“โรงแรมหลอน”
https://open.joox.com/s/rd?k=mZ01j
ต้องสารภาพกันอย่างแมน ๆ ว่าผมเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เองว่า เดี๋ยวนี้เราสามารถฟังเรื่องสยองขวัญสุดโปรดที่เคยฟังในรายการวิทยุอย่าง The Shock หรือ Ghost Radio ผ่าน application ที่คุ้นเคยอย่าง JOOX ที่ใช้ฟังเพลงกันอย่างทุกวันนี้นี่แหละ ในรูปแบบของ Podcast
และเนื่องด้วยตัวเองเคยมีชีวิตช่วงหนึ่งที่ต้องเดินทางไปมาเพื่อทำงานระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกับเมืองไทยของเรา เดินทางบ่อยชนิดที่ว่า บางครั้งผมต้องจัดกระเป๋าเดินทางเตรียมไว้สามใบ เครื่องลงกลับบ้านเอากระเป๋าวาง นอนได้ไม่กี่ชั่วโมงก็หยิบอีกใบที่เตรียมไว้ออกไปสนามบินต่อเพื่อไปอีกที่ก็เคยทำมาบ่อย ๆ ส่วนตอนนี้น่ะเรอะ ถามไอ้เจ้าโควิดตัวดีเอาละกัน เซ็ง...
พอเดินทางบ่อย ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพึ่งพาการพักโรงแรม เกสท์เฮาส์ หรืออพาร์ทเมนท์เซอร์วิสเป็นหลักแล้วแต่สะดวก และแน่นอน ผลพวงจากการเปลี่ยนที่หลับที่นอนบ่อย ๆ ไม่ซ้ำกันแต่ละคราว ก็นำมาซึ่งประสบการณ์ลึกลับแปลก ๆ อาจไม่ถึงขั้นสยองขวัญสั่นประสาท แต่ก็เอามาเล่าสู่กันฟังได้เพลิน ๆ ครับ
เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ผมมีโปรเจคท์ที่จะต้องไปทำงานที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาค่อนข้างบ่อยครับ เนื่องจากบริษัทที่จ้างผมทำงานในตอนนั้นไปทำธุรกิจที่โน่น เปิดออฟฟิศเล็ก ๆ มีพนักงานประจำสองสามคน ส่วนผมก็ไปไปมามาประมาณสองเดือนสามครั้งเห็นจะได้ ส่วนมากก็จะไปประชุมกับลูกค้าและเรื่องเงินเรื่องทองเป็นส่วนใหญ่ ไปบ่อยจนมีโรงแรมที่พักประจำเป็นโรงแรมระดับสองดาวอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งถนนกับออฟฟิศลูกค้า เรียกได้ว่าเดินสามนาทีถึง ซึ่งโรงแรมนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษแต่อย่างใดครับ พักกี่ครั้งก็ไม่เคยเจออะไรแปลก ๆ กวนใจ ก็เลยเป็นขาประจำกันไปเลย ซึ่งปกติโรงแรมนี้ไม่เคยเต็มครับ ไปกี่ครั้งก็ว่างตลอด ทำให้ผมย่ามใจ ไม่เคยจองล่วงหน้า วอล์คอินเข้าพักเลยตลอด
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนครับ และแล้ววันซวยของผมก็มาถึง จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า มีนัดประชุมกับลูกค้าที่ออฟฟิศที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมตอนแปดโมงเช้าของอีกวัน และก็มีงานเลี้ยงที่ต้องไปร่วมงานตอนค่ำของวันก่อนหน้าพอดี เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แต่เนื่องจากไฟลท์ที่ผมบินไป ถึงพนมเปญก็เย็นมากแล้ว จะเข้าเช็คอินโรงแรมก่อนไปงานเลี้ยงก็จะเป็นการเดินทางย้อนไปย้อนมาใช่เรื่อง ประกอบกับที่ว่าไม่เคยเห็นว่ามันจะโดนจองเต็มซักกะที ด้วยความย่ามใจผมก็เลยให้ลูกน้องที่มารับที่สนามบินตรงไปที่งานเลี้ยงเลยไม่ต้องแวะโรงแรมก่อน
งานเลี้ยงเลิกจนเกือบล่วงเข้าวันใหม่ ลูกน้องก็ขับรถพามาส่งที่โรงแรมขาประจำตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือ คราวนี้มันเต็มครับท่าน เต็มแค่คืนนั้นคืนเดียว คืนต่อ ๆ ไปห้องว่างเยอะแยะเหมือนอย่างเคย
เอาละสิ เอาไงกันดี เกรงใจลูกน้องก็เกรงใจ เกือบตีหนึ่งแล้ว เดี๋ยวพวกมันก็ต้องขับรถกลับที่พักที่ห่างออกไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมงอีก และส่วนตัวก็เต็มคราบไปด้วยแอลกอฮอล์มาจากงานเลี้ยง เมาก็เมา ง่วงก็ง่วง พรุ่งนี้ประชุมแต่เช้าอีก ก็เลยจองห้องไว้สำหรับวันพรุ่งนี้และมะรืนก่อน ไม่ย่ามใจแล้ว
แล้วคืนนี้ล่ะ ตูจะนอนไหน หันไปหันมาเห็นป้ายโรงแรมห้องแถวที่อยู่บนอาคารเดียวกํบออฟฟิศลูกค้าที่นัดกันฝั่งตรงกันข้าม ห่างจากออฟฟิศลูกค้าไปแค่สองสามคูหา
เอาวะ เอาไงเอากัน
ผมวิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ลูกน้องลากกระเป๋าวิ่งตาม ไปติดต่อที่ฟร้อนท์โรงแรมชั้นล่าง เดาสิครับ ว่ายังมีว่างมั้ย...
ว่างครับ เหลือห้องสุดท้ายพอดี (แหม่ มุกหนังผีชัด ๆ )
รออะไรล่ะครับ จำใจต้องตะครุบไว้ ให้ตะเวนหาโรงแรมพักในพนมเปญตอนตีหนึ่งตีสองมันไม่ใช่เรื่องสนุกอย่างแน่นอน พนักงานใจดีลดค่าห้องให้อีกสามดอลล่าร์ด้วยนะครับ ข้อหาเช็คอินหลังเที่ยงคืน ใจดีจังเลย
จ่ายค่าห้องรับกระเป๋าจากลูกน้องได้ผมก็รีบขึ้นห้องอาบน้ำนอน พี่จะแฮงค์ไปประชุมตอนแปดโมงเช้าไม่ได้เด็ดขาด
ห้องพักก็สภาพไม่ได้แย่นะครับ ดีพอที่โรงแรมห้องแถวจะดีได้ ผมติดอยู่อย่างเดียวที่มันมีกระจกที่ตู้เสื้อผ้าตรงข้ามเตียงที่นอนพอดี ทำให้เห็นเงาสะท้อนตัวเอง ช่างมันเถอะ...นอนคืนเดียวเอง พรุ่งนี้ก็ย้ายข้ามฟากกลับไปโรงแรมเจ้าเดิมแล้ว
เหมือนจะดีใช่มั้ยครับ ใกล้ออฟฟิศลูกค้ากว่าเดิมอีก ไม่ต้องรีบตื่นเช้า ราคาก็ถูกกว่าโรงแรมที่เคยพักสามเท่า
นั่นแหละครับ ใครบางคนได้กล่าวไว้ว่า ของถูกและดี ไม่มีจริงในโลก
ด้วยความง่วงบวกเมา ผมก็เคลิ้มใกล้จะหลับในเวลาอันรวดเร็ว...
แต่แล้วก็เหมือนโดนบางอย่างปลุกให้ตื่น ลืมตาโพลงขึ้นมาเสียอย่างนั้น พยายามข่มตาให้หลับลงไปอีก พอเคลิ้มใกล้จะหลับ ก็เหมือนโดนปลุกอีกแล้ว...
ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งนะ มันเป็นแล้วเป็นอีกจนผมเริ่มรำคาญ
คนจะหลับจะนอน มาปลุกอยู่ได้ พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า (นะโว้ย!!!)
จากรำคาญเริ่มเปลี่ยนเป็นโมโห ไม่ไหวแล้วนะ กังวลเรื่องจะตื่นไปประชุมไม่ทันหรือไปในสภาพที่ไม่โอเค ง่วงจนตาปรือแต่ไม่ได้หลับ
ผมตัดสินใจ...
ลุกขึ้นนั่งบนเตียง จ้องไปที่เงาตัวเองในกระจกตู้เสื้อผ้า
แล้วก็พูดออกมาดัง ๆ
“เมิงเป็นใคร ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ คนจะหลับจะนอน มาปลุกอยู่ได้ จะเอาอะไรก็บอกมา พูดภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษด้วยนะ ภาษาเขมรกุฟังไม่รู้เรื่อง”
แล้วก็นั่งรอ...
เงียบกริบ เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจฟืดฟาดด้วยความโมโหของตัวเอง
รออีกสักพัก จนแน่ใจว่าไม่มีอะไรออกมาแล้วก็เลยพูดดัง ๆ ไปอีกครั้งว่า
“ไม่ออกมาใช่มั้ย ไม่มีอะไรใช่มั้ย กุจะนอนแล้วนะ พรุ่งนี้กุประชุมเช้า ห้ามกวนกุอีก ถ้ามากวนอีกกุจะแช่งให้ไม่ได้ไปผุดได้เกิดเลยคอยดู”
แล้วผมก็ล้มตัวลงนอนใหม่ คราวนี้หลับสบายยันเช้า เก็บกระเป๋าเช็คเอาท์เดินไปประชุมออฟฟิศลูกค้าข้าง ๆ เสร็จแล้วก็เดินข้ามถนนไปเช็คอินโรงแรมเจ้าประจำฝั่งตรงข้ามอย่างสบายใจโก๋
ที่จริงผมว่าพี่ผีเขมรเค้าอาจจะพยายามแล้วนะครับ อาจจะออกมาแหวะไส้แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกผมแล้วก็ได้ แต่ผมมันมีสกิลไม่พอเอง ไม่เห็นว่าอะไรเกิดขึ้น ได้แต่รู้สึกแปลก ๆ เท่านั้น
กลับมาเมืองไทย มาเล่าให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในวงเหล้าฟัง ก็มีน้องคนนึงให้ความเห็นที่น่าสนใจว่า
“เค้าคงไม่เคยเจอคนวีนเหมือนเมิงมากกว่าพี่ คนอะไรดุ กุเป็นผี กุก็กลัว อย่าไปยุ่งกับแม่มดีกว่า...”
คุณ ๆ ล่ะครับ อ่านมาถึงตอนนี้ คิดว่ามีผีหรือไม่มี ผมแค่หลอนไปเองเฉย ๆ
และถ้ามี พี่ผีเขมรเค้าคิดอะไรอยู่...
โรงแรมหลอน – ประสบการณ์ที่มีร่วมกันของคนเดินทาง ผมรู้คุณก็เคยเจอ...
https://open.joox.com/s/rd?k=mZ01j
ต้องสารภาพกันอย่างแมน ๆ ว่าผมเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เองว่า เดี๋ยวนี้เราสามารถฟังเรื่องสยองขวัญสุดโปรดที่เคยฟังในรายการวิทยุอย่าง The Shock หรือ Ghost Radio ผ่าน application ที่คุ้นเคยอย่าง JOOX ที่ใช้ฟังเพลงกันอย่างทุกวันนี้นี่แหละ ในรูปแบบของ Podcast
และเนื่องด้วยตัวเองเคยมีชีวิตช่วงหนึ่งที่ต้องเดินทางไปมาเพื่อทำงานระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกับเมืองไทยของเรา เดินทางบ่อยชนิดที่ว่า บางครั้งผมต้องจัดกระเป๋าเดินทางเตรียมไว้สามใบ เครื่องลงกลับบ้านเอากระเป๋าวาง นอนได้ไม่กี่ชั่วโมงก็หยิบอีกใบที่เตรียมไว้ออกไปสนามบินต่อเพื่อไปอีกที่ก็เคยทำมาบ่อย ๆ ส่วนตอนนี้น่ะเรอะ ถามไอ้เจ้าโควิดตัวดีเอาละกัน เซ็ง...
พอเดินทางบ่อย ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพึ่งพาการพักโรงแรม เกสท์เฮาส์ หรืออพาร์ทเมนท์เซอร์วิสเป็นหลักแล้วแต่สะดวก และแน่นอน ผลพวงจากการเปลี่ยนที่หลับที่นอนบ่อย ๆ ไม่ซ้ำกันแต่ละคราว ก็นำมาซึ่งประสบการณ์ลึกลับแปลก ๆ อาจไม่ถึงขั้นสยองขวัญสั่นประสาท แต่ก็เอามาเล่าสู่กันฟังได้เพลิน ๆ ครับ
เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ผมมีโปรเจคท์ที่จะต้องไปทำงานที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาค่อนข้างบ่อยครับ เนื่องจากบริษัทที่จ้างผมทำงานในตอนนั้นไปทำธุรกิจที่โน่น เปิดออฟฟิศเล็ก ๆ มีพนักงานประจำสองสามคน ส่วนผมก็ไปไปมามาประมาณสองเดือนสามครั้งเห็นจะได้ ส่วนมากก็จะไปประชุมกับลูกค้าและเรื่องเงินเรื่องทองเป็นส่วนใหญ่ ไปบ่อยจนมีโรงแรมที่พักประจำเป็นโรงแรมระดับสองดาวอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งถนนกับออฟฟิศลูกค้า เรียกได้ว่าเดินสามนาทีถึง ซึ่งโรงแรมนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษแต่อย่างใดครับ พักกี่ครั้งก็ไม่เคยเจออะไรแปลก ๆ กวนใจ ก็เลยเป็นขาประจำกันไปเลย ซึ่งปกติโรงแรมนี้ไม่เคยเต็มครับ ไปกี่ครั้งก็ว่างตลอด ทำให้ผมย่ามใจ ไม่เคยจองล่วงหน้า วอล์คอินเข้าพักเลยตลอด
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนครับ และแล้ววันซวยของผมก็มาถึง จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า มีนัดประชุมกับลูกค้าที่ออฟฟิศที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมตอนแปดโมงเช้าของอีกวัน และก็มีงานเลี้ยงที่ต้องไปร่วมงานตอนค่ำของวันก่อนหน้าพอดี เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แต่เนื่องจากไฟลท์ที่ผมบินไป ถึงพนมเปญก็เย็นมากแล้ว จะเข้าเช็คอินโรงแรมก่อนไปงานเลี้ยงก็จะเป็นการเดินทางย้อนไปย้อนมาใช่เรื่อง ประกอบกับที่ว่าไม่เคยเห็นว่ามันจะโดนจองเต็มซักกะที ด้วยความย่ามใจผมก็เลยให้ลูกน้องที่มารับที่สนามบินตรงไปที่งานเลี้ยงเลยไม่ต้องแวะโรงแรมก่อน
งานเลี้ยงเลิกจนเกือบล่วงเข้าวันใหม่ ลูกน้องก็ขับรถพามาส่งที่โรงแรมขาประจำตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือ คราวนี้มันเต็มครับท่าน เต็มแค่คืนนั้นคืนเดียว คืนต่อ ๆ ไปห้องว่างเยอะแยะเหมือนอย่างเคย
เอาละสิ เอาไงกันดี เกรงใจลูกน้องก็เกรงใจ เกือบตีหนึ่งแล้ว เดี๋ยวพวกมันก็ต้องขับรถกลับที่พักที่ห่างออกไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมงอีก และส่วนตัวก็เต็มคราบไปด้วยแอลกอฮอล์มาจากงานเลี้ยง เมาก็เมา ง่วงก็ง่วง พรุ่งนี้ประชุมแต่เช้าอีก ก็เลยจองห้องไว้สำหรับวันพรุ่งนี้และมะรืนก่อน ไม่ย่ามใจแล้ว
แล้วคืนนี้ล่ะ ตูจะนอนไหน หันไปหันมาเห็นป้ายโรงแรมห้องแถวที่อยู่บนอาคารเดียวกํบออฟฟิศลูกค้าที่นัดกันฝั่งตรงกันข้าม ห่างจากออฟฟิศลูกค้าไปแค่สองสามคูหา
เอาวะ เอาไงเอากัน
ผมวิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ลูกน้องลากกระเป๋าวิ่งตาม ไปติดต่อที่ฟร้อนท์โรงแรมชั้นล่าง เดาสิครับ ว่ายังมีว่างมั้ย...
ว่างครับ เหลือห้องสุดท้ายพอดี (แหม่ มุกหนังผีชัด ๆ )
รออะไรล่ะครับ จำใจต้องตะครุบไว้ ให้ตะเวนหาโรงแรมพักในพนมเปญตอนตีหนึ่งตีสองมันไม่ใช่เรื่องสนุกอย่างแน่นอน พนักงานใจดีลดค่าห้องให้อีกสามดอลล่าร์ด้วยนะครับ ข้อหาเช็คอินหลังเที่ยงคืน ใจดีจังเลย
จ่ายค่าห้องรับกระเป๋าจากลูกน้องได้ผมก็รีบขึ้นห้องอาบน้ำนอน พี่จะแฮงค์ไปประชุมตอนแปดโมงเช้าไม่ได้เด็ดขาด
ห้องพักก็สภาพไม่ได้แย่นะครับ ดีพอที่โรงแรมห้องแถวจะดีได้ ผมติดอยู่อย่างเดียวที่มันมีกระจกที่ตู้เสื้อผ้าตรงข้ามเตียงที่นอนพอดี ทำให้เห็นเงาสะท้อนตัวเอง ช่างมันเถอะ...นอนคืนเดียวเอง พรุ่งนี้ก็ย้ายข้ามฟากกลับไปโรงแรมเจ้าเดิมแล้ว
เหมือนจะดีใช่มั้ยครับ ใกล้ออฟฟิศลูกค้ากว่าเดิมอีก ไม่ต้องรีบตื่นเช้า ราคาก็ถูกกว่าโรงแรมที่เคยพักสามเท่า
นั่นแหละครับ ใครบางคนได้กล่าวไว้ว่า ของถูกและดี ไม่มีจริงในโลก
ด้วยความง่วงบวกเมา ผมก็เคลิ้มใกล้จะหลับในเวลาอันรวดเร็ว...
แต่แล้วก็เหมือนโดนบางอย่างปลุกให้ตื่น ลืมตาโพลงขึ้นมาเสียอย่างนั้น พยายามข่มตาให้หลับลงไปอีก พอเคลิ้มใกล้จะหลับ ก็เหมือนโดนปลุกอีกแล้ว...
ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งนะ มันเป็นแล้วเป็นอีกจนผมเริ่มรำคาญ
คนจะหลับจะนอน มาปลุกอยู่ได้ พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า (นะโว้ย!!!)
จากรำคาญเริ่มเปลี่ยนเป็นโมโห ไม่ไหวแล้วนะ กังวลเรื่องจะตื่นไปประชุมไม่ทันหรือไปในสภาพที่ไม่โอเค ง่วงจนตาปรือแต่ไม่ได้หลับ
ผมตัดสินใจ...
ลุกขึ้นนั่งบนเตียง จ้องไปที่เงาตัวเองในกระจกตู้เสื้อผ้า
แล้วก็พูดออกมาดัง ๆ
“เมิงเป็นใคร ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ คนจะหลับจะนอน มาปลุกอยู่ได้ จะเอาอะไรก็บอกมา พูดภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษด้วยนะ ภาษาเขมรกุฟังไม่รู้เรื่อง”
แล้วก็นั่งรอ...
เงียบกริบ เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจฟืดฟาดด้วยความโมโหของตัวเอง
รออีกสักพัก จนแน่ใจว่าไม่มีอะไรออกมาแล้วก็เลยพูดดัง ๆ ไปอีกครั้งว่า
“ไม่ออกมาใช่มั้ย ไม่มีอะไรใช่มั้ย กุจะนอนแล้วนะ พรุ่งนี้กุประชุมเช้า ห้ามกวนกุอีก ถ้ามากวนอีกกุจะแช่งให้ไม่ได้ไปผุดได้เกิดเลยคอยดู”
แล้วผมก็ล้มตัวลงนอนใหม่ คราวนี้หลับสบายยันเช้า เก็บกระเป๋าเช็คเอาท์เดินไปประชุมออฟฟิศลูกค้าข้าง ๆ เสร็จแล้วก็เดินข้ามถนนไปเช็คอินโรงแรมเจ้าประจำฝั่งตรงข้ามอย่างสบายใจโก๋
ที่จริงผมว่าพี่ผีเขมรเค้าอาจจะพยายามแล้วนะครับ อาจจะออกมาแหวะไส้แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกผมแล้วก็ได้ แต่ผมมันมีสกิลไม่พอเอง ไม่เห็นว่าอะไรเกิดขึ้น ได้แต่รู้สึกแปลก ๆ เท่านั้น
กลับมาเมืองไทย มาเล่าให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในวงเหล้าฟัง ก็มีน้องคนนึงให้ความเห็นที่น่าสนใจว่า
“เค้าคงไม่เคยเจอคนวีนเหมือนเมิงมากกว่าพี่ คนอะไรดุ กุเป็นผี กุก็กลัว อย่าไปยุ่งกับแม่มดีกว่า...”
คุณ ๆ ล่ะครับ อ่านมาถึงตอนนี้ คิดว่ามีผีหรือไม่มี ผมแค่หลอนไปเองเฉย ๆ
และถ้ามี พี่ผีเขมรเค้าคิดอะไรอยู่...