ตลาดหุ้นสหรัฐ ยังคงดิ่งต่อเนื่องในวันศุกร์ โดยดัชนี S&P 500 สูญเสียมูลค่าตลาดถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์การประกาศเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ของทรัมป์เมื่อวันพุธ
นักลงทุนส่วนใหญ่หนีไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยเช่น พันธบัตรรัฐบาล ขณะแนสแดคยืนยันว่าขณะนี้ อยู่ในตลาดหมี โดยปิดต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์มากกว่า 20% ขณะที่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ร่วงลงต่อ
การขาดทุน 5 ล้านล้านดอลลาร์ดังกล่าวถือเป็นการลดลงสองวันเป็นประวัติการณ์สำหรับดัชนี S&P 500 ซึ่งสูงกว่าการขาดทุนสองวัน 3.3 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม 2020 เมื่อโควิดระบาดแพร่กระจายไปทั่วตลาดโลก ตามข้อมูล LSEG ที่รวบรวมโดย Reuters
เพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีของทรัมป์ จีนกล่าวว่าจะจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม 34% สำหรับสินค้าอเมริกัน ซึ่งยืนยันสิ่งที่นักลงทุนกลัวว่าสงครามการค้าโลกเต็มรูปแบบกำลังดำเนินอยู่ และเศรษฐกิจโลกอาจเสี่ยงต่อภาวะถดถอย
ทรัมป์กำหนดอัตราภาษี 10% สำหรับการนำเข้าส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ และการเก็บภาษีที่สูงขึ้นมากจากหลายสิบประเทศ ทำให้เกิดอุปสรรคทางการค้าที่สูงที่สุดในรอบกว่า 100 ปี
ดัชนีหุ้นหลักทั้งสามแห่งของสหรัฐฯ ประสบกับการสูญเสียเปอร์เซ็นต์รายสัปดาห์ที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 และดัชนีความผันผวนของ Cboe (.VIX) กระโดดไปที่ 45.31 ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2020
ราคาหุ้นบริษัทที่ลงทุนในจีนลดลงไปทั่วทั้งกระดาน โดยที่ Apple (AAPL.O) ลดลง 7.3% ดัชนีผู้ผลิตชิป (.SOX) ทรุดตัวลง 7.6% หุ้นธนาคารและพลังงานร่วงลงท่ามกลางความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ลดลง 2,231.07 จุด หรือ 5.50% ปิดที่ 38,314.86 ดัชนียืนยันเข้าสู่ภาวะการปรับฐาน โดยต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคมมากกว่า 10%
ดัชนี S&P 500 (.SPX) ลดลง 322.44 จุด หรือ 5.97% ปิดที่ 5,074.08 จุด
และดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ลดลง 962.82 จุด หรือ 5.82% สู่ 15,587.79 จุด
ขณะที่ ทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 3,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อนที่จะหมดแรง ราคาทองล่าสุดลดลง 0.85% อยู่ที่ 3,106.99 ดอลลาร์ต่อออนซ์
น้ำมันดิ่งลง 7% ต่ำสุดในรอบ 3 ปีหลังจีนประกาศภาษีโต้สหรัฐ
ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเบรนท์อ้างอิงทั่วโลกตกลงที่ 4.56 ดอลลาร์หรือ 6.5% ลดลงเหลือ 65.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบล่วงหน้า West Texas Intermediate ของสหรัฐฯ ร่วงลง 4.96 ดอลลาร์หรือ 7.4% ปิดที่ 61.99 ดอลลาร์
ที่ระดับต่ำสุดของการซื้อขาย เบรนท์ ตกลงไปที่ 64.03 ดอลลาร์ และ WTI แตะที่ 60.45 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำที่สุดในรอบสี่ปี
สำหรับสัปดาห์นี้ ดัชนีเบรนต์ลดลง 10.9% ซึ่งเป็นการลดลงรายสัปดาห์ที่ใหญ่ที่สุดในแง่ของเปอร์เซ็นต์ในรอบปีครึ่ง
ในขณะที่ WTI โพสต์การลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสองปีโดยลดลง 10.6%
ตลาดหุ้นไทยปิดดิ่ง 36.60 จุด โบรกฯ ชี้ทรัมป์ขึ้นภาษีกดดัน ผันผวนยาว 1-3 เดือน จับตารัฐบาลเจรจาสหรัฐผ่อนปรนเงื่อนไขการค้า ประเมินแนวรับถัดไป 1,080-1,100 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทย วันนี้ (4 เม.ย.) ปิดตลาดที่ 1,125.21 จุด ปรับลดลง 36.60 จุด หรือปรับลดลง 3.15% มูลค่าการซื้อขาย 48,286.09 ล้านบาท ระหว่างวันขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1,156.02 จุด และลงไปต่ำสุดที่ 1,122.51 จุด แบ่งตามประเภทนักลงทุน สถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 2,701.80 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิ 331.71 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 6,398.76 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 8,768.85 ล้านบาท
นายภูวดล ภูสอดเงิน ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่หลังโควิด-19 แต่ยังสูงกว่าช่วงโควิด-19 ที่ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 969 จุด รับผลกระทบจากสหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสูงกว่าปกติ เซอร์ไพรส์ตลาด โดยไทย อยู่ที่ 37% เนื่องจากมีการนำในส่วนของการเสียดุลทางการค้า และการละเมิดลิขสิทธิ์เข้าไปคิดคำนวณเพิ่มเติมจากอัตราภาษีด้วย
โดยประเมินว่าตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทย จะยังคงมีความผันผวนกว่าปกติ ต่อเนื่องไปอีก 1-3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แต่ละประเทศจะดำเนินการต่ออัตราภาษีนำเข้าที่ถูกปรับขึ้นใน 3 แนวทาง ได้แก่
1.ตอบโต้กลับโดยตรง เช่น ประเทศใหญ่ๆ อย่างจีน และยุโรป ล่าสุด จีนตอบโต้สหรัฐ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 34% มีผลวันที่ 10 เม.ย.2568
2.เจรจาผ่อนปรนเงื่อนไขทางการค้ากับสหรัฐฯ เช่น กลุ่มประเทศในแถบเอเชีย
3.การหาช่องโหว่ทางกฎหมายในการฟ้องร้อง
สำหรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเกษตร อาหาร และกลุ่มหมู-ไก่ ส่วนที่รับผลกระทบทางอ้อม อาทิ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากการลงทุนลดลง และจะไม่มีความต้องการย้ายฐานการผลิต
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ อัตราการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ประจำเดือน มี.ค. โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงาน จะเพิ่มขึ้นเพียง 139,000 ตำแหน่ง ในเดือน มี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่ง ในเดือน ก.พ. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือน มี.ค.
สำหรับแนวโน้มวันอังคาร (8 เม.ย.) ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,110-1,150 จุด โดยให้แนวรับถัดไปที่ 1,080-1,100 จุด ด้วย EPS ที่ 88 บาท และ P/E ที่ 12.3 เท่า
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
GULF มูลค่าการซื้อขาย 4,182.03 ล้านบาท ปิดที่ 45.00 บาท ลดลง 3.75 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,258.78 ล้านบาท ปิดที่ 159.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,194.88 ล้านบาท ปิดที่ 140.00 บาท ลดลง 4.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,028.54 ล้านบาท ปิดที่ 106.00 บาท ลดลง 9.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,934.25 ล้านบาท ปิดที่ 31.50 บาท ลดลง 0.75 บาท
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงหนัก S&P 500 เจ๊ง 5 ล้านล้านดอลลาร์ในสองวัน และ ภาษีทรัมป์เล่นงาน! หุ้นไทยปิดดิ่ง 36.60 จุด
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,258.78 ล้านบาท ปิดที่ 159.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,194.88 ล้านบาท ปิดที่ 140.00 บาท ลดลง 4.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,028.54 ล้านบาท ปิดที่ 106.00 บาท ลดลง 9.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,934.25 ล้านบาท ปิดที่ 31.50 บาท ลดลง 0.75 บาท