เทียบซีรีย์หรูอี้จ้วนกับประวัติศาสตร์ยุคเฉียนหลง!

สวัสดีค่ะเนื่องจากกักตัวจากสถานะการโควิด19 ได้กับมาดูซีรีย์ หรูอี้จ้วน(如懿转)หรือชื่อไทยคือ หรูอี้จอมนางเคียงราชันย์ ยังสนุกเหมือนเดิมเข้มข้นดราม่า1010 ซีรีย์เรื่องนี้ก็ถือเป็นซีรีย์แนววังหลังที่ได้รับความนิยมในจีนและต่างประเทศ วันนี้ผู้เขียนจึงอยากนำตัวละครผู้หญิงที่มีในประวัติศาสตร์มาตีแผ่ให้ผู้อ่านได้อ่านกันนะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ทีนี้🙏
*ขอบคุณข้อมูลจาก wiki และชมรมผู้สนใจข้อมูลราชวงศ์ชิง*
-คำศัพท์ที่ใช้เขียน-
หวงโห่ว = ฮองเฮา
หวงตี้ = ฮ่องเต้


จักรพรรดินีจี้

ซ้าย พระสาทิสลักษณ์จี้ฮองเฮา
ขวา โจวซวิ่นในบทอูลาน่ารา หรูอี้

จักรพรรดินีจี้หรืออูลาน่าราหวงโห่ว จากหวงโห่วผู้เป็นที่รักสู่สตรีผู้ถูกทอดทิ้ง

จักรพรรดินีจี้หรืออูลาน่าราหวงโห่ว ประสูติเมื่อวันที่11มีนาคม ค.ศ.1718 เป็นธิดาใน น่าเอ่อร์ปู ขุนนางแมนจูสกุลอูลาน่าราซึ่งเป็นตระกูลชั้นสูงของแมนจู ในวัยเยาว์พระนางมักตามบิดาเข้ามาในวังทำให้พบกับองค์ชาย4หงลี่พระราชโอรสในจักรพรรดิหย่งเจิ้นกับซีกุ้ยเฟยสกุลหนิวฮูลู่ ต่อเมื่อพระนางเจริญวัยขึ้นกล่าวกันว่าพระนางมีใบหน้าที่งดงามมากโฉบเฉียวยิ่งกว่าสาวใดและที่สำคัญเนื่องจากชาติกำเนิดเกิดในชนชั้นสูงทำให้พระนางนั้นมีท่าที่สง่างาม หยิ่งถนง ทำให้องค์ชาย4หงลี่ขณะนั้นดำรงยศเป่าชินหวางเกิดตกหลุมรักพระนางเข้าจึงได้ขอนางอภิเษกสมรส ขณะนั้นอูลาน่ารามีพระชนม์16พรรษาส่วนเป่าชินหวางมีพระชนม์มายุ20กว่าๆแต่เป่าชินหวังนั้นมี้ตี้ฝูจิ้น(พระชายาเอกสกุลฟูฉ่า)อยู่แล้วจึงขออูลาน่าราเป็นเช่อฝูจิ้น(พระชายารอง) หลังจากอภิเษกสมรสเป่าชินหวางรักและโปรดปรานพระนางมากแม้จะมีสาวงามใหม่ๆก็ไม่เคยละเลยพระนางว่ากันว่าสตรีที่เป่าชินหวางรักมากจริงๆมีเพียงพระชายาเอกฟูฉ่ากับพระชายารองอูลาน่าราส่วนคนอื่นรักในแบบเพลย์บอยแต่รักทุกคน

ในปีค.ศ.1735 จักรพรรดิหย่งเจิ้นสวรรคตเป่าชินหวางขึ้นครองราชย์เป็น จักรพรรดิเฉียนหลง ทำให้เหล่าชายาในจวนได้รับการสถาปนายศเช่น พระชายาเอกฟูฉ่าเป็นหวงโห่ว พระชายารองอูลาน่าราเป็นเสียนเฟย นอกจากนี้ยังมีพระชายารองสกุลเกาซึ่งเป็นชาวฮั่นเป็นกุ้ยเฟย และเหล่าสาวงามต่างๆได้เป็นสนม เสียนเฟยได้รับพระราชทานตำหนักอี้คุนกงเป็นที่ประทับ แม้จะได้เป็นพระสนมแต่พระนางก็ยังเป็นที่รักและโปรดปรานของหวงตี้เสมอทำให้พระนางนั้นคิดว่าตนเองคือคนที่เฉียนหลงรักที่สุดรองจากฟูฉ่าหวงโห่ว หวงโห้วนั้นสุขภาพอ่อนแอมักประชวรบ่อยๆทำให้เรื่องในวังหลังจึงเป็นหน้าที่เสียนเฟยช่วยดุแล ในเฉียนหลงปีที่10เสียนเฟยได้รับการสถาปนาเป็น
เสียนกุ้ยเฟย ดูแลวังหลังแทนหวงโห่วขณะประชวรซึ่งเสียนกุ้ยเฟยก็ดูแลวังหลังร่วมกับฉุนกุ้ยเฟยด้วย

เฉียนหลงปีที่13 เฉียนหลงประพาสเเดนใต้ฟูฉ่าหวงโห่วสิ้นพระชนม์กระทันหันสร้างความเศร้าโศกเสียใจต่อเฉียนหลงอย่างมากที่สุด พระองค์ไม่เป็นอันกินอันนอนจมปลักอยู่กับเศร้าที่สูญเสียหวงโห่วผู้เป็นที่รักยิ่ง ได้แต่แต่งบทกวีสรรเสริญความดีของพระนางและสถาปนาพระนางเป็น จักรพรรดินีเสี้ยวเสียนฉุน วังหลังขาดประมุขขุนนางบีบบังคับเฉียนหลงแต่งตั้งหวงโห่วองค์ใหม่แม้เฉียนหลงยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของหวงโห่วและยังไม่อยากแต่งตั้งหวงโห่วองค์ใหม่ในทันที เพื่อหยุดสถานการ์ความวุ่นวายพระองค์ได้สถาปนาเสียนกุ้ยเฟยเป็น หวงกุ้ยเฟย ดูแลวังหลังขณะวัยทุกข์ให้หวงโห่วซึ่งเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเสียนหวงกุ้ยเฟยคือว่าที่หวงโห่วองค์ต่อไป

เฉียนหลงปีที่15 ครบการไว้ทุกข์แด่อดีตหวงโห่วเสียนหวงกุ้ยเฟยได้รับการสถาปนาเป็น หวงโห่ว ในที่สุดได้รับตราประทับและอำนาจปกครองดูแลวังหลังทั้งหมด แม้จะได้ตำแหน่งหวงโห่วพระนางก็ยังเป็นที่รักและโปรดปรานของพระสวามีอยู่เสมอทรงให้เกียรติและของดีๆแก่อูลาน่าราหวงโห่วตลอด ในวังหลังขณะนั้นคนที่เป็นคนโปรดเห็นทีมีแต่อูลาน่าราหวงโห่วกับลิ่งเฟยพระสนมชาวฮั่นสกุลเว่ยที่แต่เดิมเป็นนางสนองพระโอษฎ์ในฟูฉ่าหวงโห่วซึ่งถวายตัวตั้งแต่ฟูฉ่าหวงโห่วยังมีพระชนม์ชีพอยู่ อูลาน่าราหวงโห่วก็ปกครองวังหลังไม่ขาดตกบกพร่องทำหน้าที่ในฐานะมารดาของแผ่นดินอย่างดีเยี่ยม อูลาน่าราหวงโห่วมีพระราชบุตรให้เฉียนหลง3พระองค์ได้แก่
1.องค์ชาย12หย่งจี
2.องค์หญิง5 (สิ้นพระชนม์แต่ยังเด็ก)
3.องค์ชาย13หย่งจิ่ง (สิ้นพระชนม์แต่เด็ก)
แม้จะทรงดำรงตำแหน่งหวงโห่วแต่ก็ต้องทรงทนการแก่งแย่งในวังหลังของเหล่าสนมและพระทัยของสามีซึ่งพระนางทรงหวั่นตลอดว่าลิ่งเฟยเป็นผู้ที่พระสวามีโปรดปรานจะแย่งความโปรดปรานทั้งหมดไปจากพระนาง นอกจากนี้ยังมีสาวงามจากเผ่าหานที่งดงามดุจนางฟ้า สวยขนาดที่ไม่กี่ปีจากแค่กุ้ยเหรินธรรมดาเป็นถึง หรงเฟย แบบง่ายดาย ทุกคนอาจจะสงสัยใครคือหรงเฟยนางคือเซียงเฟยหรือหานเซียงในเรื่ององค์หญิงกำมะลอ ที่สำคัญที่สุดพระนางหวังตำแหน่งรัชทายาทให้แก่องค์ชาย12หย่งจี ถึงพระนางจะเป็นหวงโห่วและเป็นที่โปรดปรานแต่พระโอรสไม่ได้เป็นที่โปรดขนาดนั้นเพราะเฉียนหลงโปรดองค์ชาย5หย่งฉีพระโอรสของพระองค์กับอวี๋เฟยสกุลเค่อหลีเย่เทอและเรื่ององค์ชาย13กับองค์หญิง5สิ้นพระชนม์ทำให้พระนางต้องรับแรงกดดันมากมายในวังทำให้สติของพระนางเริ่มเปลี่ยนไปพูดง่ายๆสติพระนางแตกคุ้มดีคุ้มร้ายหรือปัจจุบันเรียกไบโพล่ามักทำเรื่องต่างๆทำให้เฉียนหลงไม่พอพระทัยแต่ก็มิทรงว่าอันใด นอกจากนี้ทรงคิดว่าเฉียนหลงไม่รักพระนางเหมือนแต่ก่อนรักแต่สนมคนใหม่ๆ เฉียนหลงรู้ว่าอาการทางสติของพระนางไม่คอยดีนักแต่ก็มิได้ทำอะไรก็ยังทรงดูแลพระนางอย่างดีมาตลอด

ในปีเฉียนหลงปีที่30 เฉียนหลงเสด็จประพาสเจี้ยงหนาน มีหวงโห่ว ลิ่งกุ้ยเฟย และเหล่าสนมเสด็จตามด้วย ในใจเฉียนหลงก็หวังว่าหวงโห่วจะมีความสุขและคลายกังวลจากการประพาสครั้งนี้ได้ บันทึกของราชวงศ์ได้บันทึกว่าในช่วงกลางวันหวงตี้กับหวงโห่วเสวยพระกายาหารด้วยกัน แต่วันต่อมากลับไม่มีบันทึกถึงพระนางอีกเลยว่ากันว่าทรงถูกส่งกลับปักกิ่งเร่งด่วนตามคำบอกเล่ากล่าวว่า หวงโห่วเสด็จไปหาหวงตี้ทั้ง2พระองค์เกิดปากเสียงกันไม่มีใครทราบว่าเรื่องอะไรหลังจากนั้นหวงโห่วได้ตัดปอยพระเกศาต่อหน้าต่อตาหวงตี้ทำให้ทรงกริ้วมากเพราะกฎของชาวแมนจูคือสตรีห้ามตัดผมหากสามีหรือบุพการีไม่ได้เสียชีวิตซึ่งการกระทำของหวงโห่วคือการสาปแช่งเฉียนหลงกับไทเฮา เฉียนหลงจึงมีราชโองการให้ส่งพระนางกลับปักกิ่งพร้อมกับยึดตราประทับและอำนาจการปกครองวังหลังนอกจากนี้ยังห้ามพระนางออกจากตำหนักพร้อมกับสถาปนาลิ่งกุ้ยเฟยเป็นหวงกุ้ยเฟยในทันทีมีอำนาจปกครองวังหลังแทนหวงโห่ว มีบันทึกและการคาดเดาของนักประวัติศาสตร์มีหลายทฤษฎีเรื่องการตัดพระเกศาของพระนางได้แก่
1.ทรงมีปากเสียงกับหวงตี้เรื่องรับหญิงนางโลมมาถวายการรับใช้ซึ่งเป็นการเสียพระเกียรติ
2.ทรงมีปากเสียงเรื่องการแต่งตั้งลิ่งกุ้ยเฟยเป็นหวงกุ้ยเฟยซึ่งตำแหน่งนี้หากหวงโห่วมีพระชนม์ชีพอยู่ไม่ควรแต่งตั้งเพราะเป็นรองหวงโห่วเพียงหนึ่งขั้นอาจจะทำให้อูลาน่าราหวงโห่วไม่พอพระทัย
3.การตัดความสัมพันธ์กับเฉียนหลง
ไม่ว่าเหตุผลใดไม่มีใครทราบ ถึงจะทรงถูกยึดอำนาจและห้ามออกจากตำหนักแต่เฉียนหลงก็ยังดูแลพระนางเป็นอย่างดีไม่ได้ละทิ้งพระนางแต่อย่างใดเหมือนที่เราได้ยินมาว่าทรงถูกขังในตำหนักเย็น ลดคนรับใช้ แต่จริงๆเฉียนหลงก็ยังให้พระนางอยู่ที่ตำหนักอี้คุนพร้อมกับให้พระนางดำรงตำแหน่งหวงโห่วเหมือนเดิมแค่ไม่ได้ให้อำนาจปกครองวังหลังตามเดิม ชาววังจึงได้ให้ขนาดนามพระนางว่า จี้โห่ว ที่หมายถึงสตรีที่ถูกปลด

เฉียนหลงปีที่31 เฉียนหลงเสด็จไปล่าสัตว์ที่มู่หลานตามประเพณีของต้าชิง หวงโห่วสิ้นพระชนม์มีพระราชโองการลดขั้นงานพระศพเป็นหวงกุ้ยเฟยและฝั่งพระศพที่สุสานพระสนมมิได้ฝั่งในโถงใหญ่เคียงข้างหวงตี้ในฐานะหวงโห่วตามราชประเพณี ส่วนงานพระศพก็ให้องค์ชาย12เป็นผู้ดูแลไม่มีการสถาปนาพระนามย้อนหลังให้แก่พระนาง ไม่มีผู้ใดทราบเหตุใดงานพระศพถูกลดขั้น พระศพไม่ได้ฝั่งข้างพระสวามี ว่ากันว่าเป็นพระประสงค์ของเฉียนหลงเพราะพระนางกระทำความผิดร้ายแรงเรื่องการตัดพระเกศาหรือจะเป็นคำสั่งเสียของพระนาง ไม่มีใครทราบเป็นปริศนามาถึงทุกวันนี้ว่าเหตุใดสตรีที่เคยอยู่จุดสูงสุดของแผ่นดินถึงมาอยู่ในจุดนี้ หลังจากการสิ้นพระชนม์ของอูลาน่าราหวงโห่วก็มิได้มีสตรีนางใดได้รับการสถาปนาเป็นหวงโห่วในจักรพรรดิเฉียนหลงอีกเลย


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่