อินโดฯ ระงับฉีดแอสตราฯ 1 ล็อต หลังมีคนตาย
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/147605
อินโดนีเซียระงับใช้งานวัคซีนโควิดล็อตหนึ่งของบริษัทแอสตราเซเนกา เพื่อทดสอบหาสิ่งปนเปื้อน หลังพบเคสผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนได้เพียง 1 วัน
กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียประกาศระงับการใช้งานวัคซีนของแอสตราเซเนกา ล็อตที่ได้รับมอบผ่านโครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีวัคซีนทั้งหมด 448,480 โดส
วัคซีนล็อตนี้ถูกแจกจ่ายไปยังกรุงจาการ์ตา จังหวัดสุลาเวสีเหนือ รวมถึงนำไปใช้งานในกองทัพ แต่เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย ได้รับรายงานว่ามีชายวัย 22 ปีในกรุงจาการ์ตา เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนล็อตนี้ได้ 1 วัน จึงสั่งระงับการใช้งานวัคซีนล็อตนี้ไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบว่า มีการปนเปื้อนที่ขวดวัคซีนหรือไม่
เบื้องต้น คาดว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบวัคซีนล็อตนี้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หากได้ผลยืนยันว่า ปลอดเชื้อและไม่พบสิ่งเจือปนที่เป็นพิษ ก็จะกลับมาใช้วัคซีนชุดนี้ต่อไป ส่วนวัคซีนล็อตอื่นๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบ สามารถเดินหน้าฉีดต่อไปได้ตามปกติ ข้อมูลนับจนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา มีชาวอินโดนีเซียฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเกือบ 9 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศกว่า 276 ล้านคน
ที่สิงคโปร์ เมื่อวานนี้ (16 พ.ค.)ยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศ 38 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 8 เดือน ในจำนวนผู้ป่วยใหม่ มี 18 คน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อเดิม และยังพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์อินเดียถึง 7 คน
ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อต่ำในระดับเลขหลักเดียวหรือแทบไม่มีเลยมานานหลายเดือน แต่ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อในประเทศมากขึ้น ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับคลัสเตอร์โรงพยาบาล สนามบิน และล่าสุด ตรวจพบพ่อครัวเรือนจำชางงีติดเชื้อ ทำให้ต้องเร่งตรวจเชิงรุก เพื่อไม่ให้ลุกลามกลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่
ขณะที่ทางการยกระดับมาตรการคุมโควิด-19 ขึ้นสู่ระดับเกือบสูงสุด และจะประเมินสถานการณ์ทุก 2 สัปดาห์ หากยังไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องยกระดับมาตรการสู่ขั้นสูงสุด หรือที่เรียกว่า "
เซอร์กิต เบรกเกอร์" ซึ่งเทียบเท่ากับการล็อกดาวน์
เช่นเดียวกับไต้หวัน เมื่อวานนี้ พบผู้ป่วยโควิด-19 พุ่งทุบสถิติใหม่ 207 คน ซึ่งในจำนวนนี้ มีเพียง 1 คน ที่เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ
ขณะที่รัฐบาลยกระดับมาตรการคุมโควิดขึ้นสู่ระดับสูงสุด จำกัดการเดินทาง และห้ามรวมตัวเกิน 10 คนในที่สาธารณะ พร้อมกันนี้ ยังวิงวอนประชาชนอย่าตื่นตระหนกและแห่กักตุนสินค้า เพราะภาครัฐควบคุมสถานการณ์ได้
ส่วนที่อังกฤษ วันนี้ (17 พ.ค.) จะเป็นวันแรกที่เริ่มคลายล็อกดาวน์เฟส 3 โรงแรม โรงละคร โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ เปิดทำการได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับการแสดงและอีเวนต์ใหญ่ๆ แต่ยังต้องจำกัดผู้เข้าชม
ส่วนประชาชนสามารถรวมกลุ่มในที่ปิดได้สูงสุด 30 คน 2 ครอบครัวสามารถพบปะและพักค้างคืนในบ้านเดียวกันได้ เดินทางไปพักผ่อนในต่างประเทศได้ เฉพาะประเทศที่อยู่ใน "กรีนลิสต์" คือพบการระบาดต่ำ และฉีดวัคซีนได้เยอะ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อิสราเอล สิงคโปร์
ส่วนการมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเพื่อนและครอบครัวอย่างการ "กอด" ก็สามารถทำได้แล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี
บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ และหมั่นเข้ารับการตรวจเชื้อเป็นประจำ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
เผย “โคแวกซิน” ใช้ได้ผลกับสายพันธุ์อินเดีย
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/147637
บริษัทภารตะไบโอเทคของอินเดียเผย วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 “โคแวกซิน” ที่บริษัทพัฒนา มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อ สายพันธุ์ที่พบในอินเดียและอังกฤษ
ภารตะไบโอเทค บริษัทผู้ผลิตวัคซีนสัญชาติอินเดีย อ้างผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Clinical Infectious Diseases ว่า การฉีด “โคแวกซิน” ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันที่มีปฏิกิริยาลบล้างฤทธิ์ต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์หลักๆ ที่กำลังระบาดทั้งหมด ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์ B.1.617 และ B.1.1.7 ที่พบครั้งแรกในอินเดียและอังกฤษ ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลอินเดียเริ่มแจกจ่ายยารักษาอาการโควิด-19 ตัวใหม่ ที่พัฒนาขึ้นในประเทศแล้ววันนี้
ยาดังกล่าวมีชื่อว่า 2-DG (ทู-ดีจี) พัฒนาโดยองค์การวิจัยและพัฒนาด้านกลาโหมของอินเดีย ร่วมกับบริษัทยาเอกชนรายหนึ่ง และได้รับอนุมัติให้ใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉินในโรงพยาบาลในกรุงนิวเดลี เมืองหลวง เป็นแห่งแรก
รัฐบาลอินเดียระบุว่า ผลการทดลองทางคลินิกแสดงให้เห็นว่าตัวยาช่วยให้ผู้ป่วยที่รับการรักษาในโรงพยาบาลฟื้นตัวเร็วขึ้น และช่วยลดการพึ่งพาออกซิเจนเสริม
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเตือนว่า ข้อมูลตีพิมพ์ที่รับรองประสิทธิภาพของยาดังกล่าวในการรักษาอาการโควิด-19 ยังมีไม่มากพอ
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอินเดียยังลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังกระทรวงสาธารณสุขรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 281,386 คน ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถือเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่า 3 แสนครั้งแรก นับตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าตัวเลขดังกล่าวอาจเชื่อถือไม่ได้นัก เนื่องจากยังมีการขาดแคลนการตรวจหาเชื้อในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งเป็นที่ที่ไวรัสกำลังระบาดอย่างรวดเร็ว
ด้าน พญ.
โสมญา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ระบุว่า ยังมีหลายพื้นที่ของอินเดียที่การระบาดยังไม่ถึงจุดที่รุนแรงที่สุด หลายรัฐยังตรวจหาเชื้อได้ไม่มากพอ และจากอัตราการตรวจพบผู้ติดเชื้อที่อยู่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์ นั่นเป็นสัญญาณว่า สถานการณ์ยังเลวร้ายกว่านี้ได้อีก
ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายวัน ยังคงสูงกว่า 4,000 ราย โดยพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 4,106 คน ส่งผลให้ยอดสะสมอยู่ที่ 274,390 คน
JJNY : อินโดฯระงับฉีดแอสตราฯ1ล็อต│เผย“โคแวกซิน”ใช้ได้กับสายพันธุ์อินเดีย│แม่ค้าโอดขายไม่ได้ ยังถูกขโมย│ก.ก.จี้ รมว.ยธ.
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/147605
อินโดนีเซียระงับใช้งานวัคซีนโควิดล็อตหนึ่งของบริษัทแอสตราเซเนกา เพื่อทดสอบหาสิ่งปนเปื้อน หลังพบเคสผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนได้เพียง 1 วัน
กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียประกาศระงับการใช้งานวัคซีนของแอสตราเซเนกา ล็อตที่ได้รับมอบผ่านโครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมีวัคซีนทั้งหมด 448,480 โดส
วัคซีนล็อตนี้ถูกแจกจ่ายไปยังกรุงจาการ์ตา จังหวัดสุลาเวสีเหนือ รวมถึงนำไปใช้งานในกองทัพ แต่เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย ได้รับรายงานว่ามีชายวัย 22 ปีในกรุงจาการ์ตา เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนล็อตนี้ได้ 1 วัน จึงสั่งระงับการใช้งานวัคซีนล็อตนี้ไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบว่า มีการปนเปื้อนที่ขวดวัคซีนหรือไม่
เบื้องต้น คาดว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบวัคซีนล็อตนี้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หากได้ผลยืนยันว่า ปลอดเชื้อและไม่พบสิ่งเจือปนที่เป็นพิษ ก็จะกลับมาใช้วัคซีนชุดนี้ต่อไป ส่วนวัคซีนล็อตอื่นๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบ สามารถเดินหน้าฉีดต่อไปได้ตามปกติ ข้อมูลนับจนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา มีชาวอินโดนีเซียฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเกือบ 9 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศกว่า 276 ล้านคน
ที่สิงคโปร์ เมื่อวานนี้ (16 พ.ค.)ยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศ 38 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 8 เดือน ในจำนวนผู้ป่วยใหม่ มี 18 คน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อเดิม และยังพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์อินเดียถึง 7 คน
ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อต่ำในระดับเลขหลักเดียวหรือแทบไม่มีเลยมานานหลายเดือน แต่ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อในประเทศมากขึ้น ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับคลัสเตอร์โรงพยาบาล สนามบิน และล่าสุด ตรวจพบพ่อครัวเรือนจำชางงีติดเชื้อ ทำให้ต้องเร่งตรวจเชิงรุก เพื่อไม่ให้ลุกลามกลายเป็นคลัสเตอร์ใหม่
ขณะที่ทางการยกระดับมาตรการคุมโควิด-19 ขึ้นสู่ระดับเกือบสูงสุด และจะประเมินสถานการณ์ทุก 2 สัปดาห์ หากยังไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องยกระดับมาตรการสู่ขั้นสูงสุด หรือที่เรียกว่า "เซอร์กิต เบรกเกอร์" ซึ่งเทียบเท่ากับการล็อกดาวน์
เช่นเดียวกับไต้หวัน เมื่อวานนี้ พบผู้ป่วยโควิด-19 พุ่งทุบสถิติใหม่ 207 คน ซึ่งในจำนวนนี้ มีเพียง 1 คน ที่เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ
ขณะที่รัฐบาลยกระดับมาตรการคุมโควิดขึ้นสู่ระดับสูงสุด จำกัดการเดินทาง และห้ามรวมตัวเกิน 10 คนในที่สาธารณะ พร้อมกันนี้ ยังวิงวอนประชาชนอย่าตื่นตระหนกและแห่กักตุนสินค้า เพราะภาครัฐควบคุมสถานการณ์ได้
ส่วนที่อังกฤษ วันนี้ (17 พ.ค.) จะเป็นวันแรกที่เริ่มคลายล็อกดาวน์เฟส 3 โรงแรม โรงละคร โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ เปิดทำการได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับการแสดงและอีเวนต์ใหญ่ๆ แต่ยังต้องจำกัดผู้เข้าชม
ส่วนประชาชนสามารถรวมกลุ่มในที่ปิดได้สูงสุด 30 คน 2 ครอบครัวสามารถพบปะและพักค้างคืนในบ้านเดียวกันได้ เดินทางไปพักผ่อนในต่างประเทศได้ เฉพาะประเทศที่อยู่ใน "กรีนลิสต์" คือพบการระบาดต่ำ และฉีดวัคซีนได้เยอะ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อิสราเอล สิงคโปร์
ส่วนการมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเพื่อนและครอบครัวอย่างการ "กอด" ก็สามารถทำได้แล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ และหมั่นเข้ารับการตรวจเชื้อเป็นประจำ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
เผย “โคแวกซิน” ใช้ได้ผลกับสายพันธุ์อินเดีย
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/147637
บริษัทภารตะไบโอเทคของอินเดียเผย วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 “โคแวกซิน” ที่บริษัทพัฒนา มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อ สายพันธุ์ที่พบในอินเดียและอังกฤษ
ภารตะไบโอเทค บริษัทผู้ผลิตวัคซีนสัญชาติอินเดีย อ้างผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Clinical Infectious Diseases ว่า การฉีด “โคแวกซิน” ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันที่มีปฏิกิริยาลบล้างฤทธิ์ต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์หลักๆ ที่กำลังระบาดทั้งหมด ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์ B.1.617 และ B.1.1.7 ที่พบครั้งแรกในอินเดียและอังกฤษ ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลอินเดียเริ่มแจกจ่ายยารักษาอาการโควิด-19 ตัวใหม่ ที่พัฒนาขึ้นในประเทศแล้ววันนี้
ยาดังกล่าวมีชื่อว่า 2-DG (ทู-ดีจี) พัฒนาโดยองค์การวิจัยและพัฒนาด้านกลาโหมของอินเดีย ร่วมกับบริษัทยาเอกชนรายหนึ่ง และได้รับอนุมัติให้ใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉินในโรงพยาบาลในกรุงนิวเดลี เมืองหลวง เป็นแห่งแรก
รัฐบาลอินเดียระบุว่า ผลการทดลองทางคลินิกแสดงให้เห็นว่าตัวยาช่วยให้ผู้ป่วยที่รับการรักษาในโรงพยาบาลฟื้นตัวเร็วขึ้น และช่วยลดการพึ่งพาออกซิเจนเสริม
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเตือนว่า ข้อมูลตีพิมพ์ที่รับรองประสิทธิภาพของยาดังกล่าวในการรักษาอาการโควิด-19 ยังมีไม่มากพอ
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอินเดียยังลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังกระทรวงสาธารณสุขรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 281,386 คน ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถือเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่า 3 แสนครั้งแรก นับตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าตัวเลขดังกล่าวอาจเชื่อถือไม่ได้นัก เนื่องจากยังมีการขาดแคลนการตรวจหาเชื้อในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งเป็นที่ที่ไวรัสกำลังระบาดอย่างรวดเร็ว
ด้าน พญ.โสมญา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ระบุว่า ยังมีหลายพื้นที่ของอินเดียที่การระบาดยังไม่ถึงจุดที่รุนแรงที่สุด หลายรัฐยังตรวจหาเชื้อได้ไม่มากพอ และจากอัตราการตรวจพบผู้ติดเชื้อที่อยู่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์ นั่นเป็นสัญญาณว่า สถานการณ์ยังเลวร้ายกว่านี้ได้อีก
ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายวัน ยังคงสูงกว่า 4,000 ราย โดยพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 4,106 คน ส่งผลให้ยอดสะสมอยู่ที่ 274,390 คน