นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ในการส่งออกขาดแคลนว่า
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
"กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน และกระทรวงคมนาคม ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งสถานการณ์คลี่คลายขึ้น โดยสาเหตุหลักเป็นเพราะ ที่ผ่านมาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนทั่วโลก และประเทศไทยมีการส่งออกมากกว่าการนำเข้า
ทำให้มีแต่ตู้ส่งออก แต่ไม่มีตู้นำเข้า ทำให้เกิดความขาดแคลน แต่การร่วมมือ 3 ฝ่ายนั้น สามารถทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งตั้งแต่มกราคม ถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ มีการช่วยเหลือผู้ส่งออกในการลดค่าบริการหน้าท่า จำนวน 1,000 บาทต่อตู้ ซึ่งช่วยลดต้นทุนแก่ผู้ประกอบการได้"
ส่วนที่ภาคเอกชนขอให้กระทรวงพาณิชย์ประสานงานจัดหาเรือขนาด 400 เมตร เข้ามาเทียบท่าหน้าแหลมฉบัง เพื่อนำตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาเพื่อรับสินค้าส่งตรงถึงปลายทางได้คราวละจำนวนมาก โดยไม่ต้องถ่ายลงเรือเล็กที่ท่าเรือสิงคโปรนั้น นายจุรินทร์ เปิดเผยว่า วันนี้ (5 พ.ค.) จะเป็นวันแรก ที่จะมีเรือขนาด 399 เมตรสัญชาติยุโรป มาเทียบท่าที่แหลมฉบัง ซึ่งได้มีการประสานงานร่วมกัน เพื่อรับสินค้าส่งต่อไปยังจีน และสหรัฐอเมริกา ให้มีการขนตู้สินค้าเปล่ามาประมาณ 6,000 TEU ซี่งน่าจะรับสินค้าจากไทยไปได้ 120,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท
โดยจะรับสินค้าออกไปในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ทั้งข้าว อาหารกระป๋อง ผลิตภัณฑ์พลาสติก อิเลคทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ และถัดจากนี้ จะมีเรือขนาดใหญ่เข้ามาเทียบท่าอีก 3 ลำ ได้แก่ ในวันที่ 21 พฤษภาคม และ 2 มิถุนายน และ 19 มิถุนายน มารับสินค้า เพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน
EEC - ดีเดย์! รมว.พณ.ประสานเรือขนาดใหญ่ 399 เมตร เทียบท่าเรือแหลมฉบัง
ส่วนที่ภาคเอกชนขอให้กระทรวงพาณิชย์ประสานงานจัดหาเรือขนาด 400 เมตร เข้ามาเทียบท่าหน้าแหลมฉบัง เพื่อนำตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาเพื่อรับสินค้าส่งตรงถึงปลายทางได้คราวละจำนวนมาก โดยไม่ต้องถ่ายลงเรือเล็กที่ท่าเรือสิงคโปรนั้น นายจุรินทร์ เปิดเผยว่า วันนี้ (5 พ.ค.) จะเป็นวันแรก ที่จะมีเรือขนาด 399 เมตรสัญชาติยุโรป มาเทียบท่าที่แหลมฉบัง ซึ่งได้มีการประสานงานร่วมกัน เพื่อรับสินค้าส่งต่อไปยังจีน และสหรัฐอเมริกา ให้มีการขนตู้สินค้าเปล่ามาประมาณ 6,000 TEU ซี่งน่าจะรับสินค้าจากไทยไปได้ 120,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท
โดยจะรับสินค้าออกไปในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ทั้งข้าว อาหารกระป๋อง ผลิตภัณฑ์พลาสติก อิเลคทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ และถัดจากนี้ จะมีเรือขนาดใหญ่เข้ามาเทียบท่าอีก 3 ลำ ได้แก่ ในวันที่ 21 พฤษภาคม และ 2 มิถุนายน และ 19 มิถุนายน มารับสินค้า เพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน