'ยิ่งลักษณ์' ให้กำลังใจพี่น้องแรงงาน ผ่านพ้นความยากลำบากช่วงโควิด
https://www.dailynews.co.th/politics/840598
‘ยิ่งลักษณ์’ ให้กำลังใจพี่น้องแรงงาน ผ่านพ้นความยากลำบากในช่วงโควิด เนื่องในวันแรงงานสากล จี้รัฐบาลเร่งพัฒนาศักยภาพฝีมือแรงงานให้เข้าใจเทคโนโลยี
วันที่ 1 พ.ค.64 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก เนืองในวันแรงงานสากล ความว่า
วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันแรงงานสากล ทำให้ดิฉันอดคิดถึงพี่น้องแรงงานทุกท่านไม่ได้ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ผู้ใช้แรงงานทั่วโลกออกมาเรียกร้องสิทธิและคุณภาพชีวิตของพวกเขาที่เป็นฟันเฟืองให้เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้า
ทำให้ดิฉันอยากเห็นการพัฒนาแรงงานของไทยให้ทัดเทียมนานาประเทศ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว เพราะจากรายงานของ World Economic Forum ระบุว่าแรงงานกว่า 75 ล้านคนทั่วโลกใน 20 อุตสาหกรรม จะถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีภายในปี 2020 ในทางกลับกัน อุตสาหกรรมใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยี จะสร้างงานใหม่ถึง 133 ล้าน อัตราภายในปี 2022
การระบาดของโควิด-19 ทำให้แรงงานถูกเลิกจ้าง นักศึกษาจบใหม่ไม่มีงานทำ ดิฉันจึงว่าเห็นรัฐบาลต้องใช้โอกาสนี้พัฒนาศักยภาพแรงงาน (Upskill/ Reskill) ให้เป็นแรงงานที่มีความเข้าใจเทคโนโลยี เช่นแรงงานในภาคบริการ ควรส่งเสริมการใช้ทักษะด้านความเข้าใจเรื่องความต้องการของผู้บริโภคเพื่อนำไปสู่บริการที่รู้ใจ และมีความเข้าใจที่จะเสนอบริการมากขึ้น เพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็นนักบริการมืออาชีพที่ใช้ทักษะสูงขึ้น เช่น ลูกค้าสัมพันธ์ การตลาด อบรมพัฒนา
ส่วนแรงงานในภาคการเกษตร ต้องมีความรู้ด้านการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการเกษตรมากขึ้น มีความรู้ในการวิเคราะห์ผลผลิต ต้นทุน และการคาดการตลาดล่วงหน้า เพื่อการเกษตรที่แม่นยำ
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม ก็ต้องสร้างบุคลากรด้านนักวิเคราะห์ข้อมูลที่เข้าใจการทำงานของเครื่องจักรกล หุ่นยนต์ หรือแม้กระทั่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ เราจะเป็นผู้กำหนด หรือใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างไร นักวิทยาศาสตร์ ผู้พัฒนาซอฟแวร์ แอพพลิเคชั่น รัฐยังต้องพัฒนาแรงงานที่เข้าใจเทคโนโลยีใหม่ การวิเคราะห์ฐานข้อมูล หรือบิ๊กดาต้า สมองกล เครื่องจักร หุ่นยนต์ บล็อกเชน สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้กำลังจะเกิด แต่ได้เกิดขึ้นแล้ว เราจะเปลี่ยนมาเป็นการใช้ประโยชน์ให้กับผู้ใช้แรงงานอย่างไร เพื่อให้ทันต่อโลกค่ะ
สุดท้ายนี้ ดิฉันขอส่งกำลังใจให้ผู้ใช้แรงงานทุกคนให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากจากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ไปได้ด้วยกันค่ะ โดยเฉพาะหลายชีวิตที่ไม่สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ อย่างคุณแม่ที่ต้องทำทั้งงานในบ้าน ดูแลลูก และงานนอกบ้านไปด้วย ต้องเดินทางออกจากบ้านไปด้วยขนส่งสาธารณะ เพื่อหารายได้ประทังครอบครัว ทำให้มีความเสี่ยงสัมผัสกับเชื้อโรคได้ตลอดเวลา แม้รายได้ที่ได้รับยังคงชักหน้าไม่ถึงหลังเมื่อเทียบกับรายจ่าย
แต่ขอให้ทุกท่านอย่าย่อท้อต่อการแสวงหาโอกาสให้กับชีวิต และไม่หยุดที่จะฝึกฝน และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ให้กับตนเองตลอดเวลา การเรียนรู้ไม่มีคำว่าสายเกินไปค่ะ เพื่อเพิ่มโอกาสใหม่ของเราในอนาคตต่อไป เพราะเราทุกคนต้องมีความหวังค่ะ ให้ทุกท่านอดทน ต้องสู้ต่อไป อย่าเพิ่งท้อถอย แล้วเราจะผ่านความยากลำบากนี้ไปด้วยกันนะคะ
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/photos/a.106877456023385/4314586785252410/
Pfizer พัฒนายาต้านไวรัส COVID-19 คาดว่าจะเริ่มใช้ภายในสิ้นปีนี้
https://www.tnnthailand.com/news/tech/78549/
เนื่องจากวัคซีนอาจจะไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้อย่างทั่วถึง Pfizer จึงพัฒนาที่ช่วยลดความรุนแรงจาก COVID-19 ออกมา
นอกเหนือจากการผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19 แล้ว บริษัท Pfizer ยังพัฒนายาต้านไวรัสที่ช่วยลดความรุนแรงและรักษา COVID-19 ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนของการทดสอบเฟสที่ 1
ยาเม็ดชนิดนี้ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ (แต่จะใช้โค้ดเนม PF-07321332) แต่เริ่มมีการทดสอบภายในห้องแลปของประเทศเบลเยี่ยม ตัวยาจะออกฤทธิ์จับกับเอนไซม์ที่ไวรัสใช้ในการเพิ่มจำนวนตัวเองภายในเซลล์ของมนุษย์ ซึ่งกลไกนี้คล้ายกับยาต้านไวรัส HIV และไวรัสตับอักเสบบางชนิดด้วย
PF-07321332 เป็นยากลุ่ม Protease Inhibitor ออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการเพิ่มจำนวนของไวรัส เมื่อไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนตัวเองก็จะช่วยลดความรุนแรงของการติดเชื้อ และช่วยให้ภูมิคุ้มกันสามารถกำจัดไวรัสออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น
ยาที่ Pfizer พัฒนาขึ้นมีทั้งรูปแบบยาเม็ดและยาฉีด โดยยาเม็ดจะใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการแรกเริ่ม เพื่อลดความรุนแรงของอาการและเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดูแลรักษาตนเองที่บ้านได้ ในขณะที่ยาฉีดจะใช้กับผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เมื่ออาการดีขึ้นจนหายเป็นปกติผู้ป่วยเหล่านี้สามารถรับวัคซีนเพื่อเป็นการป้องกันไปอีกขั้นหนึ่ง
ขณะนี้ตัวยา PF-07321332 กำลังมีการทดสอบในอาสาสมัครจำนวน 60 ราย โดยรอผลงานวิจัยในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ หากได้ผลดีก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่อาจช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากวิกฤต COVID-19 ครั้งนี้ก็เป็นได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Iflscience
JJNY : 'ยิ่งลักษณ์' ให้กำลังใจพี่น้องแรงงาน│Pfizerพัฒนายาต้านCOVID│ไบเดนเสนอตั้งARPA-H │ส่งออกข้าวไทย เมษา 64 ยังหืดจับ
https://www.dailynews.co.th/politics/840598
‘ยิ่งลักษณ์’ ให้กำลังใจพี่น้องแรงงาน ผ่านพ้นความยากลำบากในช่วงโควิด เนื่องในวันแรงงานสากล จี้รัฐบาลเร่งพัฒนาศักยภาพฝีมือแรงงานให้เข้าใจเทคโนโลยี
วันที่ 1 พ.ค.64 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก เนืองในวันแรงงานสากล ความว่า
วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันแรงงานสากล ทำให้ดิฉันอดคิดถึงพี่น้องแรงงานทุกท่านไม่ได้ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ผู้ใช้แรงงานทั่วโลกออกมาเรียกร้องสิทธิและคุณภาพชีวิตของพวกเขาที่เป็นฟันเฟืองให้เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้า
ทำให้ดิฉันอยากเห็นการพัฒนาแรงงานของไทยให้ทัดเทียมนานาประเทศ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว เพราะจากรายงานของ World Economic Forum ระบุว่าแรงงานกว่า 75 ล้านคนทั่วโลกใน 20 อุตสาหกรรม จะถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยีภายในปี 2020 ในทางกลับกัน อุตสาหกรรมใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยี จะสร้างงานใหม่ถึง 133 ล้าน อัตราภายในปี 2022
การระบาดของโควิด-19 ทำให้แรงงานถูกเลิกจ้าง นักศึกษาจบใหม่ไม่มีงานทำ ดิฉันจึงว่าเห็นรัฐบาลต้องใช้โอกาสนี้พัฒนาศักยภาพแรงงาน (Upskill/ Reskill) ให้เป็นแรงงานที่มีความเข้าใจเทคโนโลยี เช่นแรงงานในภาคบริการ ควรส่งเสริมการใช้ทักษะด้านความเข้าใจเรื่องความต้องการของผู้บริโภคเพื่อนำไปสู่บริการที่รู้ใจ และมีความเข้าใจที่จะเสนอบริการมากขึ้น เพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็นนักบริการมืออาชีพที่ใช้ทักษะสูงขึ้น เช่น ลูกค้าสัมพันธ์ การตลาด อบรมพัฒนา
ส่วนแรงงานในภาคการเกษตร ต้องมีความรู้ด้านการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการเกษตรมากขึ้น มีความรู้ในการวิเคราะห์ผลผลิต ต้นทุน และการคาดการตลาดล่วงหน้า เพื่อการเกษตรที่แม่นยำ
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม ก็ต้องสร้างบุคลากรด้านนักวิเคราะห์ข้อมูลที่เข้าใจการทำงานของเครื่องจักรกล หุ่นยนต์ หรือแม้กระทั่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ เราจะเป็นผู้กำหนด หรือใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างไร นักวิทยาศาสตร์ ผู้พัฒนาซอฟแวร์ แอพพลิเคชั่น รัฐยังต้องพัฒนาแรงงานที่เข้าใจเทคโนโลยีใหม่ การวิเคราะห์ฐานข้อมูล หรือบิ๊กดาต้า สมองกล เครื่องจักร หุ่นยนต์ บล็อกเชน สิ่งเหล่านี้ ไม่ได้กำลังจะเกิด แต่ได้เกิดขึ้นแล้ว เราจะเปลี่ยนมาเป็นการใช้ประโยชน์ให้กับผู้ใช้แรงงานอย่างไร เพื่อให้ทันต่อโลกค่ะ
สุดท้ายนี้ ดิฉันขอส่งกำลังใจให้ผู้ใช้แรงงานทุกคนให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากจากวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ไปได้ด้วยกันค่ะ โดยเฉพาะหลายชีวิตที่ไม่สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ อย่างคุณแม่ที่ต้องทำทั้งงานในบ้าน ดูแลลูก และงานนอกบ้านไปด้วย ต้องเดินทางออกจากบ้านไปด้วยขนส่งสาธารณะ เพื่อหารายได้ประทังครอบครัว ทำให้มีความเสี่ยงสัมผัสกับเชื้อโรคได้ตลอดเวลา แม้รายได้ที่ได้รับยังคงชักหน้าไม่ถึงหลังเมื่อเทียบกับรายจ่าย
แต่ขอให้ทุกท่านอย่าย่อท้อต่อการแสวงหาโอกาสให้กับชีวิต และไม่หยุดที่จะฝึกฝน และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ให้กับตนเองตลอดเวลา การเรียนรู้ไม่มีคำว่าสายเกินไปค่ะ เพื่อเพิ่มโอกาสใหม่ของเราในอนาคตต่อไป เพราะเราทุกคนต้องมีความหวังค่ะ ให้ทุกท่านอดทน ต้องสู้ต่อไป อย่าเพิ่งท้อถอย แล้วเราจะผ่านความยากลำบากนี้ไปด้วยกันนะคะ
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/photos/a.106877456023385/4314586785252410/
Pfizer พัฒนายาต้านไวรัส COVID-19 คาดว่าจะเริ่มใช้ภายในสิ้นปีนี้
https://www.tnnthailand.com/news/tech/78549/
เนื่องจากวัคซีนอาจจะไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้อย่างทั่วถึง Pfizer จึงพัฒนาที่ช่วยลดความรุนแรงจาก COVID-19 ออกมา
นอกเหนือจากการผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19 แล้ว บริษัท Pfizer ยังพัฒนายาต้านไวรัสที่ช่วยลดความรุนแรงและรักษา COVID-19 ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนของการทดสอบเฟสที่ 1
ยาเม็ดชนิดนี้ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ (แต่จะใช้โค้ดเนม PF-07321332) แต่เริ่มมีการทดสอบภายในห้องแลปของประเทศเบลเยี่ยม ตัวยาจะออกฤทธิ์จับกับเอนไซม์ที่ไวรัสใช้ในการเพิ่มจำนวนตัวเองภายในเซลล์ของมนุษย์ ซึ่งกลไกนี้คล้ายกับยาต้านไวรัส HIV และไวรัสตับอักเสบบางชนิดด้วย
PF-07321332 เป็นยากลุ่ม Protease Inhibitor ออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการเพิ่มจำนวนของไวรัส เมื่อไวรัสไม่สามารถเพิ่มจำนวนตัวเองก็จะช่วยลดความรุนแรงของการติดเชื้อ และช่วยให้ภูมิคุ้มกันสามารถกำจัดไวรัสออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น
ยาที่ Pfizer พัฒนาขึ้นมีทั้งรูปแบบยาเม็ดและยาฉีด โดยยาเม็ดจะใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการแรกเริ่ม เพื่อลดความรุนแรงของอาการและเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดูแลรักษาตนเองที่บ้านได้ ในขณะที่ยาฉีดจะใช้กับผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เมื่ออาการดีขึ้นจนหายเป็นปกติผู้ป่วยเหล่านี้สามารถรับวัคซีนเพื่อเป็นการป้องกันไปอีกขั้นหนึ่ง
ขณะนี้ตัวยา PF-07321332 กำลังมีการทดสอบในอาสาสมัครจำนวน 60 ราย โดยรอผลงานวิจัยในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ หากได้ผลดีก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่อาจช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากวิกฤต COVID-19 ครั้งนี้ก็เป็นได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Iflscience