สวัสดีเพื่อนๆห้องสินธรที่รักทั้งหลายครับ
ผมเป็นหนึ่งในคนที่มีปณิธานอย่างแรงกล้าในการลงทุนระยะยาวแบบไม่หวือหวา ลงทุนแบบอิงดัชนี เพราะมีความเลื่อมใสในตัวปู่ Warren Buffett และ Jack Bogle เป็นอย่างมาก เลยเลือกที่จะลงทุนแบบ DCA ในกองทุน ETF แบบ passive ที่อิงดัชนีแบบสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไร
ปีที่แล้วก็ได้กำไรมาเยอะพอสมควรจากการซื้อเรื่อยๆตั้งแต่ตอนเดือนมีนา 63 แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรอยู่ค้างฟ้า ดัชนีโดยเฉพาะของหุ้น Tech อย่างพวก QQQ ก็โดนเทขายอย่างหนักมาหลายเดือน ทั้งๆที่บริษัทที่พยุงดัชนีอยู่ posted record revenues กับ earnings แบบไม่ขาดสาย
ที่แย่กว่านั้นคือผมเชียร์ให้แม่ลงทุนในกองทุนพวกนี้ด้วย แม่เลยเซ็งเพราะพอร์ตแกใหญ่กว่าของผมมาก (แต่จริงๆแม่ผมเซ็งเพราะขาดทุนกำไรนะ แม่ผมซื้อไว้เยอะมากๆช่วง circuit breaker ปีที่แล้ว)
คราวนี้ผมก็กลับมาทบทวนตัวเองว่าที่เราทำอยู่มันดีไหมนะ? เพราะผมมือใหม่ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่นาน เห็นเพื่อนหลายคนทำกำไรเป็นกอบเป็นกำจากการเทรดคริปโตบ้าง อะไรบ้าง บางทีผมก็อิจฉา แต่ถ้าจะให้ผมไปทำแบบนั้นผมก็คงไม่มีเวลาศึกษา และผมคงควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เพราะมันเหมือนการพนันมากไปสำหรับผม และอีกอย่างผมก็ไม่ได้อยากร่ำรวยหูดับตับไหม้อะไรขนาดนั้น ผมอยากเป็นแบบปู่มากกว่าคือรวยช้าๆแต่รวยนานๆ ยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี
ผมเลยกลับไปดูว่าปู่ทำยังไงให้ตัวเองรอดพ้นจากตลาดหมีสงคราม ตลาดหมีฟองสบู่ดอทคอม ตลาดหมีหนี้ซัพพราม ฯลฯ และยังคงเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ก็พบว่าปู่โคตรมั่นใจในเศรษฐกิจเลยว่าสักวันมันจะกลับมาได้ ความโลภของมนุษย์มันไม่มีทางหมดไปจากโลก ความโลภพลักดันให้คนบริโภคของที่ดีขึ้น จ่ายมากขึ้น ต้องการค่าแรงมากขึ้นทุกๆปี และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ monetary policy ต้องเป็นแบบ inflationary ในระยะยาวเพื่อตอบสนองความเจริญเติบโตของความโลภนี้ ในอีก 20 ปี 30 ปี หรือ 100 ปีข้างหน้า คนอาจจะเลิกพูดถึง coronavirus ไปแล้ว แต่ผมมั่นใจว่าความโลภยังอยู่แน่นอน
ปู่เขียนบทความลง Op-Ed ของหนังสือพิมพ์ the New York Times เมื่อวันที่ 16 ตุลา 2008 ขึ้นหัวข้อแบบพราวด์สุดๆว่า Buy American, I Am และเป็นที่มาของวลีเด็ดของปู่ว่า "Be fearful when others are greedy, and be greedy when others are fearful"
รู้ไหมครับว่าหลังจากปู่เขียนบทความนี้ หุ้น Berkshire ของปู่ลงต่อไปอีกมากถึง 35.51% ก่อน bottoming out ประมาณเดือนมีนาในปีถัดมา ขนาดปู่ยังพลาดไปถึง 4 เดือน เสียเงินไปหลายแสนล้านบาท แต่ปู่ยังกลับมาได้และยิ่งใหญ่กว่าเดิม
มีใครมีข้อคิดดีๆมาแชร์กันได้ครับ ผมคนนึงแหละที่จะไม่ขาย ขอซื้อลูกเดียวครับ 55
หุ้นตกหนักขนาดนี้ ชาวดอยมีวิธีปลอบใจตัวเองยังไงบ้างครับ?
ผมเป็นหนึ่งในคนที่มีปณิธานอย่างแรงกล้าในการลงทุนระยะยาวแบบไม่หวือหวา ลงทุนแบบอิงดัชนี เพราะมีความเลื่อมใสในตัวปู่ Warren Buffett และ Jack Bogle เป็นอย่างมาก เลยเลือกที่จะลงทุนแบบ DCA ในกองทุน ETF แบบ passive ที่อิงดัชนีแบบสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไร
ปีที่แล้วก็ได้กำไรมาเยอะพอสมควรจากการซื้อเรื่อยๆตั้งแต่ตอนเดือนมีนา 63 แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรอยู่ค้างฟ้า ดัชนีโดยเฉพาะของหุ้น Tech อย่างพวก QQQ ก็โดนเทขายอย่างหนักมาหลายเดือน ทั้งๆที่บริษัทที่พยุงดัชนีอยู่ posted record revenues กับ earnings แบบไม่ขาดสาย
ที่แย่กว่านั้นคือผมเชียร์ให้แม่ลงทุนในกองทุนพวกนี้ด้วย แม่เลยเซ็งเพราะพอร์ตแกใหญ่กว่าของผมมาก (แต่จริงๆแม่ผมเซ็งเพราะขาดทุนกำไรนะ แม่ผมซื้อไว้เยอะมากๆช่วง circuit breaker ปีที่แล้ว)
คราวนี้ผมก็กลับมาทบทวนตัวเองว่าที่เราทำอยู่มันดีไหมนะ? เพราะผมมือใหม่ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่นาน เห็นเพื่อนหลายคนทำกำไรเป็นกอบเป็นกำจากการเทรดคริปโตบ้าง อะไรบ้าง บางทีผมก็อิจฉา แต่ถ้าจะให้ผมไปทำแบบนั้นผมก็คงไม่มีเวลาศึกษา และผมคงควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เพราะมันเหมือนการพนันมากไปสำหรับผม และอีกอย่างผมก็ไม่ได้อยากร่ำรวยหูดับตับไหม้อะไรขนาดนั้น ผมอยากเป็นแบบปู่มากกว่าคือรวยช้าๆแต่รวยนานๆ ยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี
ผมเลยกลับไปดูว่าปู่ทำยังไงให้ตัวเองรอดพ้นจากตลาดหมีสงคราม ตลาดหมีฟองสบู่ดอทคอม ตลาดหมีหนี้ซัพพราม ฯลฯ และยังคงเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ก็พบว่าปู่โคตรมั่นใจในเศรษฐกิจเลยว่าสักวันมันจะกลับมาได้ ความโลภของมนุษย์มันไม่มีทางหมดไปจากโลก ความโลภพลักดันให้คนบริโภคของที่ดีขึ้น จ่ายมากขึ้น ต้องการค่าแรงมากขึ้นทุกๆปี และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ monetary policy ต้องเป็นแบบ inflationary ในระยะยาวเพื่อตอบสนองความเจริญเติบโตของความโลภนี้ ในอีก 20 ปี 30 ปี หรือ 100 ปีข้างหน้า คนอาจจะเลิกพูดถึง coronavirus ไปแล้ว แต่ผมมั่นใจว่าความโลภยังอยู่แน่นอน
ปู่เขียนบทความลง Op-Ed ของหนังสือพิมพ์ the New York Times เมื่อวันที่ 16 ตุลา 2008 ขึ้นหัวข้อแบบพราวด์สุดๆว่า Buy American, I Am และเป็นที่มาของวลีเด็ดของปู่ว่า "Be fearful when others are greedy, and be greedy when others are fearful"
รู้ไหมครับว่าหลังจากปู่เขียนบทความนี้ หุ้น Berkshire ของปู่ลงต่อไปอีกมากถึง 35.51% ก่อน bottoming out ประมาณเดือนมีนาในปีถัดมา ขนาดปู่ยังพลาดไปถึง 4 เดือน เสียเงินไปหลายแสนล้านบาท แต่ปู่ยังกลับมาได้และยิ่งใหญ่กว่าเดิม
มีใครมีข้อคิดดีๆมาแชร์กันได้ครับ ผมคนนึงแหละที่จะไม่ขาย ขอซื้อลูกเดียวครับ 55