หลาย ๆ คนคงไม่เชื่อว่า ถึงเป็นหนี้ก็สามารถออมเงินได้ เพราะเมื่อคนส่วนใหญ่เป็นหนี้ ก็คงมุ่งความสำคัญกับการเคลียร์หนี้มากกว่า แต่จริง ๆ แล้วทุกคนสามารถที่จะเก็บออมเงินได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นหนี้ก็ตาม ซึ่งบทความซีรีส์ปลดหนี้ตอนที่ 6 เป็นตอนสุดท้ายแล้ว ผมจะอธิบายการออมเงินแบบไหน ที่จะช่วยให้ทุกคนปลดหนี้ได้ จะเกี่ยวข้องกับคลิปที่ 5 ด้วยที่เป็นบัญชีรายรับรายจ่าย (สามารถดูบทความตอน วิธีปลดหนี้บัตรเครดิต หนี้นอกระบบ EP5 - วิธีทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อใช้หนี้ ย้อนหลังได้นะครับ) แล้วแบ่งประเภทรูปแบบของการเก็บเงินออมเงินเพื่อให้มีวินัยการใช้เงินที่ถูกต้องนั้นเป็นอย่างไร มาดูกัน…
 
 
เมื่อคุณสามารถบริหารจัดการการทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย ออกมาเรียบร้อยแล้ว คุณก็จะได้ตัวเลขที่เป็นเงินเหลือในเดือนนั้น ๆ สมมุติว่า ผมยกตัวเลขเงินเหลือในตารางบัญชีรายรับ – รายจ่าย จากช่องตารางด้านบน ที่เหลือในแต่ละเดือนอยู่ที่ 9,200 บาท ทีนี้เมื่อคุณรู้แล้วว่าในแต่ละเดือนคุณสามารถเก็บเงินออมเงินได้เฉลี่ยประมาณเท่านี้ คุณก็อย่าเพิ่งชะล่าใจที่จะหลวมตัวอยากนำเงินเหล่านี้ไปใช้ในเรื่องที่ฟุ่มเฟือย เพราะคุณยังมีหนี้ในเดือนถัดไปที่ต้องชำระและเป้าหมายที่อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ฉะนั้น ขั้นตอนต่อไป เราจะต้องมาบริหารจัดการเรื่องเงินเก็บเงินออมในแต่ละเดือนของคุณ ว่าจะทำตารางออกมาอย่างไรให้คุณได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น และก่อนที่คุณจะไปเริ่มทำบัญชีในตารางต่อไปนั้น อันดับแรกคุณต้องมาดูตารางที่คุณได้ทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย เสียก่อน โดยให้คุณนำจำนวนค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือนมาลบกับรายได้ที่คุณได้ในแต่ละเดือน นั่นก็คือ 24,000 – 11,800 = 12,200 หลังจากนั้นให้คุณนำผลลัพธ์มาใส่ในช่องว่างในตารางถัดไป ดังนี้

            ซึ่งจะเห็นได้ว่า ในตารางจะให้คุณแบ่งแยกทำบัญชีออมทรัพย์ไว้เป็นทั้งหมด 3 บัญชี เพื่อเป็นการจัดระเบียบเงินออมของคนให้เป็นสัดเป็นส่วน ไม่ว่าจะเป็นเงินออมสำหรับใช้หนี้ในแต่ละเดือน เงินเพื่อนำไปลงทุน เงินออมยามฉุกเฉิน โดยเหตุผลที่ว่า

1.      ออมเพื่อใช้หนี้ (เปิดบัญชีออมทรัพย์เล่มที่ 1) : เป็นเรื่องที่คุณต้องทำอยู่แล้ว เพื่อเป็นการแบ่งให้เห็นชัดเจนไปเลยว่าเงินก้อนหนี้ไม่สามารถยืดหยุ่นหรือนำมาใช้ได้เลย เพราะคุณมีจุดประสงค์ที่อยากจะชำระหนี้อยู่แล้ว และเป็นเหตุผลแรกที่คุณต้องทำให้สำเร็จ
2.      ออมเพื่อลงทุน (เปิดบัญชีออมทรัพย์เล่มที่ 2) : ถือว่าเป็นเงินสำรองก้อนแรก ที่คุณต้องเก็บเอาไว้เพื่อนำไปลงทุนหรือนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดในภายภาคหน้า และลดภาวะเป็นหนี้ซ้ำสองถ้าหากคุณอยากจะเริ่มต้นใหม่ นั่นเอง
3.      ออมเพื่อฉุกเฉิน (เปิดบัญชีออมทรัพย์เล่มที่ 3) : เงินออมประเภทนี้ ที่จริงแล้วคุณสามารถเก็บได้ตามที่คุณสะดวก และสามารถยืดหยุ่นในการใช้ได้ แต่ต้องเป็นการใช้จ่ายที่มีเหตุมีผลจริง ๆ อาทิเช่น ค่ารักษาพยาบาล ทานข้าวกับครอบครัวในโอกาสสำคัญ เป็นต้น
 
 
 
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับว่ารายได้ในแต่ละเดือนคุณได้มาเท่าไหร่นะครับ เพราะรายได้ของแต่ละคนในแต่ละเดือนอาจจะไม่เท่ากัน แล้วถ้าหากคุณไม่มีการออมเงินในแต่ละเดือนหรือเดือนใดเดือนหนึ่งเลยล่ะ ก็จะกลายเป็นว่าคุณจะต้องทบยอดหนี้ที่ต้องชำระไปอีกในเดือนถัด ๆ ไป ซึ่งเป็นผลไม่ดีต่อเงินออมในด้านอื่น ๆ ของคุณ ฉะนั้น การหารายได้เพิ่มในทุก ๆ เดือนจึงจำเป็นกับคุณมาก และการหารายได้เพิ่มแล้วสามารถสร้างรายได้ให้คุณได้มากที่สุด และเป็นไปได้ตามที่คุณหวังไว้ นั่นก็คือ การขายของออนไลน์ ที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็หันมาสนใจธุรกิจนี้กันมากขึ้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถเริ่มทำได้เลย สะดวกสบาย ทำที่ไหนก็ได้ หรือแม้แต่คนไม่มีต้นทุนก็ทำได้เช่นเดียวกัน โดยอาจจะเริ่มเป็น ตัวแทนขายของแบบไม่ต้องสต็อกสินค้าไปก่อน นั่นเอง 
 
ดังนั้น คุณสามารถมีเงินออมไปพร้อม ๆ กับมีหนี้ได้ อย่างน้อยก็ควรมีเงินออมฉุกเฉินเพื่อจะได้ไม่สร้างหนี้ซ้ำซ้อน ส่วนเทคนิคการแก้หนี้ก็เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งคุณควรนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์หนี้ของตนเอง และสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะบอก ถ้าหากใครที่ไม่ชอบการขาย ผมแนะนำเลยครับว่าคุณต้องเริ่มพัฒนาตัวเองในด้าน “ทักษะการขาย” ได้แล้วนะครับ เพราะในยุคสมัยนี้การขายของออนไลน์ถือว่าเป็นทางรอดมากกว่าทางเลือกไปเสียแล้ว หรือคุณคิดว่าอย่างไร สามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ