เรื่องนํ้ามันเป็นอีกเรื่องนึงเลยที่ได้ยินคนพูดกันอยู่ ว่า
ไทยมีนํ้ามันเยอะมาก
ส่งออกไปต่างประเทศตลอด
ขายให้ต่างชาติถูกกว่าขายในประเทศ
งั้นวันนี้เลยจะพาไปดูเลยว่าประเทศเรามีน้ำมันเยอะจริงหรือไม่ แล้วส่งออกอะไรไปไหน นำเข้าอะไรจากไหน
เยอะขนาดไหนแล้วราคาแพงจริงไหมแพงจากอะไร
โดยต้องบอกก่อนว่าข้อมูลหลัก ๆ จะมาจาก สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ของปี 2563
http://tradereport.moc.go.th/TradeThai.aspx

อย่างที่เห็นในปีที่แล้วเราส่งออกนํ้ามันสำเร็จรูปเป็นมูลค่า 1 แสน 6 หมื่นล้านกว่าบาท ซึ่งดูเหมือนมีมูลค่าสูงจริง
แต่สิ่งที่ทำมูลค่าให้กับประเทศมากที่สุดกับเป็นกลุ่ม อุตสาหกรรม ฝั่งอุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ที่มีมูลค่าถึง 6แสนกว่าล้านบาท
ส่วนมูลค่าการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ในลำดับที่ 9 ของประเทศ เทียบกันแล้วยังห่างอีกเยอะ
มาต่อกันที่ข้อมูลฝั่งการนำเข้าบ้าง

ประเทศไทยนำเข้านํ้ามันดิบเป็นลำดับต้นๆ โดยคิดเป็นมูลค่า 5.3 แสนล้านกว่าบาท
เป็นรองแค่อันดับเดียวคือ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ที่นำเข้าถึง 5.6 แสนล้านบาท
เรื่องนี้บอกอะไรได้บ้าง ข้อมูลตรงนี้บอกได้ว่าประเทศเราเป็นประเทศที่เป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมเยอะมาก
ทำให้มีการนำเข้าเครื่องจักร (จากรูปในหัวข้อแรก) แล้วก็ส่งออกไปเป็นพวกส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ต่างเป็นอันดับ 1
มีการส่งออกน้ำมันจริง โดยที่ส่งออกเป็นสำเร็จรูป และมูลค่าไม่สูงเมื่อเทียบกับการนำเข้าน้ำมันดิบ
ส่วนเรื่องนํ้ามันดิบบอกอะไรได้บ้าง
จริงผมว่ามันน่าจะบอกว่า บ้านเรามีโรงกลั่นเราเยอะระดับนึง ถึงได้นำเข้าเป็นนํ้ามันดิบเพื่อนำมากลั่นเป็นสำเร็จรูปสำหรับใช้ในประเทศ และก็มีบางส่วนที่ส่งออกไปขายต่างประเทศ
แต่ถ้ามาดูจริงในรายละเอียด เรานำเข้าน้ำมันดิบ 5 แสนกว่าล้านบาท นำมากลั่นและส่งออกในรูปแบบน้ำมันสำเร็จรูปไปได้แค่ แสนกว่าล้านบาท ที่เหลือไปไหนก็แปลว่าต้องขายในประเทศเนี่ยแหล่ะ
ก็แปลอีกรอบได้ว่าประเทศเราไม่มีได้มีนํ้ามันดิบเยอะพอที่จะนำมากลั่นให้พอใช้ในประเทศได้
จนต้องนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเพื่อกลั่นขายในประเทศ ส่วนเรื่องส่งออกไปต่างประเทศ ก็จริงนั่นแหละที่เราก็มี
การส่งออกน้ำมันด้วย แต่ก็อย่าลืมเรื่องของปริมาณว่าไม่ได้มากมาย และที่ส่งออกก็เป็นน้ำมันสำเร็จรูป ซึ่งส่วนใหญ่คือน้ำมันเบนซินที่เหลือจากการกลั่น มาถึงตรงนี้ก็ต้องเล่าต่ออีกยาวว่าประเทศไทยมีความต้องการน้ำมันดีเซลมากกว่าเบนซิน แต่เราไม่สามารถกำหนดปริมาณการกลั่นได้ว่าจะกลั่นให้ได้น้ำมันดีเซลเท่านั้น และขอเป็นน้ำมันเบนซินเท่านี้พอ ถ้าเราอยากได้น้ำมันดีเซลให้เพียงพอกับความต้องการ ก็ต้องมีน้ำมันเบนซินที่กลั่นได้เหลือเกินกว่าความต้องการ และในเมื่อมันเหลือจะเก็บเอาไว้ทำไมให้เปลืองที่ล่ะครับ มันก็ต้องส่งออกไปขายในต่างประเทศนั่นแหละ

จากรูปในข้อนี่ที่เห็นเลยก็คือเรามีส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปขายเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนนี่แหละ และประเทศที่เราส่งมากสุดก็คือกัมพูชา คิดเป็นมูลค่า 3 หมื่นกว่าล้านบาท
แต่บางคนอาจจะแย้งว่าจากข้อมูลเรามีส่งน้ำมันดิบออกนอกประเทศด้วย ก็ในเมื่อบ้านเราก็มีน้ำมันดิบจะไปส่งออกทำไม ไม่เก็บไว้ให้คนไทยใช้ ก็เป็นของที่ขุดได้ในประเทศแท้ๆ ทำไมยังต้องไปนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ
เป็นความจริงที่ในประเทศไทยของเราเองก็มีหลุมขุดเจาะน้ำมันอยู่บ้าง แต่ก็เพราะปริมาณน้ำมันที่ขุดได้ไม่พอกับการใช้นั่นแหละถึงได้ต้องมีการนำเข้าที่เยอะมากแบบในรูป 1
ส่วนสาเหตุที่เราต้องมีการส่งออกน้ำมันดิบด้วย งั้นก็ไปที่รูปต่อไป

ในนํ้ามันดิบจากแต่ละแหล่งจะมีสารประกอบที่แตกต่างกัน น้ำมันดิบที่ขุดได้ในไทยก็จะมีบางแหล่งมีสารปนเปื้อนสูง ทำให้ไม่เหมาะกับโรงกลั่นบ้านเราที่สร้างขึ้นมาเพื่อกลั่นน้ำมันที่มีคุณสมบัติอีกแบบได้ จึงทำให้โรงกลั่นในไทยไม่สามารถกลั่นน้ำมันดิบที่ขุดได้ในประเทศด้วยระบบปกติ ทางออกที่น่าจะเรียกว่า win-win กันทุกฝ่ายจึงเป็นการส่งออกดังน้ำมันดิบที่ขุดได้ในส่วนนี้ไปยังประเทศที่มีโรงกลั่นที่มีถูกออกแบบให้เหมาะสมกับการกลั่นกับน้ำมันดิบแบบนี้ได้จะดีกว่า
ดังนั้นการส่งออกน้ำมันดิบไปยังต่างประเทศ มีจริงแต่ก็แค่ 27% จากน้ำมันดิบที่ขุดได้ในประเทศ ถือว่าไม่ได้มีสัดส่วนที่มากมายจนมีนัยยะสำคัญอะไร และสมมุติถ้าเราทู้ซี้จะกลั่นน้ำมันทั้งหมดที่ขุดได้ในประเทศด้วยวิธีที่อาจจะมีค่าใช้สูงขึ้นกว่าปกติก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศอยู่ดี
มากลับมาที่ข้อมูลนำเข้ากันต่อว่าเรานำเข้าน้ำมันดิบจากที่ไหนกันบ้าง

คือแค่เห็นชื่อแต่ละประเทศจำนวนเงินที่นำเข้าและสิ่งที่นำเข้าจริง ๆ มันก็ชัดมากว่าเรามีความต้องการนํ้ามันที่เยอะมาก เราต้องนำเข้าจากประเทศที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมัน
แล้วมันยังบอกได้ว่าเรามีกำลังการกลั่นที่สูงพอสมควรเพราะเราสามารถกลั่นน้ำมันให้พอใช้ในประเทศ และก็ยังมีส่วนที่สามารถส่งออกได้อีก แต่ต้องไม่ลืมว่า น้ำมันดิบที่เราเอากลั่นก็ยังต้องนำเข้าอยู่ดี
และหัวข้อสุดท้ายเรื่องส่งออกถูก ขายในประเทศแพง
ต้องเริ่มที่ราคานํ้ามันสำเร็จรูปก่อนว่าจริงแล้วราคาสำเร็จรูปราคามันจะใกล้ ๆ กันหมดเพราะน้ำมันเป็นสินค้า commodity
ซึ่งราคาน้ำมันที่เราเติมกันที่ปั๊มในบ้านเรานั้นมันคือราคานํ้ามันที่มีการบวกภาษีเข้ามาแล้ว
แต่ราคาที่เราส่งออกมันคือราคาของสินค้าที่ยังไม่ได้บวกภาษี ตรงนี้ตั้งสติกันนิดนึงนะ concept ก็คือในการส่งออกเราต้องใช้ราคาสินค้า จะไปเอาราคาที่ รวมภาษีของสินค้าในประเทศไปส่งออกได้ยังไง จริงมั้ย? เรื่องราคาส่งออกมันไม่ได้รวมภาษี มันก็ต้องถูกกว่าที่ขายในประเทศอยู่แล้ว
สรุปเลย
ประเทศเรามีการส่งออกน้ำมันจริง แต่ก็มีการนำเข้าที่เยอะกว่าเกือบ 4 เท่า
มีส่งออกน้ำมันไปประเทศเพื่อนบ้านจริงแต่เป็นก็เหมือนส่วนเหลือจากความต้องการในประเทศนั้นแหละ
เพราะจากข้อมูลเราต้องนำเข้ามาร่วม 5แสนกว่าล้านบาท ส่งออกไปได้แค่ แสนล้านนิดๆ อีก4แสนกว่าล้านบาท ก็น่าจะคือส่วนที่ซื้อมากลั่นแล้วก็ใช้ในประเทศกันนี่แหละ
ราคาน้ำมันในประเทศแพงกว่าที่ส่งออกไปขายเพื่อนบ้าน ราคาส่งออกไม่รวมภาษีก็ต้องถูกกว่าอยู่แล้ว
แล้วก็อย่ามัวแต่ดูเทียบกับประเทศที่เค้าถูกกว่าเพราะเค้าเป็นเศรษฐีน้ำมัน ถ้าจะเอาจริงถ้าไปดูราคาตลาดนํ้ามันทั่วโลก ราคาน้ำมันประเทศเราจะอยู่กลาง ๆ มีทั้งประเทศที่ถูกกว่าแล้วก็แพงกว่า
https://www.globalpetrolprices.com/gasoline_prices/
แต่ถ้าจะดูแค่ละแวกเพื่อนบ้านเราเองก็ตามรูป

ราคาเราก็จะอยู่กลาง ๆ แล้วบ้านเราก็มีเก็บภาษีจากทั้งดีเซลแล้วก็เบนซิน แต่ส่วนใหญ่ประเทศอื่นเค้าจะเก็บภาษีเบนซินเยอะกว่ากลุ่มดีเซล
เพราะถือว่าช่วยกลุ่มอุตสาหกรรมแล้วก็พวกขนส่งไปในตัว
ขุดนํ้ามันในไทยแต่ทำไมขายต่างชาติถูก
ไทยมีนํ้ามันเยอะมาก
ส่งออกไปต่างประเทศตลอด
ขายให้ต่างชาติถูกกว่าขายในประเทศ
งั้นวันนี้เลยจะพาไปดูเลยว่าประเทศเรามีน้ำมันเยอะจริงหรือไม่ แล้วส่งออกอะไรไปไหน นำเข้าอะไรจากไหน
เยอะขนาดไหนแล้วราคาแพงจริงไหมแพงจากอะไร
โดยต้องบอกก่อนว่าข้อมูลหลัก ๆ จะมาจาก สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ของปี 2563
http://tradereport.moc.go.th/TradeThai.aspx
อย่างที่เห็นในปีที่แล้วเราส่งออกนํ้ามันสำเร็จรูปเป็นมูลค่า 1 แสน 6 หมื่นล้านกว่าบาท ซึ่งดูเหมือนมีมูลค่าสูงจริง
แต่สิ่งที่ทำมูลค่าให้กับประเทศมากที่สุดกับเป็นกลุ่ม อุตสาหกรรม ฝั่งอุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ที่มีมูลค่าถึง 6แสนกว่าล้านบาท
ส่วนมูลค่าการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ในลำดับที่ 9 ของประเทศ เทียบกันแล้วยังห่างอีกเยอะ
มาต่อกันที่ข้อมูลฝั่งการนำเข้าบ้าง
ประเทศไทยนำเข้านํ้ามันดิบเป็นลำดับต้นๆ โดยคิดเป็นมูลค่า 5.3 แสนล้านกว่าบาท
เป็นรองแค่อันดับเดียวคือ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ที่นำเข้าถึง 5.6 แสนล้านบาท
เรื่องนี้บอกอะไรได้บ้าง ข้อมูลตรงนี้บอกได้ว่าประเทศเราเป็นประเทศที่เป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมเยอะมาก
ทำให้มีการนำเข้าเครื่องจักร (จากรูปในหัวข้อแรก) แล้วก็ส่งออกไปเป็นพวกส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ต่างเป็นอันดับ 1
มีการส่งออกน้ำมันจริง โดยที่ส่งออกเป็นสำเร็จรูป และมูลค่าไม่สูงเมื่อเทียบกับการนำเข้าน้ำมันดิบ
ส่วนเรื่องนํ้ามันดิบบอกอะไรได้บ้าง
จริงผมว่ามันน่าจะบอกว่า บ้านเรามีโรงกลั่นเราเยอะระดับนึง ถึงได้นำเข้าเป็นนํ้ามันดิบเพื่อนำมากลั่นเป็นสำเร็จรูปสำหรับใช้ในประเทศ และก็มีบางส่วนที่ส่งออกไปขายต่างประเทศ
แต่ถ้ามาดูจริงในรายละเอียด เรานำเข้าน้ำมันดิบ 5 แสนกว่าล้านบาท นำมากลั่นและส่งออกในรูปแบบน้ำมันสำเร็จรูปไปได้แค่ แสนกว่าล้านบาท ที่เหลือไปไหนก็แปลว่าต้องขายในประเทศเนี่ยแหล่ะ
ก็แปลอีกรอบได้ว่าประเทศเราไม่มีได้มีนํ้ามันดิบเยอะพอที่จะนำมากลั่นให้พอใช้ในประเทศได้
จนต้องนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเพื่อกลั่นขายในประเทศ ส่วนเรื่องส่งออกไปต่างประเทศ ก็จริงนั่นแหละที่เราก็มี
การส่งออกน้ำมันด้วย แต่ก็อย่าลืมเรื่องของปริมาณว่าไม่ได้มากมาย และที่ส่งออกก็เป็นน้ำมันสำเร็จรูป ซึ่งส่วนใหญ่คือน้ำมันเบนซินที่เหลือจากการกลั่น มาถึงตรงนี้ก็ต้องเล่าต่ออีกยาวว่าประเทศไทยมีความต้องการน้ำมันดีเซลมากกว่าเบนซิน แต่เราไม่สามารถกำหนดปริมาณการกลั่นได้ว่าจะกลั่นให้ได้น้ำมันดีเซลเท่านั้น และขอเป็นน้ำมันเบนซินเท่านี้พอ ถ้าเราอยากได้น้ำมันดีเซลให้เพียงพอกับความต้องการ ก็ต้องมีน้ำมันเบนซินที่กลั่นได้เหลือเกินกว่าความต้องการ และในเมื่อมันเหลือจะเก็บเอาไว้ทำไมให้เปลืองที่ล่ะครับ มันก็ต้องส่งออกไปขายในต่างประเทศนั่นแหละ
จากรูปในข้อนี่ที่เห็นเลยก็คือเรามีส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปขายเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนนี่แหละ และประเทศที่เราส่งมากสุดก็คือกัมพูชา คิดเป็นมูลค่า 3 หมื่นกว่าล้านบาท
แต่บางคนอาจจะแย้งว่าจากข้อมูลเรามีส่งน้ำมันดิบออกนอกประเทศด้วย ก็ในเมื่อบ้านเราก็มีน้ำมันดิบจะไปส่งออกทำไม ไม่เก็บไว้ให้คนไทยใช้ ก็เป็นของที่ขุดได้ในประเทศแท้ๆ ทำไมยังต้องไปนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ
เป็นความจริงที่ในประเทศไทยของเราเองก็มีหลุมขุดเจาะน้ำมันอยู่บ้าง แต่ก็เพราะปริมาณน้ำมันที่ขุดได้ไม่พอกับการใช้นั่นแหละถึงได้ต้องมีการนำเข้าที่เยอะมากแบบในรูป 1
ส่วนสาเหตุที่เราต้องมีการส่งออกน้ำมันดิบด้วย งั้นก็ไปที่รูปต่อไป
ในนํ้ามันดิบจากแต่ละแหล่งจะมีสารประกอบที่แตกต่างกัน น้ำมันดิบที่ขุดได้ในไทยก็จะมีบางแหล่งมีสารปนเปื้อนสูง ทำให้ไม่เหมาะกับโรงกลั่นบ้านเราที่สร้างขึ้นมาเพื่อกลั่นน้ำมันที่มีคุณสมบัติอีกแบบได้ จึงทำให้โรงกลั่นในไทยไม่สามารถกลั่นน้ำมันดิบที่ขุดได้ในประเทศด้วยระบบปกติ ทางออกที่น่าจะเรียกว่า win-win กันทุกฝ่ายจึงเป็นการส่งออกดังน้ำมันดิบที่ขุดได้ในส่วนนี้ไปยังประเทศที่มีโรงกลั่นที่มีถูกออกแบบให้เหมาะสมกับการกลั่นกับน้ำมันดิบแบบนี้ได้จะดีกว่า
ดังนั้นการส่งออกน้ำมันดิบไปยังต่างประเทศ มีจริงแต่ก็แค่ 27% จากน้ำมันดิบที่ขุดได้ในประเทศ ถือว่าไม่ได้มีสัดส่วนที่มากมายจนมีนัยยะสำคัญอะไร และสมมุติถ้าเราทู้ซี้จะกลั่นน้ำมันทั้งหมดที่ขุดได้ในประเทศด้วยวิธีที่อาจจะมีค่าใช้สูงขึ้นกว่าปกติก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศอยู่ดี
มากลับมาที่ข้อมูลนำเข้ากันต่อว่าเรานำเข้าน้ำมันดิบจากที่ไหนกันบ้าง
คือแค่เห็นชื่อแต่ละประเทศจำนวนเงินที่นำเข้าและสิ่งที่นำเข้าจริง ๆ มันก็ชัดมากว่าเรามีความต้องการนํ้ามันที่เยอะมาก เราต้องนำเข้าจากประเทศที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมัน
แล้วมันยังบอกได้ว่าเรามีกำลังการกลั่นที่สูงพอสมควรเพราะเราสามารถกลั่นน้ำมันให้พอใช้ในประเทศ และก็ยังมีส่วนที่สามารถส่งออกได้อีก แต่ต้องไม่ลืมว่า น้ำมันดิบที่เราเอากลั่นก็ยังต้องนำเข้าอยู่ดี
และหัวข้อสุดท้ายเรื่องส่งออกถูก ขายในประเทศแพง
ต้องเริ่มที่ราคานํ้ามันสำเร็จรูปก่อนว่าจริงแล้วราคาสำเร็จรูปราคามันจะใกล้ ๆ กันหมดเพราะน้ำมันเป็นสินค้า commodity
ซึ่งราคาน้ำมันที่เราเติมกันที่ปั๊มในบ้านเรานั้นมันคือราคานํ้ามันที่มีการบวกภาษีเข้ามาแล้ว
แต่ราคาที่เราส่งออกมันคือราคาของสินค้าที่ยังไม่ได้บวกภาษี ตรงนี้ตั้งสติกันนิดนึงนะ concept ก็คือในการส่งออกเราต้องใช้ราคาสินค้า จะไปเอาราคาที่ รวมภาษีของสินค้าในประเทศไปส่งออกได้ยังไง จริงมั้ย? เรื่องราคาส่งออกมันไม่ได้รวมภาษี มันก็ต้องถูกกว่าที่ขายในประเทศอยู่แล้ว
สรุปเลย
ประเทศเรามีการส่งออกน้ำมันจริง แต่ก็มีการนำเข้าที่เยอะกว่าเกือบ 4 เท่า
มีส่งออกน้ำมันไปประเทศเพื่อนบ้านจริงแต่เป็นก็เหมือนส่วนเหลือจากความต้องการในประเทศนั้นแหละ
เพราะจากข้อมูลเราต้องนำเข้ามาร่วม 5แสนกว่าล้านบาท ส่งออกไปได้แค่ แสนล้านนิดๆ อีก4แสนกว่าล้านบาท ก็น่าจะคือส่วนที่ซื้อมากลั่นแล้วก็ใช้ในประเทศกันนี่แหละ
ราคาน้ำมันในประเทศแพงกว่าที่ส่งออกไปขายเพื่อนบ้าน ราคาส่งออกไม่รวมภาษีก็ต้องถูกกว่าอยู่แล้ว
แล้วก็อย่ามัวแต่ดูเทียบกับประเทศที่เค้าถูกกว่าเพราะเค้าเป็นเศรษฐีน้ำมัน ถ้าจะเอาจริงถ้าไปดูราคาตลาดนํ้ามันทั่วโลก ราคาน้ำมันประเทศเราจะอยู่กลาง ๆ มีทั้งประเทศที่ถูกกว่าแล้วก็แพงกว่า
https://www.globalpetrolprices.com/gasoline_prices/
แต่ถ้าจะดูแค่ละแวกเพื่อนบ้านเราเองก็ตามรูป
ราคาเราก็จะอยู่กลาง ๆ แล้วบ้านเราก็มีเก็บภาษีจากทั้งดีเซลแล้วก็เบนซิน แต่ส่วนใหญ่ประเทศอื่นเค้าจะเก็บภาษีเบนซินเยอะกว่ากลุ่มดีเซล
เพราะถือว่าช่วยกลุ่มอุตสาหกรรมแล้วก็พวกขนส่งไปในตัว