[รีวิวซีรีส์] Move To Heaven การเดินทางครั้งสุดท้ายของชีวิต . . สู่ภพภูมิที่ดี



“ตายแล้วไปไหน” . . เคยมีใครถามประโยคนี้กับคุณไหม หรืออาจเป็นคุณที่เคยตั้งคำถามนี้กับใครสักคนมาก่อน หลายคนอยากรู้ แต่ในเมื่อไม่มีใครสามารถกลับมาจากความตายเพื่อบอกเล่าได้ เราจึงเชื่อและปรารถนาให้คนที่เป็นที่รักของใครสักคน คนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ . . ได้ไปอยู่ในที่ที่ดี สงบ ร่มเย็น และเป็นสุขนิรันดร์ . . ที่เรียกตรงกันว่า แดนสวรรค์



Move To Heaven คือ ฮันจองอู และ ฮันกือรู  สองพ่อ-ลูก จากบริษัทเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุที่มีการเสียชีวิตในบ้านหรือในที่พักอาศัย พวกเขาไม่ใช่พนักงานทำความสะอาดทั่วไป แต่คือคนนำ “สารสุดท้าย” จากผู้เสียชีวิตคืนสู่ครอบครัวหรือคนที่รัก ของมีค่าทุกชิ้น ทั้งมีมูลค่าและบ้างก็ไม่มากมูลค่าแต่มีคุณค่าต่อจิตใจ ที่จะบรรจุลงในกล่องสี่เหลี่ยมสีเหลือง นำส่งให้ถึงมือผู้รับด้วยตัวเอง


ฮันจองอูเชื่อว่า สิ่งของในกล่องสี่เหลี่ยมสีเหลืองใบนั้น เต็มไปด้วยเรื่องราวของคนที่จากไป แม้จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่พวกเขาย่อมมีเรื่องราวที่อยากพูดอยากบอก . . ถ้าเราค่อยๆ พิจารณาอย่างใกล้ชิดเราจะเห็นหรือได้ยินในสิ่งที่ผู้เสียชีวิตอยากบอก. . นั่นคือสิ่งที่จองอูสอนกือรูเสมอทุกครั้งที่ออกไปทำงานนี้ด้วยกัน  


ชุดทำงานของกือรูนอกจากยูนิฟอร์ม อีกสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือหูฟังสีขาวกับ playlist เพลงคลาสสิกที่อาจทำให้กือรูมีสมาธิจดจ่ออยู่กับเรื่องราวชีวิตที่บอกเล่าอยู่ในข้าวของตรงหน้า ใครอยากรู้ว่ากือรูฟังเพลงอะไร อยากตามไปฟังด้วย กดดูที่นี่ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


กือรูไม่เหมือนเด็กหนุ่มทั่วไปคนอื่น ในวัย 20 ปี คนอื่นเรียนหนังสือ กือรูทำงานที่ Move To Heaven กับพ่อ คนอื่นเที่ยวเล่นเฮฮา กือรูไปในสถานที่อันไม่น่าพิสมัย หลายครั้งอวลไปด้วยความสยดสยองและโศกตรม กือรูไม่ได้ไปเรียนหนังสือ แต่สมองอัจฉริยะของเขาสามารถจดจำสิ่งต่างๆที่เห็นหรืออ่านเพียงครั้งเดียวได้อย่างแม่นยำราวกับจดบันทึก ความพิเศษอีกอย่างของกือรูคือ เขาเป็นเด็กพิเศษ ในกลุ่มเดียวกับออทิสติก มันอาจจะทำให้เขาใช้ชีวิตในสังคมได้ยากกว่าคนอื่นในแง่ของการสื่อสารและรับรู้ทางอารมณ์ นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาบกพร่องในแง่ของคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรมแม้แต่นิดเดียว


แม่จากไปตั้งแต่วัยสาวด้วยปัญหาสุขภาพ กือรูดำเนินชีวิตปกติสุขดีอยู่กับพ่อที่รักและคอยสอนทุกอย่างให้กือรูเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้หากวันหนึ่งพ่อต้องจากไป แต่วันนั้นมาถึงเร็วเกินกว่าที่พ่อจะคาดคิด 


การจากไปอย่างกะทันหันของพ่อ  กือรูจำเป็นต้องมีผู้ปกครอง ในวันที่โจซังกูมาปรากฏตัวหน้า Move To Heaven เป็นครั้งแรกที่กือรูได้รับรู้ว่าผู้ชายคนนี้คือญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ เมื่อพ่อระบุไว้ในพินัยกรรม และกือรูต้องเรียกเขาว่า คุณอา ที่ไม่มีอะไรเหมือนพ่อเลยสักนิด กือรูยังทำใจไม่ได้ต่อการจากไปของพ่อ แต่งานเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุยังต้องดำเนินต่อไป พ่อมั่นใจว่ากือรูทำได้ 


จองอูอาจเชื่อมั่นว่าจะฝากชีวิตกือรูไว้กับซังกูได้ แม้ว่ามันจะดูวุ่นวายทุลักทุเล แต่ด้วยความช่วยเหลือและสอดส่องอย่างเข้มงวดของเพื่อนซี้นามู . . เพื่อน, ผู้ช่วย, และนักสืบจำเป็นด้วยในบางที 


คุณอาซังกู ประวัติโชกโชน เพิ่งพ้นโทษออกจากคุก ดูมีพิรุธ ชอบหายตัวตอนดึกๆ ทุกการเคลื่อนไหวอยู่ในสายตาของนามู และด้วยเงื่อนไขของพินัยกรรม ภายในเวลา 3 เดือน ทั้งงานเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุและในหน้าที่ผู้ปกครอง กือรูกับซังกูจะปรับตัวให้เข้ากันได้หรือไม่ ตราบที่ยังไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับกือรู ในความลับๆ ล่อๆ ของคุณอา ทั้งๆ ที่ซังกูมีความเจ็บช้ำฝังใจในอดีตกับจองอู อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ซังกูต้องการเป็นผู้ปกครองกือรู เป้าหมายของเขาคืออะไรกันแน่ 

 
คุณอา ที่ซกมก เสียงดัง และสู้เก่ง อาจไม่ได้ดูแลกือรูได้ดีเท่าพ่อ แต่ก็ยอมทำในสิ่งที่กือรูขอ ทั้งที่เต็มใจและสถานการณ์บังคับ คุณอาอาจดูเหมือนคนเกเรชอบต่อยตี แต่คุณอาไม่เคยตีกือรู ต่อให้กือรูมีปัญหาในการทำความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่น แต่กือรูรับรู้ได้ถึงความใส่ใจของคุณอา อาจไม่ได้แจ่มแจ้งเหมือนที่พ่อแสดงออก แต่ก็ชัดเจนพอที่กือรูจะเข้าใจและสัมผัสได้    

 
ความใสซื่อและซื่อตรงของกือรู ความดีความรักของจองอู ความเข้าใจผิดที่ถูกคลี่คลาย ละลายความแข็งกร้าวของซังกูทีละนิดทีละน้อย ยิ่งผ่านการเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุไปแต่ละครั้ง กับเรื่องราวชีวิต ความหวัง ความฝัน ความรัก ความสุข ความทุกข์ของผู้คนทุกเพศทุกวัยที่จากไปเหล่านั้น ทำให้ซังกูมองชีวิตอย่างเข้าใจและอ่อนโยนมากขึ้นด้วยเนื้อแท้ในจิตใจของเขา 


ในขณะที่กือรูและซังกูได้เรียนรู้กันและกันในระหว่างการใช้ชีวิตอยู่ร่วมบ้านและร่วมงาน คนดูก็ได้สัมผัสกับคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ผ่านการเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุของสองอา-หลานในแต่ละคดี 
 


เมื่อกือรูบอกว่า หูของคุณอาเป็นสีชมพู เพราะพี่สาวคนนั้นที่คุณอาคุยด้วยเมื่อนาทีก่อนหน้า เอ้ย ! ไม่ใช่ๆ เพราะหัวใจเต้นเร็วขึ้น ทำให้เลือดสูบฉีด เฉยๆ ๕๕๕๕



ทังจุนซัง เป็น ฮันกือรู ผู้ใสซื่อและซื่อตรงอย่างน่าชื่นชม ต่อให้กือรู ไม่ได้มีความบกพร่องทางการสื่อสารและการรับรู้อารมณ์ของผู้คน ด้วยการเลี้ยงดูให้ความรักความเข้าใจและคำสั่งสอนที่ดีจากพ่อ ฉันยังเชื่อว่ากือรูจะเติบโตเป็นชายหนุ่มที่ซื่อตรงและเป็นคนดีในสังคมคนหนึ่ง


หลายคนอาจคุ้นหน้าเขามาก่อนแล้วจากผลงานที่สุดโด่งดังเรื่องหนึ่งของปีที่ผ่านมา น้องมาจากเกาหลีเหนือค่ะ มากันเป็นแกงค์มีสี่คนถ้าไม่นับหัวหน้าแกงค์ นึกกันออกแล้วใช่ไหมคะ ๕๕๕ ทังจุนซังในเรื่องนี้ ถ่ายทอดความบกพร่องของกือรูให้กลายเป็นความพิเศษได้อย่างน่ารักน่าเอ็นดูมากค่ะ


อีเจฮุน เป็น โจซังกู คุณอา ที่เป็นคนดีอย่างน่าสับสน ๕๕๕ จากผลงานล่าสุดที่กำลังออกอากาศพร้อมกัน สลัดชุดคนขับแท็กซี่แว้บหนึ่งมาเป็นนักมวย fighter ที่ต้องมาทำงานเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุที่มีผู้เสียชีวิต พร้อมไปกับการเป็นผุ้ปกครองของเด็กพิเศษ ที่อัจฉริยะชนิดโลกต้องจำ ในบทบาทความเป็นนักชกเรื่องนี้ เจฮุนทั้งฟิตหุ่นและเปลี่ยนสไตล์ทรงผม-การแต่งตัวได้เหมือนนักชกตัวจริงมากแบบมากๆ ค่ะ ยกนิ้วให้เขาในความทุ่มเททำงานหนักเพื่อให้สมบทบาทจริงๆ ค่ะ (ปรบมือ) ส่วนการแสดงของเขานั้น เชื่อว่าหลายคนได้พิสูจน์ความสามารถของเขามาจนหมดข้อกังขาใดๆ แล้ว 


เจฮุนกล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์หนึ่งว่า “ครั้งแรกที่ได้อ่านสคริปต์ ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเคยรู้สึกเห็นอกเห็นใจและเสียน้ำตามากมายขนาดนี้มาก่อนไหมกับเรื่องราวสถานการณ์ของตัวละครเหล่านั้น นี่เป็นซีรีส์ที่พูดถึงความเป็นมนุษย์ที่ดีมากๆเรื่องหนึ่ง ผมหวังว่าจะมีผู้ชมจำนวนมากได้รับชมซีรีส์เรื่องนี้”


จีจินฮี เป็น ฮันจองอู คุณพ่อที่แสนอบอุ่น อ่อนโยนและเข้มแข็งไปพร้อมกัน ในขณะที่เขามีผลงานที่กำลังออกอากาศอีกเรื่องพร้อมกัน ในบทของคุณพ่อสายลับที่มีลูกชายวัยรุ่นที่มีอาการออทิสติกเหมือนกับเรื่องนี้เป๊ะเลย 


นักแสดงสมทบและนักแสดงรับเชิญทุกคนทำหน้าที่ได้อย่างมีสีสันมากๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่


ในความก๋ากั่นเก๋าโก๋ของคุณอาซังกูแบบที่พ่อไม่มี และความตื่นเต้นระทึกใจหลายครั้งที่คุณอานำพามาสู่ชีวิตกือรูอย่างที่พ่อคงไม่ทำ ใครจะไปรู้ล่ะคะว่านั่นอาจเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เข้ามาทำให้กือรูเริ่มยิ้มเป็นและอาจไปถึงขั้นหัวเราะได้ น้ำตาไหลได้ ทั้งเวลาที่เสียใจและมีความสุข 
 

คุณอาจะได้อยู่ต่อกับ Move To Heaven ของกือรู หรือจำต้อง Move On ไปเพียงลำพัง เป็นหน้าที่ของคุณที่จะไปหาคำตอบจากคุณลุงทนายในท้ายที่สุด แต่ที่บอกได้คือ


เผลอๆ ฉันว่าคุณอาซังกูอาจเป็นแรงบันดาลที่ทำให้กือรูได้เข้าใจถึงความรู้สึกของการมีผีเสื้อกระพือปีกอยู่ในหัวใจแล้วทะยานออกไปทางดวงตาก็ได้ 


Move To Heaven บทละครที่พัฒนามาจากหนังสือของผู้ที่เป็นคนเกาหลีคนแรกที่ทำหน้าที่เก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุที่มีผู้เสียชีวิต สารจาก Move To Heaven เรื่องนี้ก็ทำให้ฉันเชื่อว่าผู้ชมจะตระหนักรู้ถึงคุณค่าของการมีชีวิต และใส่ใจคนอื่นที่อยู่รายล้อมรอบตัวแม้เขาจะไม่ใช่เพื่อนไม่ใช่ญาติพี่น้องหรือไม่ใช่แม้กระทั่งคนรู้จักก็ตาม ใครสักคนที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และเราอาจกลายเป็นคนที่ช่วยเหลือให้เขาหลุดพ้นจากความทุกข์นั้นได้เพียงเพราะเราไม่ได้ละเลยหรือเมินเฉยต่อผู้อื่น 

 
งานเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุและนำส่ง “สารสุดท้าย” ของผู้เสียชีวิตสู่ครอบครัวของพวกเขาอย่างเคารพและให้เกียรติ ด้วยการพิจารณาสิ่งของทุกชิ้นอย่างใกล้ชิด ทำให้บางครั้งกลายเป็นการพิสูจน์ความจริงและคืนความบริสุทธิ์แด่ผู้เสียชีวิตอย่างยุติธรรม และย่อมเป็นการส่งดวงวิญญาณนั้นในการเดินทางครั้งสุดท้ายของชีวิต ไปสู่ “ภพภูมิที่ดี” อย่างแท้จริง


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่