนี่แหละ ตัวดี
6. สืบเนื่องจากข้อ 5. ปกติแล้ว รถในปัจจุบันจะมี"กรองแอร์" อยู่บริเวณ blower ซึ่งมักจะอยู่แถวๆลิ้นชักด้านซ้ายภายในรถ  กรองแอร์จะมีหน้าที่ในการกรอง ดักฝุ่น ให้ไม่เข้าไปเกาะตามแผงคอยล์เย็น  ลองเช็คดูว่า ครั้งสุดท้ายเปลี่ยนไปเมื่อไหร่  บางทีอาจจะลืมเปลี่ยน มันก็จะอุดตันได้เช่นกัน

การล้างแอร์ด้วยโอโซน ก็ช่วยลดกลิ่นลงไปได้บ้าง  แต่ต้องแก้ที่สาเหตุก่อนครับ