พ.ศ.2564 ประเทศไทยได้เหยียบย่างเข้าสู่ภาวะวิกฤติอย่างเต็มรูปแบบ ชาวบ้านร้านค้าต้องตกระกำลำบากทนทุกข์กับความเสื่อมถอยทางจิตใจ อันเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และโรคระบาดที่คุกคาม คนเฒ่าคนแก่หลายคนได้แต่นั่งปลงตกกับชีวิต หากตายไปเสียในตอนนี้ก็คงนอนตายตาไม่หลับ ห่วงลูกหลานว่าจะเป็นเช่นไรหนอในอนาคต จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับแผ่นดินแม่ของเรา บ้านเมืองจะร้อนระอุดั่งได้พาตัวเองเข้าไปชิมลางเหยียบพื้นนรกภูมิเสียตั้งแต่ยังมิทันได้สิ้นใจกลายเป็นผี
ปู่หาญ ผู้เฒ่าชาวแม่เฉยผู้มีตำแหน่งเป็นเกษตรกรเต็มขั้น ยืนหน้าละห้อยมองผลพืชผลที่แกลงทุนลงแรงปลูกเพื่อขายหวังกำไรมาจุนเจือครอบครัว แต่ด้วยพิษเศรฐกิจเช่นนี้ สิ่งต่าง ๆ ที่แกหวังไว้กลับตาลปัตร
พ่อค้าที่เคยขับรถกระบะคันโก้เข้ามาติดต่อซื้อผลผลิตของแกก็หายหน้า ข่าวแว่วมาว่าเขาเป็นหนี้ก้อนโต ถึงขนาดขายรถขายบ้านก็ยังไม่พอใช้หนี้ สุดท้ายก็หอบข้าวของหนีหายเข้ากลีบเมฆไป
"เฮ่อ! แล้วแบบนี้ครอบครัวกูจะอยู่ยังไง"
ปู่หาญรำพันกับตนเอง น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาที่คอยเล่นตลกกลั่นแกล้ง ไหลลงอาบแก้มที่เหี่ยวย่นเป็นสาย
"ปู่ ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น"
พงษ์ หลานชายเพียงคนเดียวของปู่หาญเข้ามาประคองร่างปู่ที่กำลังจะทรุดกายลงนั่งกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
"ถ้าเป็นแบบนี้เราอดตายกันแน่ไอ้พงษ์เอ๊ย" ปู่หาญคร่ำครวญ
พงษ์ได้แต่มองหน้าผู้เป็นปู่พูดอะไรไม่ออก เขาเองก็เพิ่งถูกโรงงานที่ทำมานานหลายปีเลิกจ้าง เหตุผลนั้นก็มาจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และการบริหารงานของรัฐบาลที่ห่วยแตก จากที่เขาเคยได้เงินเป็นประจำทุกเดือน แม้ว่าช่วงหน้าแร้งพืชไร่ต่าง ๆ จะไม่ได้ผลผลิตที่คุ้มค่าต่อการลงทุน แต่ครอบครัวเขาก็ไม่เคยต้องเดือดร้อนขัดสนแบบนี้
"แบบนี้มันเหมือนโดนโจรปล้นเลย" พงษ์พูดขึ้น
"ไม่หรอกไอ้พงษ์เอ๊ย! โจรน่ะถึงเค้าจะปล้น เค้าก็ไม่ได้ทำให้เราอดอยากปากแห้งไปทั่วแบบนี้ เค้าปล้นเอาแต่สิ่งที่อยากได้แค่นั้นแหละ ได้แล้วเค้าก็ไป"
"เค้า? ทำไมปู่พูดเหมือนยกย่องคนที่เป็นโจรแบบนั้นล่ะครับ โจรคือคนชั่วไม่ใช่เหรอครับ" พงษ์ถามอย่างสงสัย
"ไม่หรอก โจรดี ๆ ก็มี โจรที่เค้ายึดมั่นในคุณธรรม โจรที่ชาวบ้านร้านตลาดไม่รังเกียจเดียดฉันท์ โจรที่เป็นคนดีกว่าข้าราชการในเครื่องแบบ โจรที่ทำตัวไม่เหมือนโจร"
ปู่หาญพูด แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีครามที่หมู่เมฆหนาสีขาวปนเทากำลังเคลื่อนตัวเข้าเกาะกลุ่มกัน มันเป็นสัญญาณเตือนว่าไม่ช้าไม่นาน ฝนแรกกำลังจะโปรยปรายลงมา
"โจรแบบนั้นมีด้วยเหรอครับ" พงษ์ถาม
"มีสิ ไม่ใช่คนเดียวนะ มีถึงสี่คนเลยล่ะ"
ปู่หาญตอบ เขาสบตาหลานชายแล้วเลื่อนสายตาไปมองทิวไม้หนาทึบบริเวณตีนเขาลูกใหญ่ เทือกเขานี้เป็นเขตกั้นระหว่างสองจังหวัดที่เพียงเอ่ยชื่อไปใคร ๆ ก็ต้องร้องอ๋อ!
"คนนึงที่ข้ารู้จัก ก็คือเสือคง เสือคงแห่งเขาพลึง"
"เสือคงแห่งเขาพลึง?" พงษ์ทวนคำพูด
"ใช่ เสือคงผู้นี้แหละ โจรที่ไม่เคยทำตัวให้สมกับการเป็นโจร" ปู่หาญพูด
เขาพลึง เป็นเทือกเขาที่กั้นระหว่างจังหวัดอุตรดิตถ์กับจังหวัดแพร่ ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนและยังมีพื้นที่กว้างขวางกินอาณาเขตสองอำเภอของจังหวัดอุตรดิตถ์ และอีกหนึ่งอำเภอของจังหวัดแพร่
ป่าไม้ที่ขึ้นทึบจนทำให้เมื่อมองจากด้านบนลงไปไม่สามารถมองเห็นพื้นเบื้องล่าง จะเห็นก็แต่สีเขียวชอุ่มไกลสุดลูกหูลูกตา ที่นี่จึงขึ้นชื่อเรื่องเป็นสถานที่ทิ้งศพ ไม่ว่าจะถูกฆ่ามาจากที่อื่นหรือฆ่าบริเวณนั้น ศพก็จะถูกโยนจากยอดเขาที่มีถนนตัดผ่าน กว่าจะถูกพบก็เน่าเปื่อยย่อยสลายไปตามกาลเวลา
ชาวบ้านที่เป็นคนพื้นที่ จะมีอาชีพล่าสัตว์และหาของป่า บ่อยครั้งที่นอกจากจะได้ของป่ากลับบ้านแล้ว ยังมีการพบศพเป็นของแถม เล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อกันเป็นแถว
ในสมัยก่อนที่บ้านเมืองยังไม่เจริญด้วยวัตถุดังเช่นทุกวันนี้ ท้องถนนหากไม่ใช่สายหลักแล้ว พื้นถนนจะไม่ได้ลาดยางมะตอยดำมืดดังที่เห็นถนนหลายเส้นยังคงเป็นดินแดง การเดินทางเพื่อติดต่อทำธุระต่างพื้นที่นั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่จะนิยมเดินตัดลัดเลาะเข้าป่าเนื่องจากช่วยย่นระยะทางได้ไม่มากก็น้อย แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าการเดินเข้าป่านั้นเปรียบเสมือนการก้าวขาเหยียบย่างเข้าสู่ความตายเพราะในป่ามีอันตรายมากมายแฝงเร้นอยู่ ทั้งการหลงป่า สัตว์ร้าย ไข้ป่า และโพยภัยสารพัดที่จะเป็นไปได้
นอกจากความน่ากลัวของผืนป่าหนาทึบ สัตว์ร้ายที่ชุกชุม ผีสางนางไม้ ยังมีภัยคุกคามอีกอย่างที่มักเข้ามาทำร้ายร่างกายและจิตใจของชาวบ้าน นั่นคือโจร
โจรต่างถิ่นที่มักจะเข้าปล้นหมู่บ้านด้วยหวังในทรัพย์สินของมีค่า และด้วยความโฉดชั่วพวกหญิงสาวในหมู่บ้านยังถูกฉุดคร่าเอาไปทำมิดีมิร้าย แม้ชาวบ้านจะเข้าร้องทุกข์กับทางการ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น อย่างมากก็แค่ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วก็กลับไป สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป
ยิ่งเป็นเช่นนี้กลุ่มโจรชั่วยิ่งคะนอง ออกปล้นสร้างความเดือดร้อนไปทั่วทุกหัวระแหง หนึ่งในกลุ่มโจรที่โด่งดังขณะนั้นคือกลุ่มของเสือชัย
มันข้ามมาจากฝั่งลาว เข้ามาตั้งก๊กอยู่ที่บ้านนา-นก-กก มันจะออกปล้นเพื่อความสะใจ ฆ่าเจ้าทรัพย์ทุกรายแม้จะไม่ขัดขืน หากบ้านไหนมีลูกสาวมันจะลากกลับไปที่พักเพื่อสนองตัญหา
และวันนี้ก็เช่นกัน ระหว่างที่มันกำลังเดินทางกลับจากการปล้นบ้านเศรษฐีเจ้าของสวนทุเรียน นอกจากทรัพย์สินมากมายที่มันปล้นมา ยังมีหญิงสาวสองคนถูกผูกข้อมือด้วยเชือก แถมยังมีชายหนุ่มที่สภาพสะบักสะบอมราวถูกซ้อมอย่างหนักเดิดตุปัดตุเป๋ตามแรงลาก พวกมันลากพวกเขาให้เดินตาม หญิงสาวก็พยายามดิ้นรนขัดขืนสุดฤทธิ์ จึงมีการทำร้ายร่างกายบังคับขืนใจให้ยินยอมกันพอหอมปากหอมคอ
ขณะที่กำลังถูลู่ถูกังลากทั้งคนและของมีค่ากลับพี่พัก กลุ่มโจรเสือชัยก็ต้องฉงน เมื่อมองเห็นว่ากลางทางมีใครคนหนึ่งก่อไฟตั้งหม้อต้มน้ำขวางทางอยู่
"เฮ้ย! มืงเป็นใครวะมาก่อกองไฟขวางทางเดินกู หลีก!!" เสือชัยตะโกนถาม
เงียบ ชายคนนั้นไม่ตอบคำถาม ยังคงตั้งหน้าตั้งตาดุนท่อนฟืนเพื่อเพิ่มเชื้อไฟในกองให้ลุกโชน
"อ้าว! ไอ้เวรนี่ ลูกพี่กูถามทำไมไม่ตอบวะ นี่เสือชัยนะโว้ย เสือชัยรู้จักมั๊ย"
หนึ่งในสมุนของเสือชัยแหกปากประกาศศักดาลูกพี่
"อ่อ! เสือชัยเรอะ" ชายคนนั้นพูดพลางลุกขึ้นช้า ๆ ใช้มือปัดฝุ่นออกจากก้นกางเกง
"เออ! เสือชัย รู้แล้วก็หลีกทางไปก่อนที่มืงจะไส้แตก" ลูกสมุนคนเดิมพูดขึ้น มันควักปืนลูกซองสั้นออกมาจากเอว เล็งปลายกระบอกปืนไปที่ชายลึกลับเพื่อข่มขู่
"แล้วคนไหนกันล่ะเสือชัยผู้โด่งดังน่ะ พอดีชั้นจะเอาหัวไปขึ้นเงินกับทางการ ถ้ารู้ตัวแล้วจะได้จัดการถูก ไอ้จะให้ตัดหัวทุกคนคงแบกไปไม่ไหว"
ชายลึกลับพูด เขาควักเอายาฉุนออกมาพันอย่างเชื่องช้าเสร็จแล้วก็คาบไว้มุมปาก จากนั้นก็ก้มลงไปหยิบท่อนฟืนที่ติดไฟจนแดงโร่ขึ้นมาจี้ปลายอีกด้าน อัดควันเข้าปอดแล้วพ่นออกมาอย่างสบายใจ
"ไอ้เวรนี่! วอนนักนะมืง!!" ลูกสมุนคนเดิมตะโกนอย่างเดือดดาลก่อนทำท่าจะเหนี่ยวไกปืน
"
นะ บังดิน โม บังไฟ พุท บังลูก ธา มิให้ออกฯ" ชายปริศนาพึมพัมเบา ๆ
ปัง!!! "อ๊ากก!!!"
สิ้นเสียงปืน มือข้างที่ถือปืนของมันก็มีอันต้องกระจุย เนื่องจากปืนเกิดขัดลำกล้อง ด้วยแรงระเบิดของดินปืนที่อัดแน่นรอการจุดระเบิดและส่งลูกตะกั่วเข้าหาเป้าหมาย กระบอกปืนแบบไทยประดิษฐ์ก็เกิดแตกเป็นเสี่ยง ๆ แรงระเบิดนั้นฉีกมือเจ้าของปืนออกเป็นชิ้น ๆ เลือดสาดกระจาย เศษนิ้วมือและชิ้นเนื้อกระเด็นไปทั่ว
"โอ๊ย! มือกู!! โอ๊ย!!!!"
มันร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ยิ่งมองเห็นสภาพมือของตัวเองที่บัดนี้เหลือแต่นิ้วก้อยนิ้วเดียว ยิ่งทำให้ตกใจตาเหลือกลานร้องลั่น
"มีดีเหมือนกันนี่ คาถาอุดปืนรึ" เสือชัยพูดขึ้นยิ้มมุมปาก
ชายปริศนาไม่ตอบ ยังคงยืนพ่นควันยาฉุนสบายใจเฉิบ ไม่ได้ตกใจกริ่งเกรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
"งั้นกูขอลองหน่อยได้มั๊ย อยากรู้เหมือนกันว่าอาคมมืงกับกู ใครจะเหนือกว่ากัน" เสือชัยพูดขึ้นน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
"
ตะโต โพธิสัตโต ราชะสิงโห วะมะหิตธิโกฯ"
เสือชัยท่องคาถาข่มศัตรูออกมาก่อนกระทืบเท้าลงพื้นเสียงดังเป็นการตัดไม้ข่มนาม ชักดาบเล่มยาวคมขาววาววับสะท้องแสงจากกองไฟ เดินเข้าหาอย่างประทุษร้าย ชายปริศนาเห็นดังนั้นก็รีบแก้ทางทันที
"
พุทธัง บังจักขุ ปติลิยะติ สูญญังฯ"
เขาหลับตาท่องคาถาแก้ศัตรูเช่นกัน จากนั้นเขาก็กระชากมีดทรงอรัญญิกที่เหน็บอยู่ด้านหลังออกมา ตรงรี่เข้าหาเสือชัยอย่างไม่เกรงกลัว
สองชายตรงรี่หากัน
ประชันฝีมือดุเดือด
ต่างฝ่ายต่างอยากเห็นเลือด
ศัตรูคู่แค้นหลั่งไหล
เสือชัยเหวี่ยงดาบเล่มยาว
เสียงฟ้าวผ่าลมผ่านไหล่
ชายหนุ่มแทงสวนเข้าไป
สุดแรงเข้าใต้ราวนม
ใบมีดมิอาจทะลุ
สมุนศัตรูร้องขรม
เอะอะร้องร่ำคำชม
หนังเหนียวสมเป็นเสือชัย
ฝ่ายหัวหน้าโจรใจกล้า
เสียหน้าจนเกินวิสัย
บังอาจจ้วงแทงเสือชัย
เอาไว้ไม่ได้ต้องม้วย
ควักปืนออกมาจากเอว
รวดเร็วจังหวะฉาบฉวย
เหนี่ยวไกแล้วให้งงงวย
ปืนด้านได้อย่างไรกัน
จังหวะเป็นตายเพียงเสี้ยว
เสียวแปลบข้างลำคอนั่น
ตาเหลือกสิ้นลมโดยพลัน
จบกันสิ้นชื่อเสือชัย
ชายหนุ่มปริศนาออกแรงลากมีดยาวลงมาตั้งแต่ต้นคอจนถึงท้องน้อย เลือดทะลักออกมาตามรอยผ่าของมีดจนแดงฉานนองพื้น เครื่องในตับไตไส้พุงของเสือชัยปลิ้นหลุดออกมากองข้างนอก เสือชัยนอนแน่นิ่งสิ้นใจตายอยู่ตรงนั้น ศีรษะหมอบแทบเท้าราวกับยอมศิโรราบ
เหล่าสมุนต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น เสือชัยผู้เรืองอาคม ไม่เคยมีผู้ใดเรียกเลือดจากเขาได้ กลับพ่ายแพ้ให้แก่ชายหนุ่มปริศนา ถูกคมมีดผ่ากลางลำตัวตายอนาถจมกองเลือด
"มะ มืงเป็นใครวะ?" หนึ่งในลูกสมุนถามขึ้นหวาด ๆ
"กูชื่อคง จากวันนี้พวกมืงจงจำไว้ บอกพวกโจรทุกก๊กทุกเหล่าที่คิดจะเข้ามาหากินในถิ่นนี้ ถ้ายังรักชีวิตก็ให้ม้วนหางกลับไปซะ"
"คะ คะ คง? เสือคงคนนั้นรึ ก็ไหนว่าวางมือไปแล้ว"
"หรือพวกมืงอยากจะลองค้นหาคำตอบดู ว่ากูวางมือไปแล้วหรือยัง" เสือคงพูด
(มีต่อนะครับ)
โค่นพยัคฆ์ 1. โจรกับเสือ
พ.ศ.2564 ประเทศไทยได้เหยียบย่างเข้าสู่ภาวะวิกฤติอย่างเต็มรูปแบบ ชาวบ้านร้านค้าต้องตกระกำลำบากทนทุกข์กับความเสื่อมถอยทางจิตใจ อันเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และโรคระบาดที่คุกคาม คนเฒ่าคนแก่หลายคนได้แต่นั่งปลงตกกับชีวิต หากตายไปเสียในตอนนี้ก็คงนอนตายตาไม่หลับ ห่วงลูกหลานว่าจะเป็นเช่นไรหนอในอนาคต จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับแผ่นดินแม่ของเรา บ้านเมืองจะร้อนระอุดั่งได้พาตัวเองเข้าไปชิมลางเหยียบพื้นนรกภูมิเสียตั้งแต่ยังมิทันได้สิ้นใจกลายเป็นผี
ปู่หาญ ผู้เฒ่าชาวแม่เฉยผู้มีตำแหน่งเป็นเกษตรกรเต็มขั้น ยืนหน้าละห้อยมองผลพืชผลที่แกลงทุนลงแรงปลูกเพื่อขายหวังกำไรมาจุนเจือครอบครัว แต่ด้วยพิษเศรฐกิจเช่นนี้ สิ่งต่าง ๆ ที่แกหวังไว้กลับตาลปัตร
พ่อค้าที่เคยขับรถกระบะคันโก้เข้ามาติดต่อซื้อผลผลิตของแกก็หายหน้า ข่าวแว่วมาว่าเขาเป็นหนี้ก้อนโต ถึงขนาดขายรถขายบ้านก็ยังไม่พอใช้หนี้ สุดท้ายก็หอบข้าวของหนีหายเข้ากลีบเมฆไป
"เฮ่อ! แล้วแบบนี้ครอบครัวกูจะอยู่ยังไง"
ปู่หาญรำพันกับตนเอง น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาที่คอยเล่นตลกกลั่นแกล้ง ไหลลงอาบแก้มที่เหี่ยวย่นเป็นสาย
"ปู่ ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น"
พงษ์ หลานชายเพียงคนเดียวของปู่หาญเข้ามาประคองร่างปู่ที่กำลังจะทรุดกายลงนั่งกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
"ถ้าเป็นแบบนี้เราอดตายกันแน่ไอ้พงษ์เอ๊ย" ปู่หาญคร่ำครวญ
พงษ์ได้แต่มองหน้าผู้เป็นปู่พูดอะไรไม่ออก เขาเองก็เพิ่งถูกโรงงานที่ทำมานานหลายปีเลิกจ้าง เหตุผลนั้นก็มาจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และการบริหารงานของรัฐบาลที่ห่วยแตก จากที่เขาเคยได้เงินเป็นประจำทุกเดือน แม้ว่าช่วงหน้าแร้งพืชไร่ต่าง ๆ จะไม่ได้ผลผลิตที่คุ้มค่าต่อการลงทุน แต่ครอบครัวเขาก็ไม่เคยต้องเดือดร้อนขัดสนแบบนี้
"แบบนี้มันเหมือนโดนโจรปล้นเลย" พงษ์พูดขึ้น
"ไม่หรอกไอ้พงษ์เอ๊ย! โจรน่ะถึงเค้าจะปล้น เค้าก็ไม่ได้ทำให้เราอดอยากปากแห้งไปทั่วแบบนี้ เค้าปล้นเอาแต่สิ่งที่อยากได้แค่นั้นแหละ ได้แล้วเค้าก็ไป"
"เค้า? ทำไมปู่พูดเหมือนยกย่องคนที่เป็นโจรแบบนั้นล่ะครับ โจรคือคนชั่วไม่ใช่เหรอครับ" พงษ์ถามอย่างสงสัย
"ไม่หรอก โจรดี ๆ ก็มี โจรที่เค้ายึดมั่นในคุณธรรม โจรที่ชาวบ้านร้านตลาดไม่รังเกียจเดียดฉันท์ โจรที่เป็นคนดีกว่าข้าราชการในเครื่องแบบ โจรที่ทำตัวไม่เหมือนโจร"
ปู่หาญพูด แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีครามที่หมู่เมฆหนาสีขาวปนเทากำลังเคลื่อนตัวเข้าเกาะกลุ่มกัน มันเป็นสัญญาณเตือนว่าไม่ช้าไม่นาน ฝนแรกกำลังจะโปรยปรายลงมา
"โจรแบบนั้นมีด้วยเหรอครับ" พงษ์ถาม
"มีสิ ไม่ใช่คนเดียวนะ มีถึงสี่คนเลยล่ะ"
ปู่หาญตอบ เขาสบตาหลานชายแล้วเลื่อนสายตาไปมองทิวไม้หนาทึบบริเวณตีนเขาลูกใหญ่ เทือกเขานี้เป็นเขตกั้นระหว่างสองจังหวัดที่เพียงเอ่ยชื่อไปใคร ๆ ก็ต้องร้องอ๋อ!
"คนนึงที่ข้ารู้จัก ก็คือเสือคง เสือคงแห่งเขาพลึง"
"เสือคงแห่งเขาพลึง?" พงษ์ทวนคำพูด
"ใช่ เสือคงผู้นี้แหละ โจรที่ไม่เคยทำตัวให้สมกับการเป็นโจร" ปู่หาญพูด
เขาพลึง เป็นเทือกเขาที่กั้นระหว่างจังหวัดอุตรดิตถ์กับจังหวัดแพร่ ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนและยังมีพื้นที่กว้างขวางกินอาณาเขตสองอำเภอของจังหวัดอุตรดิตถ์ และอีกหนึ่งอำเภอของจังหวัดแพร่
ป่าไม้ที่ขึ้นทึบจนทำให้เมื่อมองจากด้านบนลงไปไม่สามารถมองเห็นพื้นเบื้องล่าง จะเห็นก็แต่สีเขียวชอุ่มไกลสุดลูกหูลูกตา ที่นี่จึงขึ้นชื่อเรื่องเป็นสถานที่ทิ้งศพ ไม่ว่าจะถูกฆ่ามาจากที่อื่นหรือฆ่าบริเวณนั้น ศพก็จะถูกโยนจากยอดเขาที่มีถนนตัดผ่าน กว่าจะถูกพบก็เน่าเปื่อยย่อยสลายไปตามกาลเวลา
ชาวบ้านที่เป็นคนพื้นที่ จะมีอาชีพล่าสัตว์และหาของป่า บ่อยครั้งที่นอกจากจะได้ของป่ากลับบ้านแล้ว ยังมีการพบศพเป็นของแถม เล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อกันเป็นแถว
ในสมัยก่อนที่บ้านเมืองยังไม่เจริญด้วยวัตถุดังเช่นทุกวันนี้ ท้องถนนหากไม่ใช่สายหลักแล้ว พื้นถนนจะไม่ได้ลาดยางมะตอยดำมืดดังที่เห็นถนนหลายเส้นยังคงเป็นดินแดง การเดินทางเพื่อติดต่อทำธุระต่างพื้นที่นั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่จะนิยมเดินตัดลัดเลาะเข้าป่าเนื่องจากช่วยย่นระยะทางได้ไม่มากก็น้อย แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าการเดินเข้าป่านั้นเปรียบเสมือนการก้าวขาเหยียบย่างเข้าสู่ความตายเพราะในป่ามีอันตรายมากมายแฝงเร้นอยู่ ทั้งการหลงป่า สัตว์ร้าย ไข้ป่า และโพยภัยสารพัดที่จะเป็นไปได้
นอกจากความน่ากลัวของผืนป่าหนาทึบ สัตว์ร้ายที่ชุกชุม ผีสางนางไม้ ยังมีภัยคุกคามอีกอย่างที่มักเข้ามาทำร้ายร่างกายและจิตใจของชาวบ้าน นั่นคือโจร
โจรต่างถิ่นที่มักจะเข้าปล้นหมู่บ้านด้วยหวังในทรัพย์สินของมีค่า และด้วยความโฉดชั่วพวกหญิงสาวในหมู่บ้านยังถูกฉุดคร่าเอาไปทำมิดีมิร้าย แม้ชาวบ้านจะเข้าร้องทุกข์กับทางการ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น อย่างมากก็แค่ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วก็กลับไป สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป
ยิ่งเป็นเช่นนี้กลุ่มโจรชั่วยิ่งคะนอง ออกปล้นสร้างความเดือดร้อนไปทั่วทุกหัวระแหง หนึ่งในกลุ่มโจรที่โด่งดังขณะนั้นคือกลุ่มของเสือชัย
มันข้ามมาจากฝั่งลาว เข้ามาตั้งก๊กอยู่ที่บ้านนา-นก-กก มันจะออกปล้นเพื่อความสะใจ ฆ่าเจ้าทรัพย์ทุกรายแม้จะไม่ขัดขืน หากบ้านไหนมีลูกสาวมันจะลากกลับไปที่พักเพื่อสนองตัญหา
และวันนี้ก็เช่นกัน ระหว่างที่มันกำลังเดินทางกลับจากการปล้นบ้านเศรษฐีเจ้าของสวนทุเรียน นอกจากทรัพย์สินมากมายที่มันปล้นมา ยังมีหญิงสาวสองคนถูกผูกข้อมือด้วยเชือก แถมยังมีชายหนุ่มที่สภาพสะบักสะบอมราวถูกซ้อมอย่างหนักเดิดตุปัดตุเป๋ตามแรงลาก พวกมันลากพวกเขาให้เดินตาม หญิงสาวก็พยายามดิ้นรนขัดขืนสุดฤทธิ์ จึงมีการทำร้ายร่างกายบังคับขืนใจให้ยินยอมกันพอหอมปากหอมคอ
ขณะที่กำลังถูลู่ถูกังลากทั้งคนและของมีค่ากลับพี่พัก กลุ่มโจรเสือชัยก็ต้องฉงน เมื่อมองเห็นว่ากลางทางมีใครคนหนึ่งก่อไฟตั้งหม้อต้มน้ำขวางทางอยู่
"เฮ้ย! มืงเป็นใครวะมาก่อกองไฟขวางทางเดินกู หลีก!!" เสือชัยตะโกนถาม
เงียบ ชายคนนั้นไม่ตอบคำถาม ยังคงตั้งหน้าตั้งตาดุนท่อนฟืนเพื่อเพิ่มเชื้อไฟในกองให้ลุกโชน
"อ้าว! ไอ้เวรนี่ ลูกพี่กูถามทำไมไม่ตอบวะ นี่เสือชัยนะโว้ย เสือชัยรู้จักมั๊ย"
หนึ่งในสมุนของเสือชัยแหกปากประกาศศักดาลูกพี่
"อ่อ! เสือชัยเรอะ" ชายคนนั้นพูดพลางลุกขึ้นช้า ๆ ใช้มือปัดฝุ่นออกจากก้นกางเกง
"เออ! เสือชัย รู้แล้วก็หลีกทางไปก่อนที่มืงจะไส้แตก" ลูกสมุนคนเดิมพูดขึ้น มันควักปืนลูกซองสั้นออกมาจากเอว เล็งปลายกระบอกปืนไปที่ชายลึกลับเพื่อข่มขู่
"แล้วคนไหนกันล่ะเสือชัยผู้โด่งดังน่ะ พอดีชั้นจะเอาหัวไปขึ้นเงินกับทางการ ถ้ารู้ตัวแล้วจะได้จัดการถูก ไอ้จะให้ตัดหัวทุกคนคงแบกไปไม่ไหว"
ชายลึกลับพูด เขาควักเอายาฉุนออกมาพันอย่างเชื่องช้าเสร็จแล้วก็คาบไว้มุมปาก จากนั้นก็ก้มลงไปหยิบท่อนฟืนที่ติดไฟจนแดงโร่ขึ้นมาจี้ปลายอีกด้าน อัดควันเข้าปอดแล้วพ่นออกมาอย่างสบายใจ
"ไอ้เวรนี่! วอนนักนะมืง!!" ลูกสมุนคนเดิมตะโกนอย่างเดือดดาลก่อนทำท่าจะเหนี่ยวไกปืน
"นะ บังดิน โม บังไฟ พุท บังลูก ธา มิให้ออกฯ" ชายปริศนาพึมพัมเบา ๆ
ปัง!!! "อ๊ากก!!!"
สิ้นเสียงปืน มือข้างที่ถือปืนของมันก็มีอันต้องกระจุย เนื่องจากปืนเกิดขัดลำกล้อง ด้วยแรงระเบิดของดินปืนที่อัดแน่นรอการจุดระเบิดและส่งลูกตะกั่วเข้าหาเป้าหมาย กระบอกปืนแบบไทยประดิษฐ์ก็เกิดแตกเป็นเสี่ยง ๆ แรงระเบิดนั้นฉีกมือเจ้าของปืนออกเป็นชิ้น ๆ เลือดสาดกระจาย เศษนิ้วมือและชิ้นเนื้อกระเด็นไปทั่ว
"โอ๊ย! มือกู!! โอ๊ย!!!!"
มันร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ยิ่งมองเห็นสภาพมือของตัวเองที่บัดนี้เหลือแต่นิ้วก้อยนิ้วเดียว ยิ่งทำให้ตกใจตาเหลือกลานร้องลั่น
"มีดีเหมือนกันนี่ คาถาอุดปืนรึ" เสือชัยพูดขึ้นยิ้มมุมปาก
ชายปริศนาไม่ตอบ ยังคงยืนพ่นควันยาฉุนสบายใจเฉิบ ไม่ได้ตกใจกริ่งเกรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
"งั้นกูขอลองหน่อยได้มั๊ย อยากรู้เหมือนกันว่าอาคมมืงกับกู ใครจะเหนือกว่ากัน" เสือชัยพูดขึ้นน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
"ตะโต โพธิสัตโต ราชะสิงโห วะมะหิตธิโกฯ"
เสือชัยท่องคาถาข่มศัตรูออกมาก่อนกระทืบเท้าลงพื้นเสียงดังเป็นการตัดไม้ข่มนาม ชักดาบเล่มยาวคมขาววาววับสะท้องแสงจากกองไฟ เดินเข้าหาอย่างประทุษร้าย ชายปริศนาเห็นดังนั้นก็รีบแก้ทางทันที
"พุทธัง บังจักขุ ปติลิยะติ สูญญังฯ"
เขาหลับตาท่องคาถาแก้ศัตรูเช่นกัน จากนั้นเขาก็กระชากมีดทรงอรัญญิกที่เหน็บอยู่ด้านหลังออกมา ตรงรี่เข้าหาเสือชัยอย่างไม่เกรงกลัว
สองชายตรงรี่หากัน
ประชันฝีมือดุเดือด
ต่างฝ่ายต่างอยากเห็นเลือด
ศัตรูคู่แค้นหลั่งไหล
เสือชัยเหวี่ยงดาบเล่มยาว
เสียงฟ้าวผ่าลมผ่านไหล่
ชายหนุ่มแทงสวนเข้าไป
สุดแรงเข้าใต้ราวนม
ใบมีดมิอาจทะลุ
สมุนศัตรูร้องขรม
เอะอะร้องร่ำคำชม
หนังเหนียวสมเป็นเสือชัย
ฝ่ายหัวหน้าโจรใจกล้า
เสียหน้าจนเกินวิสัย
บังอาจจ้วงแทงเสือชัย
เอาไว้ไม่ได้ต้องม้วย
ควักปืนออกมาจากเอว
รวดเร็วจังหวะฉาบฉวย
เหนี่ยวไกแล้วให้งงงวย
ปืนด้านได้อย่างไรกัน
จังหวะเป็นตายเพียงเสี้ยว
เสียวแปลบข้างลำคอนั่น
ตาเหลือกสิ้นลมโดยพลัน
จบกันสิ้นชื่อเสือชัย
ชายหนุ่มปริศนาออกแรงลากมีดยาวลงมาตั้งแต่ต้นคอจนถึงท้องน้อย เลือดทะลักออกมาตามรอยผ่าของมีดจนแดงฉานนองพื้น เครื่องในตับไตไส้พุงของเสือชัยปลิ้นหลุดออกมากองข้างนอก เสือชัยนอนแน่นิ่งสิ้นใจตายอยู่ตรงนั้น ศีรษะหมอบแทบเท้าราวกับยอมศิโรราบ
เหล่าสมุนต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น เสือชัยผู้เรืองอาคม ไม่เคยมีผู้ใดเรียกเลือดจากเขาได้ กลับพ่ายแพ้ให้แก่ชายหนุ่มปริศนา ถูกคมมีดผ่ากลางลำตัวตายอนาถจมกองเลือด
"มะ มืงเป็นใครวะ?" หนึ่งในลูกสมุนถามขึ้นหวาด ๆ
"กูชื่อคง จากวันนี้พวกมืงจงจำไว้ บอกพวกโจรทุกก๊กทุกเหล่าที่คิดจะเข้ามาหากินในถิ่นนี้ ถ้ายังรักชีวิตก็ให้ม้วนหางกลับไปซะ"
"คะ คะ คง? เสือคงคนนั้นรึ ก็ไหนว่าวางมือไปแล้ว"
"หรือพวกมืงอยากจะลองค้นหาคำตอบดู ว่ากูวางมือไปแล้วหรือยัง" เสือคงพูด
(มีต่อนะครับ)