คือเกือบสองเดือนที่แล้ว มีวันหนึ่งที่เราว่าง ๆ เบื่อ ๆ หลังเลิกงานเราก็เล่นแอพหาเพื่อนที่เป็นแอพปัด ๆ อยู่แอพหนึ่ง (จำชื่อไม่ได้ลบไปแล้ว) เราก็ปัดแมทกับคนหนึ่ง แต่เราก็ไม่ได้ทักไปคุยนะ ส่วนเค้าก็ไม่ได้ทักมา ปัดไปเป็นสิบช่องแชทก็ยังเงียบกริบ....
เราเลยโหลดแอพมาอีกแอพก็คือแอพ Tinder ก็เหมือนเดิมปัดไปปัดมา ปัดเจอคนที่แมตกันคนนั้นในแอพก่อนหน้านี้ ทีนี้เราก็เลยปัดถูกใจแล้วทักไปว่าคนเดียวกันกับอีกแอพป่าว
ตอนนั้นเราแค่แบบทักขำ ๆ ไม่ได้ว่าชอบหรืออยากคุยอะไรขนาดนั้น เพราะในรูปก็ไม่ได้หล่ออะไรนะดูแก่ ๆ มีหนวดเคราแน่น ๆ
หลังจากนั้นเค้าก็ตอบเราแบบงง ๆ แล้วเราก็เริ่มคุยกัน เราคุยกันถูกคอมาก ๆ แบบไม่มีอะไรจะลงตัวกว่านี้แล้ว คุยกันได้ 5 วันนัดเจอกันเดทแรกก็ดูหนังกินข้าวทั่ว ๆ ไป ตอนไปเจอตัวจริงคือกี๊ส เค้าไม่ขึ้นกล้องเลยตัวจริงคือดีมาก เข้ม เท่ ไม่ได้ดูแก่เลย ส่วนเราอ่ะ อ้วน เตี้ย แว่น ตอนนั้นก็คิดว่าอกหักแล้วล่ะ จบแล้วคงแยกย้าย
สรุปเค้าคุยกับเราต่อคุยกันอีก 5 วัน ตกลงเป็นแฟนกัน วันถัดมาได้กัน 55555555555
ทุกอย่างรวดเร็วมาก ตอนแรกก็คิดว่าได้กันแล้วเดี๋ยวก็ไป สรุปไม่ไปติดเราหนักกว่าเดิม
คือเราเป็นสายชอบเดินป่ากางเต็นท์ อีก 10 วันถัดมาพาเค้าไปภูกระดึงเลย เอาให้เห็นแก่นนิสัยกันไปเลย 26 แล้ว อีก 4 ปี ก็เสี่ยงขึ้นคาน
ไม่อยากเสียเวลากับใคร ซึ่งภูกระดึงก็พิสูจน์ใจได้ดี มีบางมุมที่เค้าแอบไม่น่ารักบ้างตอนที่เค้าเหนื่อย แต่การดูแลเทคแคร์ของเค้าก็สามารถกลบความไม่น่ารักไปได้หมด
พอลงจากภูมา เค้าก็เหมือนเดิมกับเราทุกอย่างเพราะเค้าไม่มีโปรโมชั่นเลย แต่เรานี่สิหลงเค้าหนัก ชอบเค้ามากแบบไม่ไหว
ทีนี้ปัญหามันเกิดจากใจเราเอง พอเราชอบเค้ามากเราก็คิดมาก ทั้งเรื่องของจุดเริ่มต้นที่เราคุยกันจากแอพ มันปลอมมาก แล้วก็บางทีเค้าเป็นคนพูดไม่คิด เช่น บอกเลิกเราเล่น ๆ เพราะเราชอบดูคลิปบีบสิว (เค้าแหยง ๆ ไม่ชอบ) เค้าบอกเลิกแบบตลก ๆ แหละ แต่เราคิดมากไงเราแบบอารมณ์ดิ่งเลยไม่รับโทรศัพย์ ไม่คุยไม่ไรเลย เค้าก็มาง้อเราถึงบ้าน
คือตั้งแต่เราลงจากภูกระดึงมาเรางอลเค้าบ่อยมาก ๆ แต่เค้าก็จะพยายามทำทุกอย่างให้เราหายงอล พยายามสร้างความมั่นใจ โทรศัพย์เค้าก็ให้เราเช็ค เค้าพยายามเข้าใจเรามาตลอด
จนล่าสุดเมื่อ 4 ชั่วโมงที่แล้ว เค้าชวนเราลดน้ำหนักเพราะตั้งแต่คบกับมาเดือนกว่า ๆ เราทั้งคู่น้ำหนักขึ้นเพราะพากันกิน (อ้อ ลืมบอก พี่เค้าอายุมากกว่าเรา 2 ปี ทำอาชีพเดียวกันคือกราฟิกดีไซน์ แล้วบ้านเราก็อยู่ห่างกันแค่ 10 นาที เราเลยเจอกันบ่อยมาก) เค้าก็ชวนหาวิธีลดน้ำหนักก็พูดคุยปกติธรรมดาแต่แบบแอบจริงจังแฝงความเป็นห่วงสุขภาพจริง ๆ รู้สึกได้ แต่เราดันคิดมากอีกแล้วไง แบบมีปม คือเราเกิดมาไม่เคยผอมเลย แต่เราเป็นคนอ้วนที่หน้าตาโอเค ดังนั้นเวลาจะมีใครเข้ามาคุยด้วย เรามักจะเจอคำพูดแบบ “ไปออกกำลังกายกันมั้ย” หรือ “ถ้าเธอผอมเธอสวยมากนะเราจีบเลย” หรือ “ถ้าผอมเมื่อไหร่เราจะขอเป็นแฟน” คนมันมีปมอะเน้อะถึงเราจะรู้ว่าเค้าไม่เหมือนคนที่ผ่าน ๆ มา แต่มันเหมือนภาพมันถูกเล่นซ้ำเดิม ๆ
เราก็รู้สึกว่าเราเองรึป่าวที่อาจจะไม่พร้อมมีใคร เราจะเอาปมของเราหรือความระแวงกลัวในความสัมพันธ์ กลัวเสียใจ ไปให้เค้ารับผิดชอบได้หรอ เราสับสนมาก เรารู้สึกเหมือนความสัมพันธ์นี้เป็นแค่เชือกเส้นเดียวที่พาดอยู่กลางอากาศ และเรากำลังเดินบนเชือกเส้นนี้ ถ้าเราก้าวพลาดข้างล่างคือเหว เราสับสนมากเรากลัวและไม่มั่นใจอะไรเลยในความสัมพันธ์นี้ เวลาใครถามว่าเจอกันได้ยังไงถ้าไม่สนิทมากเราสองคนก็ไม่กล้าบอกว่าเจอกันในแอพก็บอกเลี่ยง ๆ ไปว่าคนรู้จักของคนรู้จัก แต่เราก็เห็นความพยายามของเค้าที่จะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ แต่เราก็สับสนเราควรทำยังไงดี
ได้แฟนจากแอพ Tinder เราจะมั่นใจในความสัมพันธ์ได้แค่ไหน??
เราเลยโหลดแอพมาอีกแอพก็คือแอพ Tinder ก็เหมือนเดิมปัดไปปัดมา ปัดเจอคนที่แมตกันคนนั้นในแอพก่อนหน้านี้ ทีนี้เราก็เลยปัดถูกใจแล้วทักไปว่าคนเดียวกันกับอีกแอพป่าว
ตอนนั้นเราแค่แบบทักขำ ๆ ไม่ได้ว่าชอบหรืออยากคุยอะไรขนาดนั้น เพราะในรูปก็ไม่ได้หล่ออะไรนะดูแก่ ๆ มีหนวดเคราแน่น ๆ
หลังจากนั้นเค้าก็ตอบเราแบบงง ๆ แล้วเราก็เริ่มคุยกัน เราคุยกันถูกคอมาก ๆ แบบไม่มีอะไรจะลงตัวกว่านี้แล้ว คุยกันได้ 5 วันนัดเจอกันเดทแรกก็ดูหนังกินข้าวทั่ว ๆ ไป ตอนไปเจอตัวจริงคือกี๊ส เค้าไม่ขึ้นกล้องเลยตัวจริงคือดีมาก เข้ม เท่ ไม่ได้ดูแก่เลย ส่วนเราอ่ะ อ้วน เตี้ย แว่น ตอนนั้นก็คิดว่าอกหักแล้วล่ะ จบแล้วคงแยกย้าย
สรุปเค้าคุยกับเราต่อคุยกันอีก 5 วัน ตกลงเป็นแฟนกัน วันถัดมาได้กัน 55555555555
ทุกอย่างรวดเร็วมาก ตอนแรกก็คิดว่าได้กันแล้วเดี๋ยวก็ไป สรุปไม่ไปติดเราหนักกว่าเดิม
คือเราเป็นสายชอบเดินป่ากางเต็นท์ อีก 10 วันถัดมาพาเค้าไปภูกระดึงเลย เอาให้เห็นแก่นนิสัยกันไปเลย 26 แล้ว อีก 4 ปี ก็เสี่ยงขึ้นคาน
ไม่อยากเสียเวลากับใคร ซึ่งภูกระดึงก็พิสูจน์ใจได้ดี มีบางมุมที่เค้าแอบไม่น่ารักบ้างตอนที่เค้าเหนื่อย แต่การดูแลเทคแคร์ของเค้าก็สามารถกลบความไม่น่ารักไปได้หมด
พอลงจากภูมา เค้าก็เหมือนเดิมกับเราทุกอย่างเพราะเค้าไม่มีโปรโมชั่นเลย แต่เรานี่สิหลงเค้าหนัก ชอบเค้ามากแบบไม่ไหว
ทีนี้ปัญหามันเกิดจากใจเราเอง พอเราชอบเค้ามากเราก็คิดมาก ทั้งเรื่องของจุดเริ่มต้นที่เราคุยกันจากแอพ มันปลอมมาก แล้วก็บางทีเค้าเป็นคนพูดไม่คิด เช่น บอกเลิกเราเล่น ๆ เพราะเราชอบดูคลิปบีบสิว (เค้าแหยง ๆ ไม่ชอบ) เค้าบอกเลิกแบบตลก ๆ แหละ แต่เราคิดมากไงเราแบบอารมณ์ดิ่งเลยไม่รับโทรศัพย์ ไม่คุยไม่ไรเลย เค้าก็มาง้อเราถึงบ้าน
คือตั้งแต่เราลงจากภูกระดึงมาเรางอลเค้าบ่อยมาก ๆ แต่เค้าก็จะพยายามทำทุกอย่างให้เราหายงอล พยายามสร้างความมั่นใจ โทรศัพย์เค้าก็ให้เราเช็ค เค้าพยายามเข้าใจเรามาตลอด
จนล่าสุดเมื่อ 4 ชั่วโมงที่แล้ว เค้าชวนเราลดน้ำหนักเพราะตั้งแต่คบกับมาเดือนกว่า ๆ เราทั้งคู่น้ำหนักขึ้นเพราะพากันกิน (อ้อ ลืมบอก พี่เค้าอายุมากกว่าเรา 2 ปี ทำอาชีพเดียวกันคือกราฟิกดีไซน์ แล้วบ้านเราก็อยู่ห่างกันแค่ 10 นาที เราเลยเจอกันบ่อยมาก) เค้าก็ชวนหาวิธีลดน้ำหนักก็พูดคุยปกติธรรมดาแต่แบบแอบจริงจังแฝงความเป็นห่วงสุขภาพจริง ๆ รู้สึกได้ แต่เราดันคิดมากอีกแล้วไง แบบมีปม คือเราเกิดมาไม่เคยผอมเลย แต่เราเป็นคนอ้วนที่หน้าตาโอเค ดังนั้นเวลาจะมีใครเข้ามาคุยด้วย เรามักจะเจอคำพูดแบบ “ไปออกกำลังกายกันมั้ย” หรือ “ถ้าเธอผอมเธอสวยมากนะเราจีบเลย” หรือ “ถ้าผอมเมื่อไหร่เราจะขอเป็นแฟน” คนมันมีปมอะเน้อะถึงเราจะรู้ว่าเค้าไม่เหมือนคนที่ผ่าน ๆ มา แต่มันเหมือนภาพมันถูกเล่นซ้ำเดิม ๆ
เราก็รู้สึกว่าเราเองรึป่าวที่อาจจะไม่พร้อมมีใคร เราจะเอาปมของเราหรือความระแวงกลัวในความสัมพันธ์ กลัวเสียใจ ไปให้เค้ารับผิดชอบได้หรอ เราสับสนมาก เรารู้สึกเหมือนความสัมพันธ์นี้เป็นแค่เชือกเส้นเดียวที่พาดอยู่กลางอากาศ และเรากำลังเดินบนเชือกเส้นนี้ ถ้าเราก้าวพลาดข้างล่างคือเหว เราสับสนมากเรากลัวและไม่มั่นใจอะไรเลยในความสัมพันธ์นี้ เวลาใครถามว่าเจอกันได้ยังไงถ้าไม่สนิทมากเราสองคนก็ไม่กล้าบอกว่าเจอกันในแอพก็บอกเลี่ยง ๆ ไปว่าคนรู้จักของคนรู้จัก แต่เราก็เห็นความพยายามของเค้าที่จะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ แต่เราก็สับสนเราควรทำยังไงดี