[CR] รีวิว Foreo UFO แบบมีสาระ และวิธีที่เราใช้

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวเครื่อง Mask หน้าจากแบรนด์ Foreo หรือที่รู้จักกันในชื่อ Foreo UFO นั่นเองค่ะ รีวิวนี้ไม่ได้รับการ Sponsor แต่อย่างใดนะคะ

เล่าก่อนว่าเราไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Foreo มาก่อนเลย ที่รู้จักก่อนหน้านี้เรารู้จักแค่เครื่องล้างหน้า แต่เราคิดว่ามันค่อนข้างแพงแล้วปกติหน้าเราก็ล้างด้วยมือมาตลอดไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่… เราเป็นคนชอบมาร์คหน้าค่ะ แล้วก็เชื่อเรื่องการมาร์คหน้าในระดับหนึ่ง เลยมาโดนตกด้วยผลิตภัณฑ์รุ่นที่แพงกว่าซะนี่ 😅
 
เราใช้เจ้าเครื่องนี้มาประมาณหนึ่งเดือนแล้ว เรื่องเริ่มจากช่วงที่เราเป็นสิวเพราะใส่หน้ากากอนามัย เรามีสิวอักเสบขึ้นบริเวณคางและข้างแก้มทั้งสองข้างเลยค่ะ ก็ทาครีมมาเรื่อยๆ จนมาเห็นเน็ตไอดอลท่านหนึ่งรีวิวเครื่อง Foreo UFO ว่าใช้แล้วสิวหาย จากนั้นเราก็หารีวิวยาวเลย เราอ่านจาก source ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แล้วก็ลงความเห็นกับตัวเองว่า เป็นการลงทุนในระยะยาว คิดซะว่าเผื่อในอนาคตจะได้ไม่ต้องไปเข้าคลินิก แล้วเมื่อปลงใจได้ ก็เหลือแค่รอซื้อตอนมันลดราคา

ตามที่ Foreo บรรยายสรรพคุณไว้นะคะ เขาบอกว่าเจ้าเครื่องนี้เป็น Smart mask ที่เอาเทคโนโลยีทางด้านผิวหนังของ Foreo มาผสานกับ Mask สูตรเกาหลี โดยเครื่อง Foreo UFO นี้จะใช้ Thermo and Cryo function หรือการใช้อุณหภูมิทั้งร้อนและเย็น ร่วมกับการสั่นสะเทือนแบบ T-Sonic เพื่อกระตุ้นให้มาร์คดูดซึมเข้าสู่ผิวของเราได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ความพิเศษของเครื่องมาร์คหน้านี้คือการมี RGB LED Light Function ซึ่ง Foreo เขาก็ได้จับคู่ Mask แต่ละสูตรเข้ากับแสง LED แต่ละแสงไว้ด้วย ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อค่ะ

มีแสงแล้วมันทำไม? ต่อไปจะวิชาการนิดนึง ใครไม่สู้เลื่อนลงไปอ่านรีวิวเฉพาะเครื่องด้านล่างได้เลยนะคะ

เรามา Educate ourselves ไปพร้อมๆ กันนิดนึงน่า จากการที่เราศึกษามาจากบทความต่างๆ (ออกตัวก่อนว่า เราเองก็ไม่ได้เรียนจบด้านนี้มา ถ้าข้อมูลถูกหรือผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ตั้งแต่ตรงนี้เลยนะคะ) LED ย่อมาจาก Light Emitting Diode เป็นเหมือน laser ความเข้มข้นต่ำที่เมื่อโดนผิวหนังแล้วจะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บแต่อย่างใด โดยปกติแล้วผิวหนังมนุษย์จะสามารถดูดกลืนรังสี ultraviolet, infrared และแสงต่างๆ ที่ตามองเห็นจากดวงอาทิตย์ และเปลี่ยนพลังงานแสงนั้นๆ เป็นกระบวนการกระตุ้นทางชีวภาพต่างๆ ของผิวหนัง เพื่อเกิดการซ่อมแซม กระตุ้นการหายของแผล และลดการอักเสบ
LED เป็นแสงสังเคราะห์ที่สามารถให้แสงในความยาวคลื่นเลียนแบบแสงจากดวงอาทิตย์ได้ จึงมีการนำ LED มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ทั้งการรักษาผมร่วง เหงือกและฟัน ผิวพรรณ ฯลฯ

ซึ่งแสง LED เนี่ยต้องมีความสว่างเข้มข้นระดับในที่เหมาะสมจึงจะทำปฏิกิริยากับเซลล์ผิวเพื่อรักษาอาการต่างๆ ของผิวได้นะคะ ซึ่งแสงแต่ละสีมีคุณสมบัติในการรักษาปัญหาผิวแตกต่างกัน และแสงแต่ละสีก็จะมีความยาวคลื่นที่ต่างกัน (เอาเท่านี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวมันจะวิทยาศาสตร์มากไป) โดยเราสรุปช่วงความยาวคลื่นของแสงแต่ละสีไว้ดังนี้นะคะ
• แสงสีฟ้า-น้ำเงิน ความยาวคลื่น 440-500 นาโนเมตร (ปกติคลินิกใช้กันที่ 470 nm) ตามคลินิกนำมารักษาสิวและลดการอักเสบของผิว
• แสงสีเขียว ความยาวคลื่น 500-565 นาโนเมตร (ปกติใช้กันที่ 525 nm) สำหรับรักษารอยแดง รอยดำ เม็ดสี เส้นเลือดผอยที่เกาะใต้ผิว และอาการแพ้
• แสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 565-590 นาโนเมตร (อันนี้ตามคลินิกใช้ที่ 590 nm เลย) ใช้รักษารอยแดง รอยดำ สิว เม็ดสีและระบบน้ำเหลือง
• แสงสีแดง ความยาวคลื่น 625-740 นาโนเมตร (ทั่วไปใช้ที่ 640 nm) สำหรับรักษาริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อาการแพ้และกระชับกล้ามเนื้อผิว
**การรักษาด้วยวิธีการฉายแสงต้องทำอย่างสม่ำเสมอจึงจะเห็นผล

 

 
ตัดภาพมาที่เจ้าเครื่อง Foreo UFO ของเรา บางคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ นับว่าอดทนนะคะ ข้างบนนั่นสาระมาก 555
เราก็เลยไปค้นใน website ของ Foreo ค่ะ ว่า แล้วเจ้าเครื่องที่ราคาเหยียบหมื่นนี่ เค้าปล่อยความยาวคลื่นกี่นาโนเมตรกันน้า คำตอบคือ…
เขาไม่บอกค่ะ 5555 หาที่ไหนไม่เจอทั้งนั้น ผิดหวังไปหนึ่งกรุบ (รีวิวนี้มันเรียลจังง่า) แต่เราไปเจอข้อมูลของ Foreo UFO 2 ใน official website ของ Foreo คือ Foreo UFO 2 ทั้งแบบ mini และแบบธรรมดาจะมีความยาวคลื่นอยู่ที่ 463-627 nm และเหมือน Foreo รุ่นแรก คือ mini ไม่สามารถทำความเย็นได้ค่ะ ทั้งนี้เขาบอกว่าสิ่งที่ UFO 2 มีมากกว่า UFO เฉยๆ ที่เป็นรุ่นแรก คือ ราคา เย้ย! ล้อเล่นแต่ก็พูดจริง และ Full Spectrum of LED lights (five more colors than the original UFO) แปลแบบตีความก็คือไอ้ 463-627 nm เนี่ยคือรวมความยาวคลื่นที่มากกว่า UFO รุ่นแรก หรือมากกว่าถ้าคิดเป็นสีคือ 5 สี ก็คือพอจะเดาได้นะคะว่า UFO ปกติอาจจะมีความยาวคลื่นไม่ตอบทุกโจทย์ของปัญหาผิว หรือตอบก็ไม่ทราบได้ ใครทราบรบกวนบอกด้วยค่ะ เพราะเราก็ซื้อรุ่นนี้มาเหมือนกัน หวังว่ามันจะพอนะ (แอบปาดน้ำตาแล้วหนึ่ง)

แต่ถ้าใครอยากตัดปัญหาให้จบๆ คิดซะว่าลงทุนครั้งเดียว ไปซื้อ UFO 2 ก็จะแพงกว่า UFO รุ่นแรกแค่เพียง 300 บาทราคาเต็มเท่านั้นค่ะ แต่เราเห็นในแอพ Sephora ตอนนี้ยังไม่มีนะ ใครจะพรีออเดอร์ช่องทางอื่นระวังของปลอมด้วยนะคะ
ต่อไปมาถึงขั้นตอนการใช้ เราว่าอันนี้บทความรีวิวที่อื่น และคลิปตามยูทูปมีมากมายแล้ว เราจะขออนุญาตอธิบายวิธีการใช้คร่าวๆ แล้วขยับไปเป็นความรู้สึกหลังการใช้เลยนะคะ

ภาพรวมคือเจ้าเครื่อง Foreo UFO นั้น ใครไม่มี Smart phone จะไม่สามารถใช้ได้ค่ะ เพราะมันเป็น Smart mask ซึ่งมันแอบเป็นปัญหาสำหรับเราในฐานะผู้ใช้จริง เดี๋ยวค่อยเล่าตอนท้ายนะคะ กล่าวคือพอเราได้เครื่องมาปุ๊บ เราก็ต้องทำการโหลด Application มาไว้ในเครื่อง จัดการ Register ให้เรียบร้อย **แนะนำว่า Register ด้วย email นะคะ** เรื่องนี้มีเหตุผลค่ะเดี๋ยวบอกตอนท้าย แต่รับรองว่าแอพใช้งานไม่ยากเลย เมื่อ Register เสร็จแล้ว

พอเรา register เสร็จ ในแอพของเราก็จะ show device ของเราขึ้นมาค่ะ เอาไปชาร์ตก่อน แล้วพร้อมใช้งานเลย ทางแบรนด์เคลมว่า การชาร์ต 1 รอบใช้เวลา 3 ชั่วโมง และจะใช้ได้ประมาณ 40 ครั้งค่ะ
การ Pair เครื่องกับแอพก็ทำได้ด้วยการเปิด Bluetooth ที่ smart phone หรือ ipad ของเรา (แอนดรอยด์ก็ใช้ได้นะคะ) แล้วก็กดปุ่มที่อยู่ด้านบนของตัวเครื่อง UFO ค่ะ เดี๋ยวมันจะเชื่อมกันเอง (ขออนุญาตไม่แปะรูปนะคะ รูปใหญ่มากค่ะย่อไม่เป็น กลัวจะเป็นการรบกวน)

 
พอกด start treatment ปุ๊บ ก็จะมี Mask สูตรต่างๆ ขึ้นมาให้เราเลือกตามแต่เราจะมี โดยส่วนตัวเราใช้ Call It a Night นะคะ เพราะว่าถูกที่สุด 1 กล่องมี 7 ชิ้นราคา 390 บาท แบบยังไม่ลด ถ้าสูตรอื่นจะค่อนข้างแพงค่ะ 1 กล่องจะมี 6 ชิ้น ราคา 700 บาท ถ้าจำไม่ผิด เราก็ว่าจะรอลดราคาแล้วซื้อสูตรอื่นมาลองบ้าง เห็นเขารีวิวกันว่าถ้าเปลี่ยนสูตรแสงที่ออกจากเครื่องก็จะเปลี่ยนไปด้วยนะเออ แต่ของสูตรนี้เป็นแสงสีแดงค่ะ
 
 แล้วน้องเค้าก็จะเตือนว่า ถอดวงแหวนออกนะ แล้ววางแผ่นมาร์คลงไป เอาจริงจังหวะนี้เลอะเทอะมือเหมือนกัน รู้สึกเลอะเครื่องด้วยแต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเอาไปล้างน้ำ (แต่ก็แอบเสียดายส่วนที่เปื้อนเครื่องเพราะมันแพง) แล้วจังหวะปิดวงแหวนคือไม่เคยลงล็อคในรอบแรกอะเอาจริง สงสัยยังไม่เซียน แล้วส่วนที่เลอะๆมือก็เอามาป้ายหน้านะคะ จะได้คุ้มๆ
  
พอปิดฝาเสร็จ เพลงก็จะเริ่มบรรเลงค่ะ เราก็หลับตานวดไปให้ทั่วหน้า อย่างตอนเรามีสิว เราก็นวดทับสิวไปเลยนะคะ ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองแต่อย่างใด จังหวะนี้เครื่องจะปล่อยความร้อนออกมาค่ะ แต่ไม่มีปล่อยความเย็นนะคะ ต่อให้เป็นรุ่น UFO เครื่องใหญ่ (แต่เราลองแค่ mask สูตรเดียว ไม่รู้สูตรอื่นจะมีเปล่า แต่สูตรนี้ไม่มีค่ะ)
 
จากนั้นพอครบ 90 วินาที น้องเค้าก็จะถามว่า จะ Repeat treatment ไหม อันนี้ก็แล้วแต่จริตคนได้เลยนะคะ แต่ส่วนตัวเราไม่ค่ะ เทคนิคของเราคือเราจะกลับไปหน้าแรก แล้วกดไปที่ Smart control จากนั้นก็บีบ essence ส่วนที่เหลือลงไปนิดหน่อย เราจะกดให้มันสั่นประมาณระดับ 1-2 แล้วก็เลือกสีตามใจชอบนะคะ ส่วนตัวมีรอยสิวเลยเลือกสีฟ้า (ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าความยาวคลื่นมันเข้มข้นพอไหม หรือว่ามีสีมาพอสวยๆ แต่เอาว่าซื้อมาแล้วก็ใช้ไปเพื่อความสบายใจ) จากนั้นก็เลือกความเย็นเป็นแบบ Cool อันนี้เราจะทำทุกครั้งหลังใช้ ถือว่าเป็นการปิดรูขุมขนค่ะ

 
พอเสร็จสิ้นกระบวนการในไม่ถึงห้านาที เราก็เอาเครื่องไปล้างน้ำค่ะ เครื่องนี้กันน้ำรอบเครื่องนะคะ จุ่มไปเลยค่ะ
 
 
มาถึงบทสรุปข้อดีข้อเสียของเครื่อง Foreo UFO ของเรากันค่ะ มาเริ่มกันที่ข้อดีก่อนนะคะ
     1. ไม่ระคายเคืองเลยค่ะ กลิ่นมาร์คหอมอ่อนๆ แต่มีน้ำหอมนะคะ พอดีเราไม่แพ้ใครแพ้ก็ระวังด้วย อย่างเราใช้ตอนเป็นสิว ไม่มีการอักเสบเพิ่มเลยค่ะ เหมือนจะทุเลาลงนิดหน่อย ถูทับสิวได้ค่ะ
     2. ใช้เวลาสั้นกว่าการมาร์คแบบปกติมาก
     3. ผ่อนคลายดีค่ะ
     4. หลังมาร์ค หน้าใสขึ้นหนึ่งสเต็ป ไม่มีภาพ before after นะคะ เพราะเราไม่เชื่อเรื่องการมาร์คอะไรแล้วเห็นผลใน 1 ครั้ง ก่อนมาร์คเรามีรอยสิว หลังมาร์คก็มีเหมือนเดิมค่ะ แต่โดยรวมหน้าใสขึ้น และนุ่มขึ้น ส่วนเรื่องริ้วรอย เรายังไม่แก่ แค่ยี่สิบกลางๆ แต่ใช้กันไว้ก่อนเพื่อความสบายใจ เพราะฉะนั้นผลลัพธ์ในส่วนริ้วรอยจึงยังไม่เห็นนะคะ
ส่วนข้อเสีย มีดังนี้ค่ะ
     1. ราคาสูง อันนี้ไม่พูดกันเยอะนะคะ รู้เรื่อง (แต่สุดท้ายก็ซื้อ ผู้หญิงอะเนอะ)
     2. พกยากกว่า Sheet mask มากค่ะ เพราะมันกลมๆ มีน้ำหนัก แล้วเราลง app ใน iPad ต้องแบก iPad ไปด้วยอีก บางคนถามว่าแล้วทำไมไม่ลงในโทรศัพท์ ก็บางทีอยากดูอะไรทางโทรศัพท์ แล้วมาร์คใช้ iPad อะค่ะ ฟีลลิ่งล้วน
     3. ด้วยความที่ถ้าไม่มี Smart phone หรือ iPad แล้วจะใช้ไม่ได้ เราเคยประสบปัญหานี้ค่ะ คือหลังจากซื้อมาได้ 1 เดือน อยู่ดีๆ แอพก็เอ๋อ แล้วก็ค้างไป เราก็ปิดแอพไปค่ะ วันนั้นเลยไม่ได้มาร์ค สองสามวันต่อมาเราเข้าแอพอีกรอบ คราวนี้มันให้ log in ใหม่ แล้วก็ Register ใหม่ แต่ปรากฏว่าแอพแจ้งเตือนว่า UFO ของเราโดน Register ไปแล้วด้วย Apple id ที่ไม่ใช่ของเราค่า เลยกลายเป็นว่าใช้เครื่องไม่ได้ เครียดมากจุดนั้นเพราะหน้าก็ยังไม่ได้มาร์ค แผ่นมาร์คก็เหลืออีกเป็นกล่อง ที่สำคัญ เครื่องราคาเหยียบหมื่นนะค้า ก็เลยอีเมลล์ไปที่สวีเดนเลยค่ะดิฉัน รุ่งเช้าก็มีอีเมลล์ตอบกลับมา ว่าขอ Barcode

Helloooo, what barcode?? มีตั้งแต่แรกหรือเปล่าไม่ทราบได้ แต่ไปรื้อในกล่องแล้วไม่เจอ แถมใช้มาเป็นเดือนปลิวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เราก็เมลไปเกือบทะเลาะกับฝรั่งแน่ะค่ะ สรุปบ่ายจน ชีก็ยังขอบาร์โค้ด แล้วตอบเมลล์ช้ามากจนเราเดือดเนื้อร้อนใจ เลยทักไปที่ Foreo.TH ทาง IG ค่ะ ให้เขาช่วยประสานงานให้

แปปเดียวรู้เรื่องค่ะ ต้องขอบคุณทางทีมงาน Foreo Thailand จริงๆ ค่ะขอชื่นชมว่าคุณทำงานได้เข้าใจหัวอกลูกค้ามาก ทางทีมงานก็เปลี่ยนการ Register มาเป็นทาง email ให้ นี่คือเหตุผลที่อยากให้ทุกคน register ทาง email นะคะ กันไว้ก่อนแก้

สุดท้ายถ้าถามว่าเครื่องนี้จำเป็นต้องซื้อไหม คำแนะนำของเราคือ ถ้ามีเงินเหลือหรือซื้อแล้วไม่เสียดาย คิดว่าลงทุนกับใบหน้า ก็ซื้อได้นะคะ แต่ซื้อรุ่น UFO 2 นะแพงกว่ารุ่นแรก 300 แต่ได้ Full Spectrum เราว่าคุ้มค่ะ เรื่องการ anti aging อะไรพวกนี้ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลานะคะ ไม่มีการมาร์คใดในโลกที่ก่อนมาร์คมีรอยสิวมีตีนกา แล้วมาร์คปุ้บตื่นมารอยสิวหายไปเลย เรายังไม่เจอนะคะ (แต่ใครเจอแล้วแนะนำได้นะพร้อมจ่าย แฮ่) ถ้าเรามี Mindset ว่า Option พวกนี้เอาไว้ป้องกัน ตอนใช้ก็จะสบายใจค่ะ

สุดท้ายขอให้สนุกกับการมาร์คหน้านะคะ 🙂
ชื่อสินค้า:   foreo ufo
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่