วิธีหาเงิน ของพระราชวังปักกิ่ง โต๊ะจีนฉลองวันตรุษจีนราคาแพงหมดใน 1 วัน | ส่องธุรกิจและการตลาดจีน
ธุรกิจบางอย่างถ้าเป็น Limited หรือ Exclusive ก็อาจจะได้รับความสนใจเกินคาดก็ได้ วันนี้ผมพามาดูธุรกิจ และกลยุทธ์การตลาดของจีน แบบแปลก ๆ ของร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของพระราชวังจีน ปักกิ่ง ซึ่งเป็นโต๊ะจีนที่ยอดจองเต็มภายใน 1 วัน ถึงแม้ว่าจะมีราคาโต๊ะละ 33,440 บาท ก็ ยังมียอดจองเต็มเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามได้ในบทความส่องธุรกิจและการตลาดจากจีนนี้เลยครับ…
การกินเลี้ยงโต๊ะจีนแบบฮ่องเต้ในครั้งนี้ ได้จัดเนื่องในโอกาสวันตรุษจีนในปี 2020 ที่ผ่านมา โดยทางร้านอาหารของรัฐบาลจีนได้ให้เปิดจองในราคาต่อหัวคนละ 688 หยวน (ประมาณ 3400 บาทไทย) ซึ่งคนจีนได้มีความเชื่อและความชอบเกี่ยวกับตัวเลขโดยเฉพาะเลข 6 และเลข 8 เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความหมายที่ดี เช่น หมายเลข 6 ที่อ่านว่า ลิ่ว ก็แปลได้ว่า ถนน ส่วนหมายเลข 8 ที่อ่านว่า ปา ก็แปลได้ว่า รวย เมื่อนำมารวมกันเป็นเลข 688 ก็จะมีความหมายประมาณว่า เมื่อทำการใดก็จะรวยไปตลอดเส้นทาง นั่นเอง
ซึ่งลักษณะการทานอาหารแบบฉบับโต๊ะจีนในพระราชวังที่ได้ให้เปิดจองไปนั้น จะเปิดให้จองแค่วันละ 3 โต๊ะ ซึ่งแต่ละโต๊ะสามารถนั่งได้แค่ 10 เท่านั้น รวมแล้วราคาจอง 1 โต๊ะก็จะอยู่ที่ประมาณ 30,000 กว่าบาทไทย แน่นอนว่าเมื่อคนจีนได้ยินถึงข่าวที่จะมีการเปิดจองโต๊ะจีนแบบฮ่องเต้เพียงแค่ในราคาต่อหัวคนละ 688 หยวน ต่างก็ต้องสนใจกันอยู่แล้วรวมทั้งตัวผมเอง เพราะการเปิดจองโต๊ะจีนในครั้งนี้ย่อมไม่ธรรมดาเนื่องจากมีรัฐบาลจีนเข้ามาดูแล และใช้สถานที่ในการนั่งรับประทานอาหารสุด Exclusive ที่ตั้งอยู่ในบริเวณรั้วกำแพงพระราชวังปักกิ่งที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ในพระราชวังได้สุดลูกหูลูกตา ถ้าเป็นคุณคุณจะรีบตัดสินใจไหม?! แต่ที่น่าตื่นไปกว่านั้น ทางรัฐบาลจีนไม่ได้บอกถึงรายละเอียดของเมนูอาหารบนโต๊ะจีนที่กำลังจะเปิดจองในเวลาอันใกล้นี้ แถมยังไม่ได้บอกถึงลักษณะการนั่งโต๊ะจีนแบบฮ่องเต้ในครั้งนี้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธ์ทำให้คนยิ่งอยากรู้อยากลองมากขึ้นกว่าเดิม โดยเริ่มเปิดให้นั่งทานได้ในวันตรุษจีนก็คือวันที่ 24 มกราคม ไปจนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ รวมแล้วเป็นทั้งหมด 17 วัน 51 โต๊ะ และคุณเชื่อไหมว่าในวันที่เขาเปิดจองก็คือวันที่ 12 มกราคม ในช่วงเวลากลางวันปรากฎว่าการจองโต๊ะจีนสามารถขายหมดได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงในวันนั้น
ซึ่งลักษณะร้านอาหารที่สามารถปรับตัวและรู้ถึงกลยุทธ์ในการตลาดที่มักจะใช้กันในประเทศจีนอย่างร้านอาหารที่ได้ร่วมการทำโต๊ะจีนแบบฮ่องเต้กับรัฐบาลในครั้งนี้ ถึงแม้จะเปิดได้ไม่นานแต่ก็สามารถประสบความสำเร็จไปที่เรียบร้อยแล้ว โดยใช้กลยุทธ์ “จำกัดจำนวน” การใช้บริการและวันเวลาของร้านค้า เนื่องจากคนจีนมีประชากรที่แน่นหนาเป็นอันดับหนึ่งของโลก ฉะนั้น ความต้องการบริโภคอุปโภคจึงมีมากกว่าที่ใดในโลกรวมไปถึงแย่งกันกินแย่งกันใช้ แต่ถ้าให้คุณลองคิดดูนะครับว่า ไม่ว่าบนโลกนี้ถ้าคุณมีสินค้า “จำกัดจำนวน” แล้วสินค้านั้น เป็นสิ่งที่แปลกใหม่ที่ไม่ได้มีตลอดและเป็นความต้องการพื้นฐานของคนทั่วไป อย่างร้านอาหารที่เปิดจองโต๊ะจีนในพระราชวังปักกิ่ง ที่ถึงแม้ว่าจะหมดการจองไปแล้วก็ยังมีคนมารอต่อแถวยาวเหยียด เพื่อที่จะได้มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศการรับประทานอาหารในครั้งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องยอมรับเลยว่าการตลาดในการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ของจีนดูไม่ค่อยจะก้าวหน้าเสียเท่าไหร่ ธุรกิจของชำรวยของรัฐบาลจีนก็มีแต่ซบเซาลงเนื่องจากมีแต่สินค้าที่ราคาสูง ไม่มีบริการร่วมกิจกรรมระหว่างสถานที่ท่องเที่ยว จนในปี 2014 รัฐบาลจีนได้มีการประชุมเรื่องการแก้ไขการตลาดสถานที่ท่องเที่ยวหรือหารายได้ให้กับประเทศมากขึ้นกว่านี้ จนสรุปได้ว่าทางรัฐบาลจีนจะต้องมีมาตรฐานในการทำการตลาดจีนอยู่ทั้งหมด 7 ข้อ ดังนี้
1. สินค้าและบริการที่จะออกมาสู่ประชากรหรือผู้บริโภคจะต้องมี “เอกลักษณ์”
2. สินค้าและบริการแต่ละอย่างที่ผลิตออกมาจะต้องมี “เรื่องราว” หรือสตอรี่ผสมผสานในสินค้าชิ้นนั้นไม่มากก็น้อย
3. สินค้าและบริการตามสถานที่ท่องของประเทศจีนจะต้องมี “การสืบทอดหรือสานต่อ” ได้ เช่น ชอบ ใช้ แชร์ เป็นต้น
4. สินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นร้านของชำแบบสมัยเก่าหรือใหม่จะต้องมี “ศิลปะ”
5. ผู้นำเที่ยวหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในประเทศจีน จะต้องมีความสามารถหรือเทคโนโลยีที่สามารถ “เผยแพร่ความรู้” เกี่ยวกับประเทศจีนให้ได้
6. สินค้าและบริการนั้น ๆ จะต้อง “นำไปใช้ได้จริง”
7. สินค้าและบริการของประเทศจีนจะต้องมีความสามารถปรับเปลี่ยนไปตาม “กระแสแฟชั่น” ในปัจจุบันให้ได้
และจุดประสงค์สำคัญในการวางแผนการตลาดมาตรฐานในประเทศจีนทั้ง 7 ข้อที่กล่าวมา นั่นก็คือ รัฐบาลจีนต้องการที่จะให้คนรุ่นใหม่ได้รับรู้และซึมซับถึงวัฒนธรรมของประเทศจีนให้ได้มากที่สุด เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนในยุคกลาง ๆ หรือสูงอายุขึ้นไปจะทำหน้าที่เผยแพร่วัฒนธรรมนี้ไปได้ตลอด เพราะฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ใช้คนรุ่นใหม่ในประเทศจีนช่วยกันกระจายความรู้และวัฒนธรรมเผื่อคนรุ่นหลังและคนทั่วโลกในปัจจุบันและอนาคตได้ และที่พีคไปกว่านั้นทางรัฐบาลจีนในปี 2014 ได้ทดลองผลิตสินค้าแฟชั่นออกมาเผื่อผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและศิลปะวัฒนธรรมของเขา นั่นก็คือ
หูฟังที่ออกแบบคล้ายกับสร้อยคอประคำหรือเครื่องประดับของจีน และหลังจากที่ได้นำออกมาขาย ณ ขณะนั้น ปรากฏว่าขายดิบขายดีจนผลิตสินค้าแถมไม่ทัน โดยเฉพาะร้านขายของชำรวยในพระราชวังจีนปักกิ่งที่ได้เปิดขายขสินค้าหลากหลายช่องทางรวมไปถึงเว็บไซต์ “เถาเป่า” ที่เป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์อันดับหนึ่งของประเทศจีน และในปัจจุบันประเทศจีนก็ได้มีการพัฒนาสินค้ามาเรื่อย ๆ ตามมาตรฐานการตลาด 7 ข้อที่ได้วางไว้
สรุปแล้วสิ่งที่คุณสามารถมองเห็นได้ชัดจากบทความนี้ก็คือ ถ้าหากคุณมีการทำการตลาดที่ผิดอย่างไรคุณก็ไม่สามารถปิดการขายได้ เพราะการทำการตลาดที่ถูกต้องคือคุณทำแล้วต้องมียอดขายหรือมีรายได้เข้ามาเท่านั้นเอง ฉะนั้น เมื่อคุณได้อ่านบทความมาจนถึงจุดนี้แล้วคุณคิดว่าคุณสามารถวิเคราะห์การณ์นี้ได้มากน้อยแค่ไหน แล้วมีไอเดียอยากจะหาเงินด้วยกลยุทธ์นี้แล้วหรือไม่ สามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ
==================================================================
สำหรับใครที่อยากได้รับอรรถรสเพิ่มมากขึ้น สามารถคลิกวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้นะครับ
วิธีหาเงิน ของพระราชวังปักกิ่ง โต๊ะจีนฉลองวันตรุษจีนราคาแพงหมดใน 1 วัน | ส่องธุรกิจและการตลาดจีน
ธุรกิจบางอย่างถ้าเป็น Limited หรือ Exclusive ก็อาจจะได้รับความสนใจเกินคาดก็ได้ วันนี้ผมพามาดูธุรกิจ และกลยุทธ์การตลาดของจีน แบบแปลก ๆ ของร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของพระราชวังจีน ปักกิ่ง ซึ่งเป็นโต๊ะจีนที่ยอดจองเต็มภายใน 1 วัน ถึงแม้ว่าจะมีราคาโต๊ะละ 33,440 บาท ก็ ยังมียอดจองเต็มเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามได้ในบทความส่องธุรกิจและการตลาดจากจีนนี้เลยครับ…
ซึ่งลักษณะการทานอาหารแบบฉบับโต๊ะจีนในพระราชวังที่ได้ให้เปิดจองไปนั้น จะเปิดให้จองแค่วันละ 3 โต๊ะ ซึ่งแต่ละโต๊ะสามารถนั่งได้แค่ 10 เท่านั้น รวมแล้วราคาจอง 1 โต๊ะก็จะอยู่ที่ประมาณ 30,000 กว่าบาทไทย แน่นอนว่าเมื่อคนจีนได้ยินถึงข่าวที่จะมีการเปิดจองโต๊ะจีนแบบฮ่องเต้เพียงแค่ในราคาต่อหัวคนละ 688 หยวน ต่างก็ต้องสนใจกันอยู่แล้วรวมทั้งตัวผมเอง เพราะการเปิดจองโต๊ะจีนในครั้งนี้ย่อมไม่ธรรมดาเนื่องจากมีรัฐบาลจีนเข้ามาดูแล และใช้สถานที่ในการนั่งรับประทานอาหารสุด Exclusive ที่ตั้งอยู่ในบริเวณรั้วกำแพงพระราชวังปักกิ่งที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ในพระราชวังได้สุดลูกหูลูกตา ถ้าเป็นคุณคุณจะรีบตัดสินใจไหม?! แต่ที่น่าตื่นไปกว่านั้น ทางรัฐบาลจีนไม่ได้บอกถึงรายละเอียดของเมนูอาหารบนโต๊ะจีนที่กำลังจะเปิดจองในเวลาอันใกล้นี้ แถมยังไม่ได้บอกถึงลักษณะการนั่งโต๊ะจีนแบบฮ่องเต้ในครั้งนี้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธ์ทำให้คนยิ่งอยากรู้อยากลองมากขึ้นกว่าเดิม โดยเริ่มเปิดให้นั่งทานได้ในวันตรุษจีนก็คือวันที่ 24 มกราคม ไปจนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ รวมแล้วเป็นทั้งหมด 17 วัน 51 โต๊ะ และคุณเชื่อไหมว่าในวันที่เขาเปิดจองก็คือวันที่ 12 มกราคม ในช่วงเวลากลางวันปรากฎว่าการจองโต๊ะจีนสามารถขายหมดได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงในวันนั้น
2. สินค้าและบริการแต่ละอย่างที่ผลิตออกมาจะต้องมี “เรื่องราว” หรือสตอรี่ผสมผสานในสินค้าชิ้นนั้นไม่มากก็น้อย
3. สินค้าและบริการตามสถานที่ท่องของประเทศจีนจะต้องมี “การสืบทอดหรือสานต่อ” ได้ เช่น ชอบ ใช้ แชร์ เป็นต้น
4. สินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นร้านของชำแบบสมัยเก่าหรือใหม่จะต้องมี “ศิลปะ”
5. ผู้นำเที่ยวหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในประเทศจีน จะต้องมีความสามารถหรือเทคโนโลยีที่สามารถ “เผยแพร่ความรู้” เกี่ยวกับประเทศจีนให้ได้
6. สินค้าและบริการนั้น ๆ จะต้อง “นำไปใช้ได้จริง”
7. สินค้าและบริการของประเทศจีนจะต้องมีความสามารถปรับเปลี่ยนไปตาม “กระแสแฟชั่น” ในปัจจุบันให้ได้
หูฟังที่ออกแบบคล้ายกับสร้อยคอประคำหรือเครื่องประดับของจีน และหลังจากที่ได้นำออกมาขาย ณ ขณะนั้น ปรากฏว่าขายดิบขายดีจนผลิตสินค้าแถมไม่ทัน โดยเฉพาะร้านขายของชำรวยในพระราชวังจีนปักกิ่งที่ได้เปิดขายขสินค้าหลากหลายช่องทางรวมไปถึงเว็บไซต์ “เถาเป่า” ที่เป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์อันดับหนึ่งของประเทศจีน และในปัจจุบันประเทศจีนก็ได้มีการพัฒนาสินค้ามาเรื่อย ๆ ตามมาตรฐานการตลาด 7 ข้อที่ได้วางไว้
สรุปแล้วสิ่งที่คุณสามารถมองเห็นได้ชัดจากบทความนี้ก็คือ ถ้าหากคุณมีการทำการตลาดที่ผิดอย่างไรคุณก็ไม่สามารถปิดการขายได้ เพราะการทำการตลาดที่ถูกต้องคือคุณทำแล้วต้องมียอดขายหรือมีรายได้เข้ามาเท่านั้นเอง ฉะนั้น เมื่อคุณได้อ่านบทความมาจนถึงจุดนี้แล้วคุณคิดว่าคุณสามารถวิเคราะห์การณ์นี้ได้มากน้อยแค่ไหน แล้วมีไอเดียอยากจะหาเงินด้วยกลยุทธ์นี้แล้วหรือไม่ สามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ