ผมได้กู้เงินสินเชื่อส่วนบุคคล (Speedy Loan) เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท ดอกเบี้ย 23.50% ต่อปี ผ่อนชำระ 2,770 บาท ต่องวด รวมทั้งสิ้น 68 งวด
ปัจจุบันนี้ ผมผ่อนมาได้ประมาณ 23 งวด รวมเป็นเงิน (2,770*22= 63,710) โดยประมาณ แต่ในแอปแสดงข้อมูลการผ่อนชำระ ยอดหนี้คงเหลือ 86,112.96 (ต้องจ่ายยอดเท่านี้หากต้องการปิดหนี้) และอีกอย่างที่แอปบอกคือ ยอดผ่อนที่ชำระแล้ว 26,848.84 และยอดเงินต้นทั้งหมด 110,000 บาท จากนั้นผมเข้าก็กดเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
ย้อนไปถึงตอนที่จ่าครั้งแรก (เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 62) ผมระบุยอดจ่ายลงในแอป ผมระบุจ่ายไป 2,770 บาท ในสลิปการจ่าย แบ่งเป็นเงินต้น 1,365.25 ดอกเบี้ย 1,404.75 บาท และมก็ยินยอมและจ่ายไปทุกๆงวด มีเว้น3งวด เนื่องจากโควิด รอบแรก จากนั้นผมก็จ่ายตามปรกติ
แต่ผมก็ยังมีเรื่องคาใจ ว่าทำไมดอกเบี้ยถึงสูงกว่าเงินต้น มีถึงครั้งล่าสุด วันที่ 1 พ.ค. 64 (วันนี้) ผมจ่ายไปตามปรกติ 2,800 บาท ในสลิปการจ่าย แบ่งเป็นเงินต้น 1,195.15 ดอกเบี้ย 1,604.85 บาท ยังเป็นเหมือนเดิมดอกเบี้ยสูงกว่าเงินต้น ผมเลยทดสอบลองเข้าแอปไปจ่ายค่างวดอีกครั้ง ปรากฎว่า และจำนวนเงินที่จ่ายเท่าเดิมคือ 2,800 บาท คราวนี้แอปแจ้งมาว่า แบ่งเป็น ค่าดอกเบี้ย 2,800.00 บาท และ เงินต้น 0.00 บาท ผมตกใจ และกดยกเลิก ทำให้ผมยิ่งสงสัยหนักถึงเรื่องที่เกิดขึ้น รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ จ่ายไปๆ เงินต้นไม่ลดเลย ยิ่งจ่ายไปดอกเบี้ยยิ่งสูง เลยจะมาถามพี่ๆหรือผู้รู้ในที่นี้
มีคำถาม 2 คำถามครับ
1) ดอกเบี้ย ร้อยละ 23.50% เกิดที่กฎหมายกำหนด หรือเปล่าครับ เคยเจอข้อมูล เขาบอกว่ากฎหมายกำหนดให้เรียกเก็บดอกเบี้ยที่ 15%ต่อปี ของธนาคารที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธนาคารนี้น่าจะอยู่ภายใต้การกำกับนะ)
2) ทำไมดอกเบี้ยถึงสูงกว่าเงินต้น มีวิธีการคิดอย่างไร สิ่งที่ผมเข้าใจเกี่ยวกับดอกเบี้ยคือ ดอกเบี้ย 23.50% * เงินต้น(100,000) = 23,500 บาท/ปี และนำมาหาร 12 เท่ากับ 1,958.33 จากนั้นนำมาคูณกับจำนวนงวดทั้งสิ้น 68 งวด จะเท่ากับ 1,958.33*68 = 133,166.67 เมื่อรวมกับเงินด้น 100,000 แล้ว จะเท่ากับเงินทั้งหมดที่เราต้องจ่ายให้กับธนาคาร คือ 233,166.67 บาท เท่ากับว่า กู้แค่ 1 แสน ต้องจ่ายดอกเบี้ย แสนสาม สูงกว่าเงินต้น เท่าตัว (กว่าด้วยซ้ำ)
ซึ่งแตกต่างกับการซื้อรถยนต์ รถยนต์ซื้อในราคา 1.0 ล้าน รวมดอกเบี้ย+ภาษีแล้ว อาจจะอยู่ที่ 1.2 ล้าน - 1.4 ล้าน ซึ่งถูกกว่ามาก
นอกเรื่องหน่อยนะครับ ผมคิดว่าไม่ว่าจะเป็นมุมมองของใครก็ตาม จะเป็นนักเศรษฐกิจ จะเป็นบุคคลธรรมดา หรือ เป็นธนาคาร หรือ เหตุผลทางความมั่นคงของธุรกิจธนาคารที่ประมาณการค่าเงินไว้ล่วงหน้า หรือ อื่นใดก็ตาม ความจริงคือความจริง เราไปกู้เงินเขา เราก็ต้องยอมรับกติกาที่เขากำหนด
แต่ผมก็คิดอีกว่า คนไทยคงต้องทำงานจนวันตาย เพราะทำแล้วได้เงินมาแล้ว จะสร้างอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักหน่อย ก็ต้องโดนสูบเงินส่วนหนึ่งออกไป หรือที่เขาเรียกว่า"ดอกเบี้ย" ส่วนคนที่สูบดอกเบี้ยก็จัดแจงทุกอย่างวางแผนระยะยาว โดยสร้างสถานการณ์ของบ้านเมืองโน้นนี้นั่น ไม่ว่าเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รวมหนี้นอกระบบมาเป็นในระบบ เพื่ออะไรที่แท้จริงไม่รู้นะ แต่เห็นบริษัทปล่อยสินเชื่อเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด คนที่ทำงานก็เหมือนมดงาน ทำงานกันจนตาย เพื่อให้นางพญา ที่อยู่เฉยๆ ได้กินแต่ของดีๆ
กระทู้นี้ผมเพิ่งเคยลงเป็นครั้งแรก โดยผ่านประสบการณ์จริง หากใครที่กำลังจะกู้สินเชื่ออยู่ โปรดคำนวณให้ดีๆและยอมรับในกติกาที่เขากำหนดให้ได้ และผมหวังว่า หากเราไม่กู้เราก็จะไม่เสียเงินส่วนนั่นไป เงินที่เก็บมาทั้งชีวิต และหากโลกนี้มีการสร้างทุกอย่างเหมือนสร้างวัด(ทอดกฐินสามัคคี) ชีวิตทุกชีวิตจะเท่าเทียมกันตลอดไป
Speedy Loan (สินเชื่อส่วนบุคคล ดอกเบี้ยสูง)
ปัจจุบันนี้ ผมผ่อนมาได้ประมาณ 23 งวด รวมเป็นเงิน (2,770*22= 63,710) โดยประมาณ แต่ในแอปแสดงข้อมูลการผ่อนชำระ ยอดหนี้คงเหลือ 86,112.96 (ต้องจ่ายยอดเท่านี้หากต้องการปิดหนี้) และอีกอย่างที่แอปบอกคือ ยอดผ่อนที่ชำระแล้ว 26,848.84 และยอดเงินต้นทั้งหมด 110,000 บาท จากนั้นผมเข้าก็กดเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
ย้อนไปถึงตอนที่จ่าครั้งแรก (เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 62) ผมระบุยอดจ่ายลงในแอป ผมระบุจ่ายไป 2,770 บาท ในสลิปการจ่าย แบ่งเป็นเงินต้น 1,365.25 ดอกเบี้ย 1,404.75 บาท และมก็ยินยอมและจ่ายไปทุกๆงวด มีเว้น3งวด เนื่องจากโควิด รอบแรก จากนั้นผมก็จ่ายตามปรกติ
แต่ผมก็ยังมีเรื่องคาใจ ว่าทำไมดอกเบี้ยถึงสูงกว่าเงินต้น มีถึงครั้งล่าสุด วันที่ 1 พ.ค. 64 (วันนี้) ผมจ่ายไปตามปรกติ 2,800 บาท ในสลิปการจ่าย แบ่งเป็นเงินต้น 1,195.15 ดอกเบี้ย 1,604.85 บาท ยังเป็นเหมือนเดิมดอกเบี้ยสูงกว่าเงินต้น ผมเลยทดสอบลองเข้าแอปไปจ่ายค่างวดอีกครั้ง ปรากฎว่า และจำนวนเงินที่จ่ายเท่าเดิมคือ 2,800 บาท คราวนี้แอปแจ้งมาว่า แบ่งเป็น ค่าดอกเบี้ย 2,800.00 บาท และ เงินต้น 0.00 บาท ผมตกใจ และกดยกเลิก ทำให้ผมยิ่งสงสัยหนักถึงเรื่องที่เกิดขึ้น รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ จ่ายไปๆ เงินต้นไม่ลดเลย ยิ่งจ่ายไปดอกเบี้ยยิ่งสูง เลยจะมาถามพี่ๆหรือผู้รู้ในที่นี้
มีคำถาม 2 คำถามครับ
1) ดอกเบี้ย ร้อยละ 23.50% เกิดที่กฎหมายกำหนด หรือเปล่าครับ เคยเจอข้อมูล เขาบอกว่ากฎหมายกำหนดให้เรียกเก็บดอกเบี้ยที่ 15%ต่อปี ของธนาคารที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธนาคารนี้น่าจะอยู่ภายใต้การกำกับนะ)
2) ทำไมดอกเบี้ยถึงสูงกว่าเงินต้น มีวิธีการคิดอย่างไร สิ่งที่ผมเข้าใจเกี่ยวกับดอกเบี้ยคือ ดอกเบี้ย 23.50% * เงินต้น(100,000) = 23,500 บาท/ปี และนำมาหาร 12 เท่ากับ 1,958.33 จากนั้นนำมาคูณกับจำนวนงวดทั้งสิ้น 68 งวด จะเท่ากับ 1,958.33*68 = 133,166.67 เมื่อรวมกับเงินด้น 100,000 แล้ว จะเท่ากับเงินทั้งหมดที่เราต้องจ่ายให้กับธนาคาร คือ 233,166.67 บาท เท่ากับว่า กู้แค่ 1 แสน ต้องจ่ายดอกเบี้ย แสนสาม สูงกว่าเงินต้น เท่าตัว (กว่าด้วยซ้ำ)
ซึ่งแตกต่างกับการซื้อรถยนต์ รถยนต์ซื้อในราคา 1.0 ล้าน รวมดอกเบี้ย+ภาษีแล้ว อาจจะอยู่ที่ 1.2 ล้าน - 1.4 ล้าน ซึ่งถูกกว่ามาก
นอกเรื่องหน่อยนะครับ ผมคิดว่าไม่ว่าจะเป็นมุมมองของใครก็ตาม จะเป็นนักเศรษฐกิจ จะเป็นบุคคลธรรมดา หรือ เป็นธนาคาร หรือ เหตุผลทางความมั่นคงของธุรกิจธนาคารที่ประมาณการค่าเงินไว้ล่วงหน้า หรือ อื่นใดก็ตาม ความจริงคือความจริง เราไปกู้เงินเขา เราก็ต้องยอมรับกติกาที่เขากำหนด
แต่ผมก็คิดอีกว่า คนไทยคงต้องทำงานจนวันตาย เพราะทำแล้วได้เงินมาแล้ว จะสร้างอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักหน่อย ก็ต้องโดนสูบเงินส่วนหนึ่งออกไป หรือที่เขาเรียกว่า"ดอกเบี้ย" ส่วนคนที่สูบดอกเบี้ยก็จัดแจงทุกอย่างวางแผนระยะยาว โดยสร้างสถานการณ์ของบ้านเมืองโน้นนี้นั่น ไม่ว่าเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รวมหนี้นอกระบบมาเป็นในระบบ เพื่ออะไรที่แท้จริงไม่รู้นะ แต่เห็นบริษัทปล่อยสินเชื่อเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด คนที่ทำงานก็เหมือนมดงาน ทำงานกันจนตาย เพื่อให้นางพญา ที่อยู่เฉยๆ ได้กินแต่ของดีๆ
กระทู้นี้ผมเพิ่งเคยลงเป็นครั้งแรก โดยผ่านประสบการณ์จริง หากใครที่กำลังจะกู้สินเชื่ออยู่ โปรดคำนวณให้ดีๆและยอมรับในกติกาที่เขากำหนดให้ได้ และผมหวังว่า หากเราไม่กู้เราก็จะไม่เสียเงินส่วนนั่นไป เงินที่เก็บมาทั้งชีวิต และหากโลกนี้มีการสร้างทุกอย่างเหมือนสร้างวัด(ทอดกฐินสามัคคี) ชีวิตทุกชีวิตจะเท่าเทียมกันตลอดไป