ในที่สุดวันนี้เราก็เขียน EP. 3 จนเสร็จ กว่าจะเขียนเสร็จก็ใช้เวลาหลายวันอยู่ 555+ สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่าน
EP.1 และ
EP.2 ก็กดเข้าไปอ่านได้เลยนะครับ (วันนี้เราเปลี่ยนคนเล่าเรื่องนะครับ รอคุณผู้หญิงคงไม่ได้มาเล่าต่อแน่) เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า วันนี้เราจะออกจากเกาะเต่าไปสู่เกาะสมุยกัน
วันนี้เราตื่นมาประมาณแปดโมงเช้า เนื่องจากวันนี้เราจะต้องขึ้นเรือกลับไปยังท่าเรือลมพระยาที่จังหวัดชุมพร เพื่อกลับไปเอารถ และขับต่อไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อข้ามต่อไปยังเกาะสมุย พอตื่นขึ้นมาเราก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แต่ถึงจะค่อนข้างรีบสักหน่อย แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะดื่มด่ำกับบรรยากาศของทะเล ในขณะแปลงฟันที่หน้าต่างตรงอ่างล้างหน้า เมื่อเราแต่งตัวเก็บของเรียบร้อยก็เดินลงไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารที่อยู่ริมหาดเหมือนเดิม อาหารเช้าวันนี้ก็เหมือนกับเมื่อวาน เมื่อทานเสร็จก็กลับห้องมาตรวจเช็คของอีกรอบว่าเก็บหมดหรือยัง จากนั้นก็โทรแจ้งให้ทางโรงแรมนำรถกอล์ฟมาเอากระเป๋าของเราไป จากนั้นก็ทำการคืนห้อง และรอรถของโรงแรมไปส่งเรายังที่ท่าเรือ แต่ก่อนที่รถจะมาก็มีพนักงานของโรงแรมมาแจ้งว่าเราลืมของไว้ในห้อง พร้อมกับนำถุงที่ใส่ของที่เราลืมไว้มาให้ นี่ขนาดเราตรวจดูหลายรอบแล้วนะ ยังลืมได้อีก ของที่ลืมก็คือชุดว่ายน้ำที่เราตากไว้ด้านนอกระเบียงนั่นเอง
รอสักพักรถของโรงแรมก็มารับเราไปยังท่าเรือ เมื่อถึงท่าเรือก็ทำการแรกตั๋วเรือเหมือนกับตอนมา แล้วก็ต่อคิวรอขึ้นเรือ แต่รอบนี้เรือมาไม่ตรงเวลาเท่าไร ช้ากว่ากำหนดไปครึ่งชั่วโมง เมื่อเรือมาแล้วเราก็ได้ขึ้นเรือ และนั่งที่ห้องแอร์ชั้นล่างของเรือเหมือนเดิม แต่รอบนี้ต่างจากตอนรอบมา คือคนน้อยกว่าเกือบครึ่ง เรานั่งเรือข้ามฝั่งประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงท่าเรือฝั่งชุมพรในเวลาประมาณเที่ยงพอดี เมื่อเราถึงท่าเรือก็ตรงไปยังรถ และมุ่งหน้าไปยังท่าเรือซีทรานเฟอร์รี่ ซึ่งอยู่ที่อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อเราดูจากแผนที่ใน google map แล้ว พบว่าเราต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณเกือบๆ 5 ชั่วโมง กับระยะทาง 200 กว่ากิโลเมตร และเส้นทางในแผนที่ก็เป็นสีแดงเข้ม เกือบทั้งเส้น นั่นหมายถึงรถติดมาก แต่เราก็ไม่มีทางเลี่ยงไปยังเส้นทางอื่น เมื่อเราขับรถมาถึงตรงที่แผนที่เป็นสีแดงเข้ม เราก็ได้รู้ถึงสาเหตุที่รถติดก็คือ มีการทำถนนใหม่ และใช้ทางเบี่ยงตลอดเส้นทาง จึงทำให้รถติดมาก ซึ่งดูจากระยะเวลาแล้วเราจะถึงท่าเรือประมาณ 5 โมงเย็น และก็ไม่มีโอกาสได้แวะเที่ยวที่ไหนเลย เนื่องจากเราเสียเวลากับรถติดตรงนี้ไปมาก ระหว่างที่เราขับรถผจญรถติดสลับกับหยุดนิ่งอยู่นั้น เราก็เริ่มทำการจองตัวเรือเพื่อข้ามฝั่งไปยังสมุย เมื่อเข้าเว็บไซต์ไปเพื่อจองปรากฏว่าเว็บล่ม ไม่สามารถเข้าใช้งานได้ จึงได้โทรไปถามยังท่าเรือ และคำตอบที่ได้รับก็คือตอนนี้คิวเต็มแล้ว ไม่สามารถจองได้ ถ้าต้องการข้ามจริงๆ ให้ลองมาเสี่ยงดวงต่อแถวที่หน้าท่าเรือ อาจจะมีโอกาสได้ข้าม เนื่องจากว่าทางท่าเรือเปิดให้จองผ่านหน้าเว็บไซต์ 50% และสำหรับคนที่ไม่ได้จองออนไลน์อีก 50% และอาจจะมีคนที่จองแล้วไม่มา เมื่อเราทราบเช่นนั้น เราจึงตัดสินใจไปวัดดวงที่ด้านหน้าท่าเรือ เราจึงพยายามรีบไปให้ถึงเร็วที่สุด แต่ก็ไม่สามารถรีบได้เนื่องจากรถที่ติดมาก จนเวลาผ่านไปเกือบๆ 3 ชั่วโมง เราก็ยังอยู่กับเส้นทางที่รถติดอยู่อย่างนั้น จนเรามีความคิดว่าจะไม่ไปแล้วสมุย เปลี่ยนแผนไปจังหวัดพังงาดีกว่า เพราะเราทนไม่ไหวกับรถที่ติดมากๆ และเมื่อไปถึงท่าเรือแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ข้ามไปยังเกาะสมุยอีกหรือป่าว ซึ่งพอถึงตอนนี้แล้วทำให้เรารู้ว่าเราคิดผิดมากที่จะเอารถข้ามไปยังเกาะสมุย เพราะว่าความจริงแล้ว เราสามารถนั่งเรือจากเกาะเต่าไปยังเกาะสมุยได้เลย ใช้เวลาเพียงชั่วโมงครึ่งเท่านั้น แต่ด้วยความที่เราคิดว่าเราจะเอารถไปขับเที่ยวบนเกาะสมุยด้วย ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่บนเกาะสมุยกี่วัน เพราะเรายังไม่มีแผน เมื่อเราตัดสินใจที่จะไม่ไปต่อแล้ว เพราะต้องการหลีกหนีรถติด เราจึงเลี้ยวเข้าปั้มน้ำมันเพื่อจอดพักทันที และหาข้าวทานกันที่นั่น เพื่อเติมพลังกันก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังพังงา
เมื่อเราได้พักทานข้าว เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตากันเรียบร้อยแล้ว เหมือนเราได้เติมพลังกันอีกครั้ง ความคิดเราจึงเปลี่ยนอีกรอบ หลังจากที่เราได้ปรึกษากันแล้ว เลยเสี่ยงวัดดวงไปรอเรือข้ามเกาะสมุยกัน เพราะเราอยากไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าเราได้จองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งที่พักนี้เป็นที่พักของทางอุทยานจึงต้องจองล่วงหน้า เมื่อเรามีแผนที่จะไปวัดดวง เราจึงยังคงมุ่งหน้าต่อไปยังท่าเรือเพื่อข้ามไปยังเกาะสมุยอีกครั้ง เราขับรถต่อมาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็หลุดส่วนที่รถติดออกมาแล้ว จากแผนที่ใน google map ประมาณเวลาว่าจะเราถึงในอีก 1 ชั่วโมง เราจึงเร่งทำเวลาเพื่อให้ถึงท่าเรือให้เร็วที่สุด เพราะถ้าเรายิ่งช้าโอกาสที่จะได้ข้ามฝั่งก็ลดลงไปเรื่อยๆ และแล้วในเวลาประมาณ 5 โมงเย็นเราก็มาถึงยังท่าเรือ สิ่งที่เห็นก็คือรถต่อคิวออกมาล้นท่าเรือแล้วประมาณเอาด้วยสายตาก็ตาก็ราวๆ 40 - 50 คัน เราจึงจอดรอเข้าคิวโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะได้ไปหรือป่าว และหลังเราก็มีรถมาต่อคิวอีกเรื่อยๆ ซึ่งคิวข้างหน้าเราก็มีบางคันที่รอไม่ไหววนรถออกไปก่อน รอได้สักพักก็มีเจ้าหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซด์มานับจำนวนรถที่ยังต่อคิวอยู่ เราจึงถามเจ้าหน้าที่ถึงโอกาสที่เราจะได้ไป ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือยังไม่แน่นอน ต้องรอคิวต่อไป ในระหว่างที่รอคิวอยู่นั้นเราก็ลงจากรถไปยืดเส้นยืดสาย และทำให้เราได้เพื่อนใหม่ด้วย ก็คือรถที่รอคิวอยู่เหมือนเรา ได้ลงมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันไป นานๆ ทีรถถึงจะขยับไปสัก 4-5 คัน บางคันก็รอไม่ไหว ฝากรถไว้ที่ท่าเรือ แล้วข้ามไปแต่คนแทน ซึ่งนั่นก็เป็นแผนสำรองของเรา และอีกแผนหนึ่งก็คือหาที่นอนแถวนี้แล้วรอข้ามไปใหม่ในวันพรุ่งนี้เวลาตีห้า เราก็รอคิวแบบมีความหวังจนตอนนี้เวลาประมาณทุ่มครึ่งแล้ว เราได้รับข่าวดีปนข่าวร้ายมาอีกรอบว่าจะมีเรือเสริมให้อีก 1 รอบ ในเวลาสองทุ่ม แต่จากที่เจ้าหน้าที่นับรถแล้วไม่ถึงคันของเรา แต่อีกเพียงแค่ 2 คันเท่านั้นก็จะถึงแล้ว เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก แต่พี่เจ้าหน้าที่ก็ยังบอกว่าถ้าจัดรถดีๆ เราอาจจะได้ไปก็ได้ เมื่อได้ยินดังนั้นทำให้เรายังคงรอต่อไป จนถึงเวลาเกือบๆ สองทุ่มเรือรอบสุดท้ายเข้าเทียบท่าแล้ว และสักพักก็เริ่มเอารถขึ้นเรือ ปรากฏว่ารถของเราได้ไป พร้อมกับกับข้างหลังเราอีกหลายคันอยู่ นับว่าเรายังพอมีแต้มบุญเหลืออยู่บ้าง ค่านำรถพร้อมคน 2 คนขึ้นเรือราคา 550 บาท ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรานำรถขึ้นเรือข้ามไปยังเกาะ ก่อนหน้านี้เราเคยข้ามไปยังเกาะช้าง จังหวัดตราดมาแล้ว แต่ว่าคราวนี้เมื่อขับรถมาถึงทางขึ้นของเรือก็ต้องรู้สึกตื่นเต้น พร้อมปนกับความประหลาดใจนิดหน่อย เพราะเรือที่เราจะขึ้นไปนั้นลำใหญ่กว่าที่เราเคยขึ้น และมีที่จอดรถหลายชั้น ถ้าจำไม่ผิดคือ 4 ชั้น การขับขึ้นไปจอดแต่ละชั้นก็ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถวนในห้างสรรพสินค้า เมื่อเราจอดรถได้แล้วก็ลงจากรถ และขึ้นไปนั่งยังห้องพักด้านบนที่จัดไว้ให้ผู้โดยสารนั่ง โดยส่วนนี้ก็จะแบ่งเป็นอีก 3 ชั้น เราก็เลือกนั่งที่เป็นห้องแอร์เหมือนเดิม และในนี้ก็มีร้านขายอาหาร น้ำ ขนม อยู่ด้วย เนื่องจากการเดินทาง และรอคิวที่ยาวนาน ทำให้เราเริ่มหิวอีกแล้ว จึงซื้อมาม่ากันมาคนละถ้วย อาหาร และขนมที่นี่เราคาอยู่ในเกณฑ์ปกติ แพงกว่าบนฝั่งนิดหน่อย รอบนี้เราล้าจากการขับรถ และรอคิวมานานมากทำให้เราหมดแรงที่จะเดินสำรวจเรือแล้ว และเราก็อยากถึงโรงแรมเต็มทีแล้ว ซึ่งโรงแรมที่เราจองไว้ในคืนนี้นั่นก็คือโรงแรม mimosa และตอนนี้สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวก็คือรอให้เรือถึงฝั่ง เวลาเกือบๆ ห้าทุ่มเรือก็เข้าเทียบท่าที่เกาะสมุย
ในที่สุดเราก็ถึงเกาะสมุยแล้ว เราจึงขับรถไปยังโรงแรมที่เราจองไว้ทันที ซึ่งก็เป็นโชคดีที่โรงแรมที่เราพักอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ ขับรถประมาณ 15 นาที เราก็ถึงที่พักของเราในคืนนี้แล้ว ซึ่งที่พักในคืนนี้เราจองมาได้ในราคา 200 บาท จากใน agoda ไม่มีอาหารเช้าให้ เนื่องจากเรามาถึงที่นี่ดึกแล้วจึงไม่ค่อยได้เห็นบรรยากาศรอบๆ โรงแรมเท่าไรนัก แต่ส่ิงหนึ่งที่สัมผัสได้ก็คือพนักงานที่นี่บริการดีมาก เมื่อเราทำการ Check in เรียบร้อย พนักงานก็พาเราไปยังห้องพัก ซึ่งห้องพักก็ตบแต่งไว้อย่างน่ารัก แถมยังมีกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก และที่ระเบียงยังมีอ่างอาบน้ำให้ลงไปแช่ผ่อนคลายได้ด้วย แต่เราคงไม่มีโอกาสได้ใช้เนื่องจากดึกมากแล้ว และเราก็ต้องการนอนเต็มที่ เพราะพรุ่งนี้จะมีรถตู้จากเรือทัวร์ไปหมู่เกาะอ่างทองมารับเราที่โรงแรมในเวลาเจ็ดโมงเช้า เมื่อจัดการเตรียมของ ถ่ายกระเป๋าสำหรับเอาไปนอนค้างที่หมู่เกาะอ่างทอง 1 คืนเรียบร้อย เราก็ทำการอาบน้ำ เข้านอน และหลับไปอย่างรวดเร็ว (เสียดายที่ในช่วยนี้เราไม่มีรูปเลย แต่บรรยากาศบางส่วนสามารถดูได้ที่วีดีโอด้านล่างนะครับ)
วันนี้เป็นอีกวันที่เราต้องตื่นแต่เช้า นั่นก็คือเวลา 6 โมงเช้า สำหรับใครหลายๆ คนอาจจะมองว่าเป็นเวลาปกติ แต่สำหรับเรามันเป็นเวลาที่เช้ามาก หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วก็ลงไปคืนห้อง พร้อมกับขอฝากรถไว้ที่นี่ก่อน 1 คืน เพราะคืนต่อไป เราจะกลับมานอนที่นี่อีก ซึ่งเราจองที่นี่ต่อไว้อีก 2 คืน เมื่อถึงเวลาก็มีรถตู้มารับเราไปยังท่าเรือ เพื่อไปต่อยังหมู่เกาะอ่างทอง นั่งรถไม่นานเราก็ถึงท่าเรือที่มีเรือทัวร์ของเราจอดรออยู่ ซึ่งเรือก็จะออกประมาณ 8 โมง ซึ่งเรือทัวร์ที่เราไปก็คือเรือของ Hight sea tour ราคา 2 คน 1,380 บาท โดยเรือลำนี้จะมีคนไปด้วยประมาณ 100 คน เมื่อเราขึ้นไปบนเรือก็เลือกหาที่นั่ง เมื่อได้ที่นั่งแล้วเราจึงลุกไปเอาของว่างที่ทางบนเรือมีไว้บริการ ซึ่งก็ดีมากเพราะเรายังไม่ได้ทานข้าวเช้ากันมา เมื่อถึงเวลาเรือก็ออกจากฝั่ง ระหว่างนั่งเรือเราก็ขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนของเรือ
ความจริงอยากขึ้นยืนด้านบนตรงธง
วิวดี แดดยังไม่ค่อยแรงเท่าไร
เรือทัวร์อีกลำ มุ่งหน้าไปที่เดียวกัน
วีดีโอบรรยากาศกาศการเดินทางท่องเที่ยวของเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้าชื่นชอบการท่องเที่ยวของเราสองคน เข้าไปกด Like กด Share เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/lifeforfuntravel
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนก่อนหน้า EP. 1
ตอนก่อนหน้า EP. 2
ตอนต่อไป EP. 4
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทริปนี้
ต่อใน Comment นะครับ
[CR] road trip เที่ยวทะเลใต้ แบบไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุดพัก (EP.3)
วันนี้เราตื่นมาประมาณแปดโมงเช้า เนื่องจากวันนี้เราจะต้องขึ้นเรือกลับไปยังท่าเรือลมพระยาที่จังหวัดชุมพร เพื่อกลับไปเอารถ และขับต่อไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อข้ามต่อไปยังเกาะสมุย พอตื่นขึ้นมาเราก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แต่ถึงจะค่อนข้างรีบสักหน่อย แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะดื่มด่ำกับบรรยากาศของทะเล ในขณะแปลงฟันที่หน้าต่างตรงอ่างล้างหน้า เมื่อเราแต่งตัวเก็บของเรียบร้อยก็เดินลงไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารที่อยู่ริมหาดเหมือนเดิม อาหารเช้าวันนี้ก็เหมือนกับเมื่อวาน เมื่อทานเสร็จก็กลับห้องมาตรวจเช็คของอีกรอบว่าเก็บหมดหรือยัง จากนั้นก็โทรแจ้งให้ทางโรงแรมนำรถกอล์ฟมาเอากระเป๋าของเราไป จากนั้นก็ทำการคืนห้อง และรอรถของโรงแรมไปส่งเรายังที่ท่าเรือ แต่ก่อนที่รถจะมาก็มีพนักงานของโรงแรมมาแจ้งว่าเราลืมของไว้ในห้อง พร้อมกับนำถุงที่ใส่ของที่เราลืมไว้มาให้ นี่ขนาดเราตรวจดูหลายรอบแล้วนะ ยังลืมได้อีก ของที่ลืมก็คือชุดว่ายน้ำที่เราตากไว้ด้านนอกระเบียงนั่นเอง
รอสักพักรถของโรงแรมก็มารับเราไปยังท่าเรือ เมื่อถึงท่าเรือก็ทำการแรกตั๋วเรือเหมือนกับตอนมา แล้วก็ต่อคิวรอขึ้นเรือ แต่รอบนี้เรือมาไม่ตรงเวลาเท่าไร ช้ากว่ากำหนดไปครึ่งชั่วโมง เมื่อเรือมาแล้วเราก็ได้ขึ้นเรือ และนั่งที่ห้องแอร์ชั้นล่างของเรือเหมือนเดิม แต่รอบนี้ต่างจากตอนรอบมา คือคนน้อยกว่าเกือบครึ่ง เรานั่งเรือข้ามฝั่งประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงท่าเรือฝั่งชุมพรในเวลาประมาณเที่ยงพอดี เมื่อเราถึงท่าเรือก็ตรงไปยังรถ และมุ่งหน้าไปยังท่าเรือซีทรานเฟอร์รี่ ซึ่งอยู่ที่อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อเราดูจากแผนที่ใน google map แล้ว พบว่าเราต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณเกือบๆ 5 ชั่วโมง กับระยะทาง 200 กว่ากิโลเมตร และเส้นทางในแผนที่ก็เป็นสีแดงเข้ม เกือบทั้งเส้น นั่นหมายถึงรถติดมาก แต่เราก็ไม่มีทางเลี่ยงไปยังเส้นทางอื่น เมื่อเราขับรถมาถึงตรงที่แผนที่เป็นสีแดงเข้ม เราก็ได้รู้ถึงสาเหตุที่รถติดก็คือ มีการทำถนนใหม่ และใช้ทางเบี่ยงตลอดเส้นทาง จึงทำให้รถติดมาก ซึ่งดูจากระยะเวลาแล้วเราจะถึงท่าเรือประมาณ 5 โมงเย็น และก็ไม่มีโอกาสได้แวะเที่ยวที่ไหนเลย เนื่องจากเราเสียเวลากับรถติดตรงนี้ไปมาก ระหว่างที่เราขับรถผจญรถติดสลับกับหยุดนิ่งอยู่นั้น เราก็เริ่มทำการจองตัวเรือเพื่อข้ามฝั่งไปยังสมุย เมื่อเข้าเว็บไซต์ไปเพื่อจองปรากฏว่าเว็บล่ม ไม่สามารถเข้าใช้งานได้ จึงได้โทรไปถามยังท่าเรือ และคำตอบที่ได้รับก็คือตอนนี้คิวเต็มแล้ว ไม่สามารถจองได้ ถ้าต้องการข้ามจริงๆ ให้ลองมาเสี่ยงดวงต่อแถวที่หน้าท่าเรือ อาจจะมีโอกาสได้ข้าม เนื่องจากว่าทางท่าเรือเปิดให้จองผ่านหน้าเว็บไซต์ 50% และสำหรับคนที่ไม่ได้จองออนไลน์อีก 50% และอาจจะมีคนที่จองแล้วไม่มา เมื่อเราทราบเช่นนั้น เราจึงตัดสินใจไปวัดดวงที่ด้านหน้าท่าเรือ เราจึงพยายามรีบไปให้ถึงเร็วที่สุด แต่ก็ไม่สามารถรีบได้เนื่องจากรถที่ติดมาก จนเวลาผ่านไปเกือบๆ 3 ชั่วโมง เราก็ยังอยู่กับเส้นทางที่รถติดอยู่อย่างนั้น จนเรามีความคิดว่าจะไม่ไปแล้วสมุย เปลี่ยนแผนไปจังหวัดพังงาดีกว่า เพราะเราทนไม่ไหวกับรถที่ติดมากๆ และเมื่อไปถึงท่าเรือแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ข้ามไปยังเกาะสมุยอีกหรือป่าว ซึ่งพอถึงตอนนี้แล้วทำให้เรารู้ว่าเราคิดผิดมากที่จะเอารถข้ามไปยังเกาะสมุย เพราะว่าความจริงแล้ว เราสามารถนั่งเรือจากเกาะเต่าไปยังเกาะสมุยได้เลย ใช้เวลาเพียงชั่วโมงครึ่งเท่านั้น แต่ด้วยความที่เราคิดว่าเราจะเอารถไปขับเที่ยวบนเกาะสมุยด้วย ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่บนเกาะสมุยกี่วัน เพราะเรายังไม่มีแผน เมื่อเราตัดสินใจที่จะไม่ไปต่อแล้ว เพราะต้องการหลีกหนีรถติด เราจึงเลี้ยวเข้าปั้มน้ำมันเพื่อจอดพักทันที และหาข้าวทานกันที่นั่น เพื่อเติมพลังกันก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังพังงา
เมื่อเราได้พักทานข้าว เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตากันเรียบร้อยแล้ว เหมือนเราได้เติมพลังกันอีกครั้ง ความคิดเราจึงเปลี่ยนอีกรอบ หลังจากที่เราได้ปรึกษากันแล้ว เลยเสี่ยงวัดดวงไปรอเรือข้ามเกาะสมุยกัน เพราะเราอยากไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าเราได้จองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งที่พักนี้เป็นที่พักของทางอุทยานจึงต้องจองล่วงหน้า เมื่อเรามีแผนที่จะไปวัดดวง เราจึงยังคงมุ่งหน้าต่อไปยังท่าเรือเพื่อข้ามไปยังเกาะสมุยอีกครั้ง เราขับรถต่อมาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็หลุดส่วนที่รถติดออกมาแล้ว จากแผนที่ใน google map ประมาณเวลาว่าจะเราถึงในอีก 1 ชั่วโมง เราจึงเร่งทำเวลาเพื่อให้ถึงท่าเรือให้เร็วที่สุด เพราะถ้าเรายิ่งช้าโอกาสที่จะได้ข้ามฝั่งก็ลดลงไปเรื่อยๆ และแล้วในเวลาประมาณ 5 โมงเย็นเราก็มาถึงยังท่าเรือ สิ่งที่เห็นก็คือรถต่อคิวออกมาล้นท่าเรือแล้วประมาณเอาด้วยสายตาก็ตาก็ราวๆ 40 - 50 คัน เราจึงจอดรอเข้าคิวโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะได้ไปหรือป่าว และหลังเราก็มีรถมาต่อคิวอีกเรื่อยๆ ซึ่งคิวข้างหน้าเราก็มีบางคันที่รอไม่ไหววนรถออกไปก่อน รอได้สักพักก็มีเจ้าหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซด์มานับจำนวนรถที่ยังต่อคิวอยู่ เราจึงถามเจ้าหน้าที่ถึงโอกาสที่เราจะได้ไป ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือยังไม่แน่นอน ต้องรอคิวต่อไป ในระหว่างที่รอคิวอยู่นั้นเราก็ลงจากรถไปยืดเส้นยืดสาย และทำให้เราได้เพื่อนใหม่ด้วย ก็คือรถที่รอคิวอยู่เหมือนเรา ได้ลงมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันไป นานๆ ทีรถถึงจะขยับไปสัก 4-5 คัน บางคันก็รอไม่ไหว ฝากรถไว้ที่ท่าเรือ แล้วข้ามไปแต่คนแทน ซึ่งนั่นก็เป็นแผนสำรองของเรา และอีกแผนหนึ่งก็คือหาที่นอนแถวนี้แล้วรอข้ามไปใหม่ในวันพรุ่งนี้เวลาตีห้า เราก็รอคิวแบบมีความหวังจนตอนนี้เวลาประมาณทุ่มครึ่งแล้ว เราได้รับข่าวดีปนข่าวร้ายมาอีกรอบว่าจะมีเรือเสริมให้อีก 1 รอบ ในเวลาสองทุ่ม แต่จากที่เจ้าหน้าที่นับรถแล้วไม่ถึงคันของเรา แต่อีกเพียงแค่ 2 คันเท่านั้นก็จะถึงแล้ว เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก แต่พี่เจ้าหน้าที่ก็ยังบอกว่าถ้าจัดรถดีๆ เราอาจจะได้ไปก็ได้ เมื่อได้ยินดังนั้นทำให้เรายังคงรอต่อไป จนถึงเวลาเกือบๆ สองทุ่มเรือรอบสุดท้ายเข้าเทียบท่าแล้ว และสักพักก็เริ่มเอารถขึ้นเรือ ปรากฏว่ารถของเราได้ไป พร้อมกับกับข้างหลังเราอีกหลายคันอยู่ นับว่าเรายังพอมีแต้มบุญเหลืออยู่บ้าง ค่านำรถพร้อมคน 2 คนขึ้นเรือราคา 550 บาท ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรานำรถขึ้นเรือข้ามไปยังเกาะ ก่อนหน้านี้เราเคยข้ามไปยังเกาะช้าง จังหวัดตราดมาแล้ว แต่ว่าคราวนี้เมื่อขับรถมาถึงทางขึ้นของเรือก็ต้องรู้สึกตื่นเต้น พร้อมปนกับความประหลาดใจนิดหน่อย เพราะเรือที่เราจะขึ้นไปนั้นลำใหญ่กว่าที่เราเคยขึ้น และมีที่จอดรถหลายชั้น ถ้าจำไม่ผิดคือ 4 ชั้น การขับขึ้นไปจอดแต่ละชั้นก็ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถวนในห้างสรรพสินค้า เมื่อเราจอดรถได้แล้วก็ลงจากรถ และขึ้นไปนั่งยังห้องพักด้านบนที่จัดไว้ให้ผู้โดยสารนั่ง โดยส่วนนี้ก็จะแบ่งเป็นอีก 3 ชั้น เราก็เลือกนั่งที่เป็นห้องแอร์เหมือนเดิม และในนี้ก็มีร้านขายอาหาร น้ำ ขนม อยู่ด้วย เนื่องจากการเดินทาง และรอคิวที่ยาวนาน ทำให้เราเริ่มหิวอีกแล้ว จึงซื้อมาม่ากันมาคนละถ้วย อาหาร และขนมที่นี่เราคาอยู่ในเกณฑ์ปกติ แพงกว่าบนฝั่งนิดหน่อย รอบนี้เราล้าจากการขับรถ และรอคิวมานานมากทำให้เราหมดแรงที่จะเดินสำรวจเรือแล้ว และเราก็อยากถึงโรงแรมเต็มทีแล้ว ซึ่งโรงแรมที่เราจองไว้ในคืนนี้นั่นก็คือโรงแรม mimosa และตอนนี้สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวก็คือรอให้เรือถึงฝั่ง เวลาเกือบๆ ห้าทุ่มเรือก็เข้าเทียบท่าที่เกาะสมุย
ในที่สุดเราก็ถึงเกาะสมุยแล้ว เราจึงขับรถไปยังโรงแรมที่เราจองไว้ทันที ซึ่งก็เป็นโชคดีที่โรงแรมที่เราพักอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ ขับรถประมาณ 15 นาที เราก็ถึงที่พักของเราในคืนนี้แล้ว ซึ่งที่พักในคืนนี้เราจองมาได้ในราคา 200 บาท จากใน agoda ไม่มีอาหารเช้าให้ เนื่องจากเรามาถึงที่นี่ดึกแล้วจึงไม่ค่อยได้เห็นบรรยากาศรอบๆ โรงแรมเท่าไรนัก แต่ส่ิงหนึ่งที่สัมผัสได้ก็คือพนักงานที่นี่บริการดีมาก เมื่อเราทำการ Check in เรียบร้อย พนักงานก็พาเราไปยังห้องพัก ซึ่งห้องพักก็ตบแต่งไว้อย่างน่ารัก แถมยังมีกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก และที่ระเบียงยังมีอ่างอาบน้ำให้ลงไปแช่ผ่อนคลายได้ด้วย แต่เราคงไม่มีโอกาสได้ใช้เนื่องจากดึกมากแล้ว และเราก็ต้องการนอนเต็มที่ เพราะพรุ่งนี้จะมีรถตู้จากเรือทัวร์ไปหมู่เกาะอ่างทองมารับเราที่โรงแรมในเวลาเจ็ดโมงเช้า เมื่อจัดการเตรียมของ ถ่ายกระเป๋าสำหรับเอาไปนอนค้างที่หมู่เกาะอ่างทอง 1 คืนเรียบร้อย เราก็ทำการอาบน้ำ เข้านอน และหลับไปอย่างรวดเร็ว (เสียดายที่ในช่วยนี้เราไม่มีรูปเลย แต่บรรยากาศบางส่วนสามารถดูได้ที่วีดีโอด้านล่างนะครับ)
วันนี้เป็นอีกวันที่เราต้องตื่นแต่เช้า นั่นก็คือเวลา 6 โมงเช้า สำหรับใครหลายๆ คนอาจจะมองว่าเป็นเวลาปกติ แต่สำหรับเรามันเป็นเวลาที่เช้ามาก หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วก็ลงไปคืนห้อง พร้อมกับขอฝากรถไว้ที่นี่ก่อน 1 คืน เพราะคืนต่อไป เราจะกลับมานอนที่นี่อีก ซึ่งเราจองที่นี่ต่อไว้อีก 2 คืน เมื่อถึงเวลาก็มีรถตู้มารับเราไปยังท่าเรือ เพื่อไปต่อยังหมู่เกาะอ่างทอง นั่งรถไม่นานเราก็ถึงท่าเรือที่มีเรือทัวร์ของเราจอดรออยู่ ซึ่งเรือก็จะออกประมาณ 8 โมง ซึ่งเรือทัวร์ที่เราไปก็คือเรือของ Hight sea tour ราคา 2 คน 1,380 บาท โดยเรือลำนี้จะมีคนไปด้วยประมาณ 100 คน เมื่อเราขึ้นไปบนเรือก็เลือกหาที่นั่ง เมื่อได้ที่นั่งแล้วเราจึงลุกไปเอาของว่างที่ทางบนเรือมีไว้บริการ ซึ่งก็ดีมากเพราะเรายังไม่ได้ทานข้าวเช้ากันมา เมื่อถึงเวลาเรือก็ออกจากฝั่ง ระหว่างนั่งเรือเราก็ขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนของเรือ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต่อใน Comment นะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้