JJNY : หมอดังรับแม้แต่จนท.สธ.ยังกลัว│ส.ภัตตาคารโวยมาตรการรัฐ│“ยุทธพงศ์”จี้รบ.นำเข้าวัคซีน│ดุสิตโพลชี้ปชช.เครียดข่าวโควิด

หมอดัง สะท้อนปัญหา คนไทยไม่กล้าฉีดวัคซีน รับแม้แต่ จนท.สธ.ยังกลัว 
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6387240

 

หมอดัง สะท้อนปัญหา คนไทยไม่กล้าฉีดวัคซีน รับแม้แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังกลัวๆ ชี้เป็นภารกิจสำคัญรัฐบาล จี้แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
 
วันที่ 9 พ.ค.64 นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา แสดงความคิดเห็นประเด็นการฉีดวัคซีนโควิด-19 ความว่า 
 
คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่กล้าฉีดวัคซีน เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะครับ
 
ตัวเลขจำนวนผู้สมัครใจลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่าน “หมอพร้อม” ของอำเภอจะนะ มีจำนวนน้อยมาก เชื่อว่าทุกอำเภอมีลักษณะคล้ายกัน มาดูตัวเลขของอำเภอจะนะกัน
 
โรงพยาบาลจะนะ เปิดรับฉีดวัคซีนวันละ 360 ราย ปรากฏว่าตั้งแต่เปิดระบบมา มีผู้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมเพียง 232 ราย ซึ่งน้อยมากๆ
 
วันที่ 30 เม.ย 64 ลงทะเบียน จำนวน 1 ราย
วันที่ 1 พ ค 64 จำนวน 67 ราย
วันที่ 2 พ.ค. 64 จำนวน 36 ราย
วันที่ 3 พ.ค. 64 จำนวน 25 ราย
วันที่ 4 พ.ค. 64 จำนวน 23 ราย
วันที่ 5 พ.ค. 64 จำนวน 29 ราย
วันที่ 6 พ.ค. 64 จำนวน 45 ราย
วันที่ 7 พ.ค. 64 จำนวน 6 ราย
 
รวมยอดจองจากหมอพร้อม 232 ราย
 
อสม.และเจ้าหน้าที่ รพ.สต. เดินลงทะเบียนด้วยระบบ manual คือใช้กระดาษลงชื่อแล้ว มีการลงชื่อเพิ่มอีกราว 1,000 ราย แต่สำหรับอำเภอจะนะที่มีประชากร 100,000 คน มีผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรังกว่า 20,000 คน ถือว่าน้อยมากๆ ทั้งนี้เพราะส่วนใหญ่ กลัวมากต่อผลข้างเคียงของวัคซีน
 
อย่าว่าแต่ชาวบ้านเลย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังกลัวๆ ทั้งนี้ผมเชื่อว่าความกลัววัคซีนของคนไทยนั้น เกิดจากเหตุ 2 ประการ
 
1. เป็นเพราะในช่วงที่เราขาดแคลนวัคซีน วัคซีนมาช้า รัฐบาลปล่อยให้มีการปล่อยข่าวผลข้างเคียงของวัคซีนมากเกินกว่าความจริง โดยไม่มีการแก้ข่าวชี้แจง ข่าวอันน่ากลัวของวัคซีนส่งกันไปทั่ว เหมือนกับว่าเพื่อลดความต้องการการฉีดวัคซีนในน้อยลง รัฐบาลจะได้ไม่ถูกต่อว่านินทามากเกินไปในช่วงไม่มีวัคซีน เมื่อมีการตอกย้ำผลลบของวัคซีนต่อเนื่อง จนฝังเข้าไปเป็นความเชื่อของผู้คน จึงยากที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาสมัครใจฉีดวัคซีนกันในปัจจุบัน
 
2. ข่าวการเข้ามาของวัคซีนหลายยี่ห้อก็มีส่วนมากในการชะลอการลงทะเบียนฉีด เพราะส่วนหนึ่งผู้คนโดยเฉพาะในเขตเมืองอยากมีการเลือกยี่ห้อ จึงขอรอดูก่อน แน่นอนว่าวัคซีนแต่ละตัวมีข้อดีข้อเสียต่างกัน รัฐบาลจึงควรประกาศให้ชัดเจนว่า วัคซีนที่ได้มานั้น กลุ่มไหนจะได้รับยี่ห้อไหน อาทิ กลุ่ม 12-18 ปีจะได้รับวัคซีนpfizer ฅกลุ่มอายุมากหน่อยเช่นมากกว่า 50 ปีและกลุ่มโรคเรื้อรังจะได้รับวัคซีน astra และกลุ่มคนทั่วไปที่ไม่ใช่สองกลุ่มนั้นจะได้รับวัคซีน sinovac เป็นต้น ความชัดเจนไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะทำให้คนเลิกรอ ตัดสินใจสมัครลงทะเบียนมากขึ้น
 
การแก้ปัญหาผู้คนไม่กล้าฉีดวัคซีน เป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาลครับ แต่ยังไม่เห็นการจัดการอย่างเป็นระบบ เรื่องนี้โรงพยาบาลต่างๆทำเต็มที่ แต่นี่ไม่ใช่ภารกิจของโรงพยาบาลแต่ละแห่งเท่านั้น มิเช่นนั้น การฉีดวัคซีนของประเทศไทยก็จะล่าช้าอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
 

 
ส.ภัตตาคารไทย โวยมาตรการรัฐไม่ตรงจุด ลุยยื่นหนังสือถึง 'บิ๊กตู่' เรียกร้อง 2 ข้อ
https://www.matichon.co.th/economy/news_2713472
 
ส.ภัตตาคารไทย ลุยยื่นหนังสือถึง ‘บิ๊กตู่’ เรียกร้อง 2 ข้อ ลดต้นทุน-เพิ่มรายได้
 
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำหนังสือยื่นให้กับพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศบค. เรื่องดารนำเสนอมาตรการเร่งด่วนเพื่อพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
 
เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อย่างกรุงเทพฯ เกิดคลัสเตอร์ในหลายจุด เช่น คลัสเตอร์คลองเตยเมื่อวันจันทร์ที่ 3 พ.ค. และยังตามมาอีกหลายชุมชน ซึ่งเป็นพื้นที่มีผู้อาศัยแออัด จำนวนมาก ด้วยแนวโน้มความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นภาคธุรกิจร้านอาหารตระหนักต่อสถานการณ์ดังกล่าวว่า หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้โดยเร็วย่อมจะส่งผลกระทบต่อชีวิตของประขาชน ดังนั้น มาตรการด้านสาธารณสุข และ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่ศบค.กำหนดมา เช่น การงดให้บริการนั่งรับประทานในร้านสำหรับพื้นที่ควบสูงสุดและเข้มงวดเพื่อไม่ให้ผู้คนออกมาทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกสถานที่พัก อาศัย เพื่อเป็นการหยุดวงจรแพร่ระบาดเชื้อตามคำแนะนำ คำวิงวอนของบุคลากรทางการแพทย์ จึงเป็นแนวทางที่บังคับใช้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารตลอดมา ในเวลา 1 ปีเศษที่พวกเราให้ความร่วมมือ สร้างความปลอดภัย ระมัดระวัง เข้มงวดสูงสุด ดังนั้น สมาคมภัตตาคารไทยในฐานะผู้แทนผู้ประกอบการร้านอาหารจึงกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรีว่า ภาคธุรกิจร้านอาหารได้ปฏิบัติตามคำสั่งศบค.เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 เพื่อมีส่วนร่วมช่วยหยุดยั้งการแพร่ระบาดครั้งนี้อีกครั้ง ตามคำสั่งที่ห้ามนั่งรับประทานในร้านเป็นเวลา 14 วัน
 
ทั้งนี้ ร้านอาหารไม่สามารถที่จะมีสายป่านยาวเกินกว่านี้ได้อีกแล้วจึงขอความชัดเจนว่า จะสามารถเปิดให้นั่งรับประทานอาหารที่ร้านได้อย่างแน่นอน หากสถานการณ์ยังรุนแรงต่อไป ท่านนายกรัฐมนตรีจะมีความชัดเจนในการเยียวยาพวกเราหรือไม่ เนื่องจากมาตรการที่ออกมาเยียวยาประชาชนทั้งประเทศตามมติ ครม. เมื่อวันพุธที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา นั้นมิได้ตรงกับสิ่งที่ร้องขอไป ทั้งที่ร้านอาหารมีผลต่อภาพรวมต่อเศรษฐกิจมหภาค และมีผลต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน ด้วยเหตุที่รายได้หลักสำคัญของกิจการร้านอาหารคือรายได้จากการนั่งรับประทานในร้าน รายได้จากการขายเดลิเวอรี่ยังไม่สามารถทดแทนรายได้หลักได้ในเวลานี้ ดังนั้นเมื่อรายได้หายไปจึงเกิดผลกระทบหนักต่อผู้ประกอบการร้านอาหารตามมา ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการปิดกิจการ ซึ่งหากไม่รีบช่วยเหลือก็จะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมตามมา
 
ดังนั้น สมาคมภัตตาคารไทยในฐานะผู้แทนผู้ประกอบการภัตตาคาร ร้านอาหาร จึงขอนำเสนอมาตรการความช่วยเหลือมายังท่านนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยแบ่งการช่วยเหลืออกเป็น 2 ส่วนหลัก ดังนี้
 
ส่วนที่ 1 ความช่วยเหลือด้านภาระต้นทุน ค่าใช้จ่าย
 
1.1 มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าร้าน เนื่องเพราะขาดรายได้จากการงดให้บริการนั่งรับประทานในร้าน
 
▪️ ออกคำสั่งที่มีนิยาม คุณสมบัติ ข้อกำหนดที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการใช้ในการขอลดค่าเช่ากับผู้ให้เช่า
▪️ มีมาตรการโครงการช่วยเหลือค่าเช่าคนละครึ่ง
▪️ ช่วยเหลือประสานงานกับผู้ให้เช่า เจ้าของห้างสรรพสินค้าให้ลดค่าเช่าอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ โดยให้เจ้าของที่ดินอาคาร บุคคลทั่วไป ที่ให้ร้านอาหารเช่า สามารถนำส่วนลดไปลดหย่อนภาษีในรอบบัญชีถัดไป เพื่อจูงใจให้เกิดการลดค่าเช่าตามมา
 
1.2 มาตรการช่วยเหลือด้านภาษี เงินทุน
 
▪️ งดการจัดเก็บภาษีรอบระยะเวลาบัญชี 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดา สำหรับธุรกิจร้านอาหาร
▪️ ยืดระยะเวลาในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มออกไป 6 เดือน
▪️ ขอให้รัฐบาลงดจัดเก็บภาษีโรงเรือน จากเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร เป็นเวลา 2 ปี
▪️ ออกมาตรการลดค่าน้ำ ค่าไฟ 30 เปอร์เซ็นต์ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ตั้งแต่รอบบิลเดือนเมษายน 2564 เป็นเวลา 6 เดือน
▪️ จัดแหล่งเงินกู้ และให้เจ้าของธุรกิจร้านอาหารเข้าถึงแหล่งเงินกู้ เพิ่มสภาพคล่องเพื่อประคับประคองธุรกิจ โดยสามารถให้ยื่นขอสินเชื่อได้อย่างง่าย ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ ค้ำประกัน ทั้งลูกหนี้รายใหม่ รวมถึงลูกหนี้รายเก่าสามารถกู้เพิ่มได้ ในวงเงินที่เคยกู้มาก่อนจากวิกฤตรอบแรก
 
1.3 มาตรการช่วยเหลือด้านค่าแรงงาน
 
▪️ ขอให้ทางประกันสังคมอนุมัติให้ลูกจ้าง ซึ่งถูกลดเวลาการทำงาน ลดเงินเดือน หรือหยุดงานโดยไม่รับค่าจ้างเนื่องจากคำสั่ง ศบค สามารถเบิกประกันสังคมได้ 50 เปอร์เซ็น โดยทันที
▪️ ให้กระทรวงแรงงานสั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอำนวยความสะดวกให้ความช่วยเหลือกับผู้ประกอบการในการดำเนินการยื่นขอใช้สิทธิ์รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวันจากเหตุสถานการณ์โควิด-19 จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่บางส่วนยังมีความสับสนต่อ นิยาม คุณสมบัติ ของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน เนื่องจากไม่ได้มีคำสั่งให้หยุดกิจการเป็นการชั่วคราว
▪️ ชะลอการจัดส่งเงินประกันสังคมทั้งจากลูกจ้างและนายจ้างสมทบออกไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
▪️ จัดหาแหล่งเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย หรือ ดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ ระยะเวลาผ่อนยาว เพื่อให้ลูกจ้างสถานประกอบการร้านอาหารกู้มาใช้จ่ายในยามจำเป็น
 
(ในส่วนของกระทรวงแรงงานได้รับการประสานงานจาก รมต. สุชาติ ชมกลิ่น โดยตรงแล้ว มีผลการดำเนินการแล้ว
ขอขอบคุณมา ณ ทีนี้)
 
ส่วนที่ 2 ความช่วยเหลือด้านการขาย รายได้
  
▪️ อนุญาตให้ภัตตาคาร ร้านอาหารที่เป็นนิติบุคคล สามารถเข้าร่วมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกโครงการของรัฐบาลได้ เช่น โครงการคนละครึ่ง, ไทยชนะ, ม.33
  
▪️ มีมาตรการควบคุมค่าส่วนแบ่งการขาย หรือ GP จากแพลทฟอร์มเดลิเวอรี่ที่ปัจจุบันที่อัตราสูงจนเกิดภาระไม่คุ้มทุนของฝั่งร้านอาหาร ให้อยู่ในอัตราเหมาะสมอย่างน้อยในช่วงเวลานี้ และหรือมีมาตรการช่วยแบ่งเบาค่า GP ดังกล่าว
 
▪️ ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานปกครองท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจ มีการจัดตั้งงบประมาณในการจัดหาอาหาร เครื่องดื่ม ให้กับหน่วยงาน-เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ เช่น โรงพยาบาลสนามตามจังหวัดต่าง ๆ ขอให้ใช้งบประมาณส่วนดังกล่าวนี้ในการสั่งอาหารเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ อาหารกล่องแจกแก่ประชาชนผู้ประสบภาวะวิกฤติโควิด ตกงาน ขาดรายได้ หรือให้ความร่วมมือหยุดอยู่บ้าน.
 
▪️ ขอให้ กกร. ซึ่งประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรรวบรวมภาคเอกชนที่ยังคงมีศักยภาพ ช่วยกันลงขันจ้างร้านอาหารในท้องถิ่นทำอาหารกล่องเพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนในระบบ รักษาสภาพการจ้างงานพนักงานในร้านอาหาร อีกทั้งยังมีความสามารถมาอุดหนุนซัพพลายเออร์และช่วยพ่อค้า แม่ค้าในตลาดสด ซึ่งจะมีผลถึงเกษตรกร ในการสั่งซื้อวัตถุดิบมาประกอบปรุง จะก่อให้เกิดกระแสเงินสดหมุนเวียนหล่อเลี้ยงรายได้ให้กับร้านอาหารเป็นการเฉพาะหน้าได้ โดยให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขคอยควบคุมกระบวนการผลิตอาหารตามมาตรการป้องกัน ทั้งนี้ สมาคมภัตตาคารไทยยินดีเป็นตัวกลางในการประสานงานกับหน่วยงาน สมาคมร้านอาหาร ชมรมร้านอาหารในแต่ละพื้นที่ให้
 
ภาคผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ตระหนักเป็นอย่างดีในความสำคัญของปัญหาวิกฤตการระบาดไวรัสโควิด-19 นี้ และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมหยุดยั้งการแพร่ระบาดโดยเร็ว แต่ผลกระทบจากการแพร่ระบาดและมาตรการควบคุมต่าง ๆ ในระยะเวลา 1 ปีเศษทั้งระลอก 1-2-3 ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกิจการและครอบครัวอย่างแสนสาหัส. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านนายกรัฐมนตรี จะเมตตาให้ความช่วยเหลือตามที่ได้เสนอมา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่