ตอนแรกก็ว่าจะเขียนหรือไม่เขียนดี แต่ก็เอาว่า เอาประสบการณ์การพักโรงแรมต่างๆในช่วงโควิทระบาดรอบ 3
ตอนนี้กักตัวเองอยู่ 9 วันล่ะ เพราะที่ทำงานให้ทำงานที่บ้าน และห้ามออกไปไหน โดยไม่จำเป็น รวมทั้งนอกเวลางานด้วย
ตอนนี้ยังไม่มีอาการอะไร และยังไม่ได้ตรวจโควิท แต่กักตัวเพราะไปเที่ยวสมุยมา ช่วงสงกรานต์ 1 อาทิตย์ แล้วได้เห็นพฤติกรรม ของแต่ละครอบครัว และบุคคลที่ไปเที่ยวช่วง สงกรานต์ แล้วก่อนช่วงสงกรานต์ 1อาทิตย์ ตอนที่ โควิดที่ทองหล่อระบาด ตอนนี้งดเที่ยวโรงแรมยาวๆไปเลยจนกว่าสถานการณ์โควิดจะดีขึ้น เพราะได้เห็น พฤติกรรมแต่ละคนที่มาพักโรงแรม ต่อให้มี 1 ครอบครัวไม่ระมัดระวังโรค คุณก็กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงทันที ถ้าโชคดีครบครัวนั้นไม่ได้เป็นโควิดก็รอดไป แต่ถ้าเป็นมา คนในห้องอาหารนั้น ในยิม ใน Club longe ในสระว่ายน้ำ ต้องโดนกักตัวแน่นอน พนักงานก็ต้องโดนกักตัวด้วย
แล้วกว่าคุณจะรู้ตัวต้องอย่างน้อย 1 อาทิตย์หลังจากที่คุณพักมาแล้ว เค้าถึงบอกทามไลน์ย้อนหลังพักไหนมาบ้างซึ่งมันก็สายไปสำหรับคุณแล้ว
พฤติกรรมในโรงแรมที่ไม่คิดถึงส่วนรวมช่วงโควิดที่เห็นบ่อยๆ (ถ้าไม่มีโรคโควิด คือเรื่องธรรมดามาก)
1. คุยเสียงดังมากๆๆ
เหมือนอยู่ในห้องส่วนตัว ฝรั่งหัวทองดีตัวดีเลย แล้วมากันเป็นหลายครอบครัว มานั่งรอบวงเป็นโต็ะจีนกันที่เดียว คนไทยก็มีบ้าง คุยในห้องคลับตั้งแต่คลับเปิดยังคลับปิด เหมือนทั้งชีวิตไม่เคยคุยกัน แล้วภาษาอังกฤษเวลาออกเสียงนำ้ลายจะแตกฟองขนาดไหน แล้วกระจายไปทั่วห้องแล้วคิดว่าตอนกินอาหารมีใครใส่หน้ากากคุยกันไหม ไม่มีสักโต็ะรวมผมด้วย เห็นพวกนี้ทีไรเลี่ยงนั่งห่างไปเลย 3-4 โต็ะ ถ้าพวกนี้ติดเราอย่างน้อยก้เป็นเสี่ยงต่ำถึง กันไม่ได้ 100% ก็ตาม
หมอจุฬาฯ ชี้เสี่ยงแค่ไหน คุยกับคนติดโควิด เผยโอกาสสัมผัสละอองฝอย
2. Meeting ระหว่างครอบครัว
อันนี้ยอมใจเหมือนกันเห็นตอนระบาดที่ท่องหล่อ กับช่วงไปเที่ยวสงกรานต์ คือเหมือนทุกคนในครอบครัว มั่นใจอีกครอบครัวไม่ติดโควิดเหมือนกัน มานั่งร่วมโต็ะกินข้าวนั่งเมาท์
กัน หรือ เหมาเรือ เหมารถ ไปเที่ยวด้วยกันและคิดว่าทำขนาดนี้แล้วจะใส่หน้ากากตลอดเวลาที่คุยกัน แล้วนั่งรถแท็กซี่ผ่าน
ร้านอาหารดังๆที่สมุย คนไปแออัดกันเยอะมาก กล้าเข้าไปได้ไงขนาดนั้น ต่อให้อร่อยขนาดไหน ต้องย่อมเบียดเสียดคนไปนั่งกินเสี่ยงกับโควิดนี้น่ะ แล้วคุณมั่นใจได้หรือร้านอาหารข้างนอกแบบนั้นจะเอาน้ำยาฆ่าเชื้อโรคมาเช็ดโต็ะให้คุณก่อนนั่ง
3.บรรดาคุณหนูๆทั้งหลาย
ลูกของคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคนบนโลกนี้
เด้กร้องให้งอแง ส่งเสียงดัง ปล่อยลูกวิ่งเล่นในห้องอาหาร club longe ถ้าเป็นช่วงไม่มีโรคระบาดผมเฉยๆ เพราะเด็กก็คือเด็ก แต่นี้ช่วงโรคระบาด ถ้าลูกคุณเป็นโควิทแล้วร้องให้ตะโกนออกมา เชื้อมั่นจะแพร่ไปทั่วห้องได้เลย แล้วเด้กวิ่งเล่นไปจำโน้นนี้นั้น หกล้มกับพื้น แล้วแน่ใจว่าลูกคุณล้างมือทุกครั้งที่เอามือเข้าปาก มาเช็ดหน้าเช็ดตา เชื้อโรคอยู่ตามพื้นนี้เยอะมาก กลายเป็นว่าลูกเอาโรคมาติดคุณเอง (วิ่งเล่นส่วนมากเด็กฝรั่ง คนไทยจะน้อย และพ่อแม่จะห้าม )
4.คนรักสุขภาพ
ยิม สระว่ายน้ำ อยากให้เปิด อันนี้ ได้ยินแล้วปวดหัวมาก ถ้ารักสุขภาพขนาดนั้นสิ่งแรกเลย กักตัวอยู่ในบ้านในห้องยาวๆๆ ไม่ต้องออกไปไหน สั่งของกินมาส่งที่ห้อง หรือเหมาของที่แมคโครมาเลยแบบอยู่ได้ 1เดือน เช็ดล้างทำความสะอาดทุกชิ้นก่อนเก็บ อุปกรณ์ยิมสั่งให้พอเหมาะกับห้องมาไว้เลย มีบางคนคลั่งขนาดต้องไปยิมก่อนเค้าสั่งปิด 14 วัน ถ้าวันนั้นมีคนติดโควิดแล้วไปเล่นกับคุณ ก็ภาวนาว่าอย่าติดแล้วกัน เวลาผมไปยิมที่โรงแรมเปิด 24 ชม.จะไปดึกๆในช่วงที่คนไม่มี ส่วนมากได้แต่คิด ถึงเวลาจริงดูหนังนอนดีกว่า แล้วเวลาวิ่ง หรือยกเวท ถ้ามีคนเดินเข้ามา เล่นใกล้ๆ จะพยายามเดินออกห่างๆ หรือถ้าวิ่งลุ่วิ่งใกล้ๆก็จะรีบ Cool down แล้วเดินออกไปเลย สบายใจกว่า มานั่งระแวงคนที่เล่นด้วยว่าวิ่งไปจะเผลอ ไอ จามไหม แล้ววิ่งตัวทีใกล้ๆเครื่องฟอกอากาศ หรือไม่จะไปที่ยิมแบบ Open air ซึ่งโรงแรมส่วนมากก็ไม่มี ก่อนเล่นต้องมานั่งเช็ดอุปกรณ์ทุกชิ้นที่เล่น เล่นเสร็จก็ต้องมาเช็ดอีก เลยเลือกอุปกณ์เดียวเล่นได้หลายๆอย่างขี้เกียจมานั่งเช็ด และไม่เข้าเลยดีกว่า ยอมอ้วนกินและนอนขึ้นมาจะ 15 โลละตั้งแต่โควิดระบาด และพอสภาพแบบนี้เลยไม่กล้านัดเจอใคร ก้เลยไม่ได้สุ่งสิ่งกับใคร นอกจากบ้าน ที่ทำงาน ก็ลดความเสี่ยงไปได้อีก
ผมเข้ายิมเข้าสระว่ายน้ำแทบนับครั้งได้เลยตั้งแต่เกิดโควิด มีคนโกรธโรงแรมอีกว่าไม่แจ้งว่าสระปิด จะได้ไม่มา โควิดระบาดขนาดนี้ยังกล้าลงสระรวม เค้าก็บอกอยู่ครอลีนไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคได้ทุกอย่าง
หมอเตือน สระว่ายน้ำเสี่ยงแพร่โควิด-19 ย้ำ "คลอรีน" ไม่ได้ฆ่าเชื้อได้ทุกอย่าง
สารคัดหลั่งแบบไหน มีเชื้อโควิด-19 มากที่สุด
5. สายแอลกอฮอล์ drink drank drunk
พอจังหวัดไหนประกาศหยุดขาย หยุดให้บริการ ก็จะข้ามไปจังหวัดที่ให้ขายอยู่ ก็เพลาๆกันหน่อยครับ
งดการเดินทางงดการแพร่เชื้อ คุณไม่รู้หรอกว่าคุณเป็น หรือ ไม่เป็น จนกว่าจะตรวจ หรือไม่เป็นคุณอาจไปเอาเชื้อมาก็ได้ แค่ก้าวเท้าออกจากห้อง
จากบ้านคุณก็เสี่ยงแล้ว แค่มากน้อยต่างกัน ขอช่วงนี้ผ่านไปก่อน ค่อยว่ากัน มีข่าวทุกวันรอเตียงจนตาย
ดื่มแอลกอฮอล์-สูบบุหรี่ เสี่ยง “โควิด-19” มากกว่าคนปกติ
6.คนที่ไปต่อ ยังพร้อมที่จะเสี่ยงไปพักโรงแรมต่างๆอยู่ เห็นโปรโมชั่นดีๆๆ ราคาดีเลยไปพัก หลังโควิดคงไม่มีราคานี้แล้ว
ก็คนที่พร้อมเสี่ยงก็สนับสนุนให้ไปต่อครับ เพราะโรงแรมจะได้มีรายได้บ้าง แต่ต้องมั่นใจตัวเองว่าป้องกันตัวเองดี โรงแรมมีมาตรการเข็มงวด
หรือถ้าโชคร้ายติดขึ้นมา มั่นใจว่าคุณมีกำลังภายใน มีเส้นสาย มีเงิน ที่จะเข้าเตียง เข้าถึงโรงพยาบาล มีเงินจ่ายโรงพยาบาลเอกชน
แล้วมั่นใจว่าคุณเป็นคนโชคดีใน 90% ที่เชื้อจะไม่ลงปอด ไม่ต้องเข้า ICU ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
ในโลกนี้ไม่มีคำว่าสิทธิเท่าเทียมกันจริงๆหรอกครับ
เค้าก็เลือกช่วยชีวิตตามลำดับตามนี้ล่ะ
สุดท้ายชีวิตคงต้องดำเนินต่อไป ต้องออกไปหาเลี้ยงชีพ
ก็มีคาถาป้องกันเท่าทีเราจะทำได้ ก็สวมหน้ากาก(ถอดเข้า ถอดออกให้น้อยที่สุด) ล้างมือบ่อยๆ (พยายามไม่เอามือมาเช็ดหน้า หยิบอาหารเข้าปากถ้ามือไม่สะอาด ยังไม่ได้ล้าง) ก็ขอให้ทุกคนปลอดภัย และยังมีหน้าที่การงานทำกันครับ
แชร์ประสบการณ์ การเข้าพักโรงแรม ในช่วงโควิด
ตอนนี้กักตัวเองอยู่ 9 วันล่ะ เพราะที่ทำงานให้ทำงานที่บ้าน และห้ามออกไปไหน โดยไม่จำเป็น รวมทั้งนอกเวลางานด้วย
ตอนนี้ยังไม่มีอาการอะไร และยังไม่ได้ตรวจโควิท แต่กักตัวเพราะไปเที่ยวสมุยมา ช่วงสงกรานต์ 1 อาทิตย์ แล้วได้เห็นพฤติกรรม ของแต่ละครอบครัว และบุคคลที่ไปเที่ยวช่วง สงกรานต์ แล้วก่อนช่วงสงกรานต์ 1อาทิตย์ ตอนที่ โควิดที่ทองหล่อระบาด ตอนนี้งดเที่ยวโรงแรมยาวๆไปเลยจนกว่าสถานการณ์โควิดจะดีขึ้น เพราะได้เห็น พฤติกรรมแต่ละคนที่มาพักโรงแรม ต่อให้มี 1 ครอบครัวไม่ระมัดระวังโรค คุณก็กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงทันที ถ้าโชคดีครบครัวนั้นไม่ได้เป็นโควิดก็รอดไป แต่ถ้าเป็นมา คนในห้องอาหารนั้น ในยิม ใน Club longe ในสระว่ายน้ำ ต้องโดนกักตัวแน่นอน พนักงานก็ต้องโดนกักตัวด้วย
แล้วกว่าคุณจะรู้ตัวต้องอย่างน้อย 1 อาทิตย์หลังจากที่คุณพักมาแล้ว เค้าถึงบอกทามไลน์ย้อนหลังพักไหนมาบ้างซึ่งมันก็สายไปสำหรับคุณแล้ว
พฤติกรรมในโรงแรมที่ไม่คิดถึงส่วนรวมช่วงโควิดที่เห็นบ่อยๆ (ถ้าไม่มีโรคโควิด คือเรื่องธรรมดามาก)
1. คุยเสียงดังมากๆๆ
เหมือนอยู่ในห้องส่วนตัว ฝรั่งหัวทองดีตัวดีเลย แล้วมากันเป็นหลายครอบครัว มานั่งรอบวงเป็นโต็ะจีนกันที่เดียว คนไทยก็มีบ้าง คุยในห้องคลับตั้งแต่คลับเปิดยังคลับปิด เหมือนทั้งชีวิตไม่เคยคุยกัน แล้วภาษาอังกฤษเวลาออกเสียงนำ้ลายจะแตกฟองขนาดไหน แล้วกระจายไปทั่วห้องแล้วคิดว่าตอนกินอาหารมีใครใส่หน้ากากคุยกันไหม ไม่มีสักโต็ะรวมผมด้วย เห็นพวกนี้ทีไรเลี่ยงนั่งห่างไปเลย 3-4 โต็ะ ถ้าพวกนี้ติดเราอย่างน้อยก้เป็นเสี่ยงต่ำถึง กันไม่ได้ 100% ก็ตาม
หมอจุฬาฯ ชี้เสี่ยงแค่ไหน คุยกับคนติดโควิด เผยโอกาสสัมผัสละอองฝอย
2. Meeting ระหว่างครอบครัว
อันนี้ยอมใจเหมือนกันเห็นตอนระบาดที่ท่องหล่อ กับช่วงไปเที่ยวสงกรานต์ คือเหมือนทุกคนในครอบครัว มั่นใจอีกครอบครัวไม่ติดโควิดเหมือนกัน มานั่งร่วมโต็ะกินข้าวนั่งเมาท์กัน หรือ เหมาเรือ เหมารถ ไปเที่ยวด้วยกันและคิดว่าทำขนาดนี้แล้วจะใส่หน้ากากตลอดเวลาที่คุยกัน แล้วนั่งรถแท็กซี่ผ่าน
ร้านอาหารดังๆที่สมุย คนไปแออัดกันเยอะมาก กล้าเข้าไปได้ไงขนาดนั้น ต่อให้อร่อยขนาดไหน ต้องย่อมเบียดเสียดคนไปนั่งกินเสี่ยงกับโควิดนี้น่ะ แล้วคุณมั่นใจได้หรือร้านอาหารข้างนอกแบบนั้นจะเอาน้ำยาฆ่าเชื้อโรคมาเช็ดโต็ะให้คุณก่อนนั่ง
3.บรรดาคุณหนูๆทั้งหลาย
ลูกของคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคนบนโลกนี้
เด้กร้องให้งอแง ส่งเสียงดัง ปล่อยลูกวิ่งเล่นในห้องอาหาร club longe ถ้าเป็นช่วงไม่มีโรคระบาดผมเฉยๆ เพราะเด็กก็คือเด็ก แต่นี้ช่วงโรคระบาด ถ้าลูกคุณเป็นโควิทแล้วร้องให้ตะโกนออกมา เชื้อมั่นจะแพร่ไปทั่วห้องได้เลย แล้วเด้กวิ่งเล่นไปจำโน้นนี้นั้น หกล้มกับพื้น แล้วแน่ใจว่าลูกคุณล้างมือทุกครั้งที่เอามือเข้าปาก มาเช็ดหน้าเช็ดตา เชื้อโรคอยู่ตามพื้นนี้เยอะมาก กลายเป็นว่าลูกเอาโรคมาติดคุณเอง (วิ่งเล่นส่วนมากเด็กฝรั่ง คนไทยจะน้อย และพ่อแม่จะห้าม )
4.คนรักสุขภาพ
ยิม สระว่ายน้ำ อยากให้เปิด อันนี้ ได้ยินแล้วปวดหัวมาก ถ้ารักสุขภาพขนาดนั้นสิ่งแรกเลย กักตัวอยู่ในบ้านในห้องยาวๆๆ ไม่ต้องออกไปไหน สั่งของกินมาส่งที่ห้อง หรือเหมาของที่แมคโครมาเลยแบบอยู่ได้ 1เดือน เช็ดล้างทำความสะอาดทุกชิ้นก่อนเก็บ อุปกรณ์ยิมสั่งให้พอเหมาะกับห้องมาไว้เลย มีบางคนคลั่งขนาดต้องไปยิมก่อนเค้าสั่งปิด 14 วัน ถ้าวันนั้นมีคนติดโควิดแล้วไปเล่นกับคุณ ก็ภาวนาว่าอย่าติดแล้วกัน เวลาผมไปยิมที่โรงแรมเปิด 24 ชม.จะไปดึกๆในช่วงที่คนไม่มี ส่วนมากได้แต่คิด ถึงเวลาจริงดูหนังนอนดีกว่า แล้วเวลาวิ่ง หรือยกเวท ถ้ามีคนเดินเข้ามา เล่นใกล้ๆ จะพยายามเดินออกห่างๆ หรือถ้าวิ่งลุ่วิ่งใกล้ๆก็จะรีบ Cool down แล้วเดินออกไปเลย สบายใจกว่า มานั่งระแวงคนที่เล่นด้วยว่าวิ่งไปจะเผลอ ไอ จามไหม แล้ววิ่งตัวทีใกล้ๆเครื่องฟอกอากาศ หรือไม่จะไปที่ยิมแบบ Open air ซึ่งโรงแรมส่วนมากก็ไม่มี ก่อนเล่นต้องมานั่งเช็ดอุปกรณ์ทุกชิ้นที่เล่น เล่นเสร็จก็ต้องมาเช็ดอีก เลยเลือกอุปกณ์เดียวเล่นได้หลายๆอย่างขี้เกียจมานั่งเช็ด และไม่เข้าเลยดีกว่า ยอมอ้วนกินและนอนขึ้นมาจะ 15 โลละตั้งแต่โควิดระบาด และพอสภาพแบบนี้เลยไม่กล้านัดเจอใคร ก้เลยไม่ได้สุ่งสิ่งกับใคร นอกจากบ้าน ที่ทำงาน ก็ลดความเสี่ยงไปได้อีก
ผมเข้ายิมเข้าสระว่ายน้ำแทบนับครั้งได้เลยตั้งแต่เกิดโควิด มีคนโกรธโรงแรมอีกว่าไม่แจ้งว่าสระปิด จะได้ไม่มา โควิดระบาดขนาดนี้ยังกล้าลงสระรวม เค้าก็บอกอยู่ครอลีนไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคได้ทุกอย่าง
หมอเตือน สระว่ายน้ำเสี่ยงแพร่โควิด-19 ย้ำ "คลอรีน" ไม่ได้ฆ่าเชื้อได้ทุกอย่าง
สารคัดหลั่งแบบไหน มีเชื้อโควิด-19 มากที่สุด
5. สายแอลกอฮอล์ drink drank drunk
พอจังหวัดไหนประกาศหยุดขาย หยุดให้บริการ ก็จะข้ามไปจังหวัดที่ให้ขายอยู่ ก็เพลาๆกันหน่อยครับ
งดการเดินทางงดการแพร่เชื้อ คุณไม่รู้หรอกว่าคุณเป็น หรือ ไม่เป็น จนกว่าจะตรวจ หรือไม่เป็นคุณอาจไปเอาเชื้อมาก็ได้ แค่ก้าวเท้าออกจากห้อง
จากบ้านคุณก็เสี่ยงแล้ว แค่มากน้อยต่างกัน ขอช่วงนี้ผ่านไปก่อน ค่อยว่ากัน มีข่าวทุกวันรอเตียงจนตาย
ดื่มแอลกอฮอล์-สูบบุหรี่ เสี่ยง “โควิด-19” มากกว่าคนปกติ
6.คนที่ไปต่อ ยังพร้อมที่จะเสี่ยงไปพักโรงแรมต่างๆอยู่ เห็นโปรโมชั่นดีๆๆ ราคาดีเลยไปพัก หลังโควิดคงไม่มีราคานี้แล้ว
ก็คนที่พร้อมเสี่ยงก็สนับสนุนให้ไปต่อครับ เพราะโรงแรมจะได้มีรายได้บ้าง แต่ต้องมั่นใจตัวเองว่าป้องกันตัวเองดี โรงแรมมีมาตรการเข็มงวด
หรือถ้าโชคร้ายติดขึ้นมา มั่นใจว่าคุณมีกำลังภายใน มีเส้นสาย มีเงิน ที่จะเข้าเตียง เข้าถึงโรงพยาบาล มีเงินจ่ายโรงพยาบาลเอกชน
แล้วมั่นใจว่าคุณเป็นคนโชคดีใน 90% ที่เชื้อจะไม่ลงปอด ไม่ต้องเข้า ICU ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
ในโลกนี้ไม่มีคำว่าสิทธิเท่าเทียมกันจริงๆหรอกครับ
เค้าก็เลือกช่วยชีวิตตามลำดับตามนี้ล่ะ
สุดท้ายชีวิตคงต้องดำเนินต่อไป ต้องออกไปหาเลี้ยงชีพ
ก็มีคาถาป้องกันเท่าทีเราจะทำได้ ก็สวมหน้ากาก(ถอดเข้า ถอดออกให้น้อยที่สุด) ล้างมือบ่อยๆ (พยายามไม่เอามือมาเช็ดหน้า หยิบอาหารเข้าปากถ้ามือไม่สะอาด ยังไม่ได้ล้าง) ก็ขอให้ทุกคนปลอดภัย และยังมีหน้าที่การงานทำกันครับ