สวัสดีครับ ช่วงนี้เป็นอีกช่วงที่หลายๆท่านอาจต้องเจอกับเรื่องหนักๆหลายๆเรื่อง อย่างไรก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านฟันฝ่าทุกอย่างไปได้ร่วมกันนะครับ
ขอเข้าประเด็นเลยนะครับ มีคำปรึกษาเรื่องงานครับ กล่าวก่อนว่า จขกท.เกิดและโตมาในครอบครัวข้าราชการ แน่นอนย่อมได้รับการซึมซับค่านิยมเกี่ยวกับงานราชการมาว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ ซึ่งหลายเรื่องก็เป็นเรื่องจริงและ จขกท. เองก็เห็นด้วย ดังนั้นผู้เขียนจึงตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้สองประการ คือถ้าไม่ทำราชการในหน่วยงานหนึ่ง ก็อยากจะสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ซึ่ง ณ ตอนนี้ จขกท. ก็กำลังทำงานราชการอยู่ที่หน่วยงานหนึ่ง ซึ่งขอบอกว่าผู้เขียนไม่ได้ตั้งใจว่าจะทำที่นี่ตั้งแต่ต้น ทว่าผู้เขียนบังเอิญสอบได้ และคิดว่าอาจไม่ยากเท่าไหร่เลยตัดสินใจทำ ซึ่งการไม่เลือกงานนั้นก็อาจเป็นสิ่งที่ถูกต้องกับสภาวะปัจจุบัน
ทว่าเมื่อได้ลองทำแล้ว จขกท.พบว่างานราชการนั้นไม่เหมาะกับตัวเองเลย ยิ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่ได้อยากจะทำมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว มันก็ยิ่งทำให้เครียด เครียดถึงขนาดที่ว่า บางทีถ้าเป็นไปได้ ก็อยากหยุดเวลาไว้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตื่นไปทำงาน หรือหลับไปนานๆไม่ต้องตื่นมาอีก (ไม่ต้องห่วงนะครับ แค่สักพัก เพราะตราบใดที่ยังไม่ได้ตามที่ฝัน จขกท.จะไม่ทำอะไรทำนองนั้น) มันหน่วงไปหมดจนไม่อยากทำอะไร แน่นอน หนทางที่ง่ายที่สุด คือการลาออกไปเลย แต่ผู้เขียนก็ไม่อาจทำได้ เนื่องจากสถานการณ์แบบนี้จะหางานใหม่คงลำบากมาก และอีกอย่างคือสงสารทางบ้านที่ดีใจมากตอนรู้ว่าผู้เขียนสอบได้ และช่วยลงทุนหลายอย่างมาก จนหลายคนมองว่าโอกาสดีกว่าอีกหลายคนมาก (มากจนกลัวว่าคนอื่นจะหาว่าโง่ ดีขนาดนี้ยังลาออก) ทว่าผู้เขียนเองก็คงต่องอดทนอย่างยิ่งยวดเหมือนกันเพื่อที่จะให้คนรอบข้างมีความสุข แม้ตัวเองจะไม่สุขนักก็ตาม
จขกท. เลยอยากถาม ขอคำปรึกษาครับว่า จะทำอย่างไรดี ณ ตอนนี้คือต้องทนไปก่อนอย่างเดียว แต่หากสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ก็อาจหางานใหม่ อาจไปตั้งใจสอบเข้าหน่วยงานที่อยากเข้า หรือไปสอนหนังสือ คือ ณ ตอนนี้ใจเทมาอย่างหลังเกินครึ่งแล้ว ซึ่งผู้เขียนในฐานะคนที่เป็นโสด ไม่มีครอบครัว และอาจจะไม่มี ก็อาจไม่เป็นอะไรมาก คุณพ่อคุณแม่ถ้าเกษียณไป ก็มีบำนาญและสวัสดิการเลี้ยงตัวเองอยู่แล้ว (ถ้าท่านไม่มี ผู้เขียนคงต้องคิดหนักเรื่องลาออกเลย) ทว่าก็ไม่อยากทำให้พวกท่านไม่สบายใจและเป็นห่วงเหมือนกันเกี่ยวกับอนาคตของผู้เขียน (ที่เป็นลูกคนเดียว)
อยากทราบว่าใครเคยมีประสบการณ์หรืออารมณ์ประมาณนี้บ้างครับ รบกวนขอคำปรึกษาหน่อยครับ หรือไม่ถ้าไม่ควรเปลี่ยนงาน ขอหลักที่ทำให้รักในงานมากขึ้น แยากทำงานมากขึ้นหน่อยครับ ทุกวันนี้ ผู้เขียนยึดหลักความกตัญญู ให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจ สบายใจ เป็นที่ตั้ง และยึดหลักว่ายังมีหลายคนที่ไม่มีงานทำ และฟังธรรมะมากขึ้น (จากเดิมฟังบ้าง)
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบครับ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านด้วยครับ
รบกวนขอคำปรึกษาเรื่องงาน
ขอเข้าประเด็นเลยนะครับ มีคำปรึกษาเรื่องงานครับ กล่าวก่อนว่า จขกท.เกิดและโตมาในครอบครัวข้าราชการ แน่นอนย่อมได้รับการซึมซับค่านิยมเกี่ยวกับงานราชการมาว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ ซึ่งหลายเรื่องก็เป็นเรื่องจริงและ จขกท. เองก็เห็นด้วย ดังนั้นผู้เขียนจึงตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้สองประการ คือถ้าไม่ทำราชการในหน่วยงานหนึ่ง ก็อยากจะสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ซึ่ง ณ ตอนนี้ จขกท. ก็กำลังทำงานราชการอยู่ที่หน่วยงานหนึ่ง ซึ่งขอบอกว่าผู้เขียนไม่ได้ตั้งใจว่าจะทำที่นี่ตั้งแต่ต้น ทว่าผู้เขียนบังเอิญสอบได้ และคิดว่าอาจไม่ยากเท่าไหร่เลยตัดสินใจทำ ซึ่งการไม่เลือกงานนั้นก็อาจเป็นสิ่งที่ถูกต้องกับสภาวะปัจจุบัน
ทว่าเมื่อได้ลองทำแล้ว จขกท.พบว่างานราชการนั้นไม่เหมาะกับตัวเองเลย ยิ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่ได้อยากจะทำมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว มันก็ยิ่งทำให้เครียด เครียดถึงขนาดที่ว่า บางทีถ้าเป็นไปได้ ก็อยากหยุดเวลาไว้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตื่นไปทำงาน หรือหลับไปนานๆไม่ต้องตื่นมาอีก (ไม่ต้องห่วงนะครับ แค่สักพัก เพราะตราบใดที่ยังไม่ได้ตามที่ฝัน จขกท.จะไม่ทำอะไรทำนองนั้น) มันหน่วงไปหมดจนไม่อยากทำอะไร แน่นอน หนทางที่ง่ายที่สุด คือการลาออกไปเลย แต่ผู้เขียนก็ไม่อาจทำได้ เนื่องจากสถานการณ์แบบนี้จะหางานใหม่คงลำบากมาก และอีกอย่างคือสงสารทางบ้านที่ดีใจมากตอนรู้ว่าผู้เขียนสอบได้ และช่วยลงทุนหลายอย่างมาก จนหลายคนมองว่าโอกาสดีกว่าอีกหลายคนมาก (มากจนกลัวว่าคนอื่นจะหาว่าโง่ ดีขนาดนี้ยังลาออก) ทว่าผู้เขียนเองก็คงต่องอดทนอย่างยิ่งยวดเหมือนกันเพื่อที่จะให้คนรอบข้างมีความสุข แม้ตัวเองจะไม่สุขนักก็ตาม
จขกท. เลยอยากถาม ขอคำปรึกษาครับว่า จะทำอย่างไรดี ณ ตอนนี้คือต้องทนไปก่อนอย่างเดียว แต่หากสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ก็อาจหางานใหม่ อาจไปตั้งใจสอบเข้าหน่วยงานที่อยากเข้า หรือไปสอนหนังสือ คือ ณ ตอนนี้ใจเทมาอย่างหลังเกินครึ่งแล้ว ซึ่งผู้เขียนในฐานะคนที่เป็นโสด ไม่มีครอบครัว และอาจจะไม่มี ก็อาจไม่เป็นอะไรมาก คุณพ่อคุณแม่ถ้าเกษียณไป ก็มีบำนาญและสวัสดิการเลี้ยงตัวเองอยู่แล้ว (ถ้าท่านไม่มี ผู้เขียนคงต้องคิดหนักเรื่องลาออกเลย) ทว่าก็ไม่อยากทำให้พวกท่านไม่สบายใจและเป็นห่วงเหมือนกันเกี่ยวกับอนาคตของผู้เขียน (ที่เป็นลูกคนเดียว)
อยากทราบว่าใครเคยมีประสบการณ์หรืออารมณ์ประมาณนี้บ้างครับ รบกวนขอคำปรึกษาหน่อยครับ หรือไม่ถ้าไม่ควรเปลี่ยนงาน ขอหลักที่ทำให้รักในงานมากขึ้น แยากทำงานมากขึ้นหน่อยครับ ทุกวันนี้ ผู้เขียนยึดหลักความกตัญญู ให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจ สบายใจ เป็นที่ตั้ง และยึดหลักว่ายังมีหลายคนที่ไม่มีงานทำ และฟังธรรมะมากขึ้น (จากเดิมฟังบ้าง)
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบครับ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านด้วยครับ