สวัสดีครับ ในวันนี้ผมจะขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Roborock S7 หุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้นสุดล้ำเหนือกว่าใครด้วยการใช้เทคโนโลยี Sonic Mopping หรือก็คือการใช้การสั่นสะเทือนในการถูที่ไม่เคยมีมาก่อน ถือเป็นเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำหรับคนรักความสะอาดและพ่อบ้านแบบผมที่กวาดถูเองไม่ค่อยสะอาดนักเลยทีเดียว จาก Roborock แบรนด์ระดับโลก ที่มีการจัดจำหน่ายทั่วโลก ซึ่ง Roborock เป็นผู้วิจัยพัฒนา ออกแบบ และผลิตหุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้น อัจฉริยะเองทั้งด้าน Hardware, Software ซึ่งรวมถึงแอปพลิเคชันด้วย ไม่ว่าจะรุ่นไหน หรือมีกี่เครื่อง ก็สามารถเชื่อมต่อกับแอป Roborock ในแอปเดียว
สำหรับใครที่ไม่สะดวกอ่านบทความสามารถรับชมในรูปแบบของวิดีโอได้เช่นกันครับ
- In The Box -
ภายในกล่องของ Roborock S7 จะประกอบไปด้วย
1. หุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้น Roborock S7 (ผมติดตั้งแผ่นรองผ้าถู และผ้าถูเข้าไปแล้ว)
2. แท่นชาร์จ Roborock S7
3. สายชาร์จ Roborock S7
4. คู่มือการใช้งาน Roborock S7
5. คู่มือการใช้งานแอพ Roborock S7
- Design -
การออกแบบหุ่นยนต์ Roborock S7 ที่เรียบง่ายล้ำสมัย ที่มีข้อดีคือ ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจวิธีการใช้งาน และการทำความสะอาดได้ง่าย ด้านบนของ Roborock S7 มาพร้อมกับไฟสถานะของหุ่นยนต์ที่มีสีเตือน 4 สีคือ
1. สีขาว: กำลังดูดฝุ่น
2. สีน้ำเงิน: กำลังดูดฝุ่น และกำลังถูพื้น
3. สีส้ม: เตือนสิ่งผิดปกติในการทำงานของหุ่นยนต์
4. สีเขียว: กำลังชาร์จ
และปุ่มการสั่งงานด้วยกันเพียง 3 ปุ่มเท่านั้นคือ
1. ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องที่อยู่ตรงกลาง และใช้ในการสั่งงานทำความสะอาดหรือสั่งหยุดการทำความสะอาด
2. ปุ่มทางด้านขวาที่เป็นรูปบ้านนั้นคือการสั่งให้ Roborock S7 ของเรานั้นกลับไปยังแท่นชาร์จ
3. ปุ่มทางด้านขวามือจะเป็นการสั่งงาน Spot Clean หรือ Child Lock ที่เป็นประโยชร์สำหรับบ้านที่มีแมวหรือมีเด็กๆเลยทีเดียว
และตรงกลางของเครื่องด้านในมีการติดตั้ง LiDAR เซนเซอร์เข้ามา ทำให้การเคลื่อนที่นั้นแม่นยำมากขึ้นไม่ว่าจะมีสิ่งของอะไรมากีดขวางหุ่นยนต์สามารถรับรู้ได้ และประมวลผลเป็นแผนที่อย่างชาญฉลาดให้เราเห็นผ่านในสมาร์ทโฟนได้แบบง่ายๆเลย
เมื่อเราเปิดฝาด้านบนของ Roborock S7 ออกมา เราจะเห็นว่าด้านในนั้นจะมีไฟสถานะของ Wi-Fi และปุ่ม Reset ส่วนมุมตรงกลางจะมีถังขยะที่คอยเอาไว้เก็บฝุ่นที่ผมอยากจะแนะนำสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงว่าควรหมั่นทำความสะอาดหลังจากที่ใช้งานเสร็จแล้วทุกครั้ง เพราะว่าขนแมวที่มีจำนวนมากอาจจะไปติดที่ไส้กรองฝุ่นแล้วทำความสะอาดได้ยาก
เมื่อเรามองจากด้านหน้าของ Roborock S7 เราจะเห็นว่ามีช่องที่ใส่แท้งค์น้ำไว้สำหรับใช้ในการถูพื้นขนาด 300 มล. นั่นแหละครับ Roborock S7 เมื่อดูดฝุ่นที่พื้นให้เราเรียบร้อยแล้วจะทำการถูพื้นให้เราทันทีเลย ด้วยเทคโนโลยี SnapMop Electric Water Pump ที่จะปล่อยน้ำออกมาให้เหมาะสมกับระดับการใช้งานในการทำความสะอาด
ลองลงมาด้านล่างของแท้งค์น้ำนั่นก็คือผ้าเอาไว้สำหรับถูพื้นซึ่งถูกออกแบบให้รองรับแรงกดในเวลาถูพื้นสูงถึง 600 กรัม ด้วยการถูด้วยเทคโนโลยี Sonic Mopping ที่ใช้การสั่นสะเทือนเพื่อการขัดถูพื้นสูงถึง 3,000 ครั้งต่อนาที มั่นใจได้เลยว่าพื้นสะอาดแน่นอน
และฐานของ Roborock S7 มาพร้อมกับล้อด้วยกันทั้งหมด 3 ล้อ โดยทำงานแบบขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง และล้อด้านหน้า 1 ล้อ ทำหน้าที่ในการบังคับทิศทางนั่นเอง ในส่วนอื่นๆนั้นจะมี Cliff Sensors รอบทิศทาง และ Ultrasonic ด้านหน้าเพื่อตรวจสอบพื้นผิวในการเคลื่อนที่
และการดูดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพของ Roborock S7 นั้นใช้งานแปรงปัดฝุ่นแบบยางที่อยู่ตรงกลางฐานหุ่นยนต์มีความแข็งแรงและกันการพันของเส้นผมต่างๆเพื่อไม่ให้เกิดอาการติดขัดได้ ทำงานในการารหมนุปัดของแปรงปัดด้วยเทคโนโลยี HyperForce แรงดูดสูงสุด 2,500 Pa (Pascal)
- User Experience -
ถึงแม้ว่าตัวเครื่องของ Roborock S7 ออกแบบให้สั่งงานผ่านปุ่มได้อย่างง่ายเดียวแล้วก็ตามแต่แอพ Roborock ยังมีให้การทำงานนั้นคล่องตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบพื้นที่ของการดูดฝุ่น ถูฝุ่นก็ตาม แต่ยังเรายังมาตรวจสอบแบตเตอรี่และการระยะเวลาที่ใช้ในการทำความสะอาดได้อีกด้วย รวมไปถึงในหน้าตั้งค่าของ Roborock ผู้ใช้งานสามารถควบคุม Roborock S7 ในการเคลื่อนที่ได้ด้วยตนเองแบบจอยสติ๊กผ่านมือถือ หรือเปลี่ยนภาษาของตัวหุ่นยนต์ที่มีให้เลือกหลากหลายภาษาแถมมีภาษาไทยมาให้เราด้วยนะ หรือผู้ใช้งานคนไหนที่เป็นคนไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่อยากให้หุ่นยนต์ Roborock S7 คอยทำความสะอาดบ้านให้สามารถตั้งเวลาให้ทำความสะอาดตามที่เราต้องการได้อีกเช่นกันครับ (และสำหรับผู้ใช้งาน Mi Home จาก Xiaomi อยู่แล้วสามารถเชื่อมต่อ Roborock S7 ผ่าน Mi Home ได้เลยครับ)
จากการใช้งานมาเป็นระยะเวลากว่า 3 อาทิตย์ก่อนทำรีวิวนี้ ผมสังเกตุเห็นว่า Roborock S7 นั้นสามารถดูดฝุ่นและคลาบที่ติดกับพื้นผิวได้เป็นอย่างดี แต่ว่าการใช้งานนั้นเราต้องเก็บสายไฟให้พ้นจากพื้นก่อนทุกครั้งที่จะเปิดใช้งานทำความสะอาด ไม่งั้นหุ่นยนต์อาจม้วนสายไฟเราเข้าไปด้วย ถือว่าทำให้การใช้ชีวิตของเรามีระเบียบมากขึ้นเลย จากเดิมที่เวลาใช้สายไฟเสร็จก็จะวางทิ้งไว้ที่พื้น พอเปลี่ยนมาใช้ Roborock S7 ทำให้เราเก็บสายไฟ เก็บของบนพื้นให้เป็นที่มากขึ้น ถือเป็นการฝึกวินัยในตัวเองไปได้อีกระดับนึงเลยครับ และเนื่องจากว่าบ้านผมมีสัตว์เลี้ยงอาศัยร่วมอยู่ การมีปุ่ม Child Lock กันน้องๆมาเปิดสั่งการเป็นอะไรที่ใช้งานบ่อยมากจริงๆ
สุดท้ายเลยสำหรับใครที่ไม่มีแม่บ้านประจำบ้าน/ห้อง แล้วอยากประหยัดเวลาตัวเองในการทำความสะอาดห้องผมขอแนะนำ Roborock S7 หุ่นยนต์ตัวนี้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดีเลยครับ
[SR] รีวิว Roborock S7 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้น สะอาดหมดจดทุกคลาบบนพื้นด้วยเทคโนโลยี Sonic Mopping
สวัสดีครับ ในวันนี้ผมจะขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Roborock S7 หุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้นสุดล้ำเหนือกว่าใครด้วยการใช้เทคโนโลยี Sonic Mopping หรือก็คือการใช้การสั่นสะเทือนในการถูที่ไม่เคยมีมาก่อน ถือเป็นเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำหรับคนรักความสะอาดและพ่อบ้านแบบผมที่กวาดถูเองไม่ค่อยสะอาดนักเลยทีเดียว จาก Roborock แบรนด์ระดับโลก ที่มีการจัดจำหน่ายทั่วโลก ซึ่ง Roborock เป็นผู้วิจัยพัฒนา ออกแบบ และผลิตหุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้น อัจฉริยะเองทั้งด้าน Hardware, Software ซึ่งรวมถึงแอปพลิเคชันด้วย ไม่ว่าจะรุ่นไหน หรือมีกี่เครื่อง ก็สามารถเชื่อมต่อกับแอป Roborock ในแอปเดียว
สำหรับใครที่ไม่สะดวกอ่านบทความสามารถรับชมในรูปแบบของวิดีโอได้เช่นกันครับ
- In The Box -
ภายในกล่องของ Roborock S7 จะประกอบไปด้วย
1. หุ่นยนต์ดูดฝุ่นถูพื้น Roborock S7 (ผมติดตั้งแผ่นรองผ้าถู และผ้าถูเข้าไปแล้ว)
2. แท่นชาร์จ Roborock S7
3. สายชาร์จ Roborock S7
4. คู่มือการใช้งาน Roborock S7
5. คู่มือการใช้งานแอพ Roborock S7
- Design -
การออกแบบหุ่นยนต์ Roborock S7 ที่เรียบง่ายล้ำสมัย ที่มีข้อดีคือ ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจวิธีการใช้งาน และการทำความสะอาดได้ง่าย ด้านบนของ Roborock S7 มาพร้อมกับไฟสถานะของหุ่นยนต์ที่มีสีเตือน 4 สีคือ
1. สีขาว: กำลังดูดฝุ่น
2. สีน้ำเงิน: กำลังดูดฝุ่น และกำลังถูพื้น
3. สีส้ม: เตือนสิ่งผิดปกติในการทำงานของหุ่นยนต์
4. สีเขียว: กำลังชาร์จ
และปุ่มการสั่งงานด้วยกันเพียง 3 ปุ่มเท่านั้นคือ
1. ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องที่อยู่ตรงกลาง และใช้ในการสั่งงานทำความสะอาดหรือสั่งหยุดการทำความสะอาด
2. ปุ่มทางด้านขวาที่เป็นรูปบ้านนั้นคือการสั่งให้ Roborock S7 ของเรานั้นกลับไปยังแท่นชาร์จ
3. ปุ่มทางด้านขวามือจะเป็นการสั่งงาน Spot Clean หรือ Child Lock ที่เป็นประโยชร์สำหรับบ้านที่มีแมวหรือมีเด็กๆเลยทีเดียว
และตรงกลางของเครื่องด้านในมีการติดตั้ง LiDAR เซนเซอร์เข้ามา ทำให้การเคลื่อนที่นั้นแม่นยำมากขึ้นไม่ว่าจะมีสิ่งของอะไรมากีดขวางหุ่นยนต์สามารถรับรู้ได้ และประมวลผลเป็นแผนที่อย่างชาญฉลาดให้เราเห็นผ่านในสมาร์ทโฟนได้แบบง่ายๆเลย
เมื่อเราเปิดฝาด้านบนของ Roborock S7 ออกมา เราจะเห็นว่าด้านในนั้นจะมีไฟสถานะของ Wi-Fi และปุ่ม Reset ส่วนมุมตรงกลางจะมีถังขยะที่คอยเอาไว้เก็บฝุ่นที่ผมอยากจะแนะนำสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงว่าควรหมั่นทำความสะอาดหลังจากที่ใช้งานเสร็จแล้วทุกครั้ง เพราะว่าขนแมวที่มีจำนวนมากอาจจะไปติดที่ไส้กรองฝุ่นแล้วทำความสะอาดได้ยาก
เมื่อเรามองจากด้านหน้าของ Roborock S7 เราจะเห็นว่ามีช่องที่ใส่แท้งค์น้ำไว้สำหรับใช้ในการถูพื้นขนาด 300 มล. นั่นแหละครับ Roborock S7 เมื่อดูดฝุ่นที่พื้นให้เราเรียบร้อยแล้วจะทำการถูพื้นให้เราทันทีเลย ด้วยเทคโนโลยี SnapMop Electric Water Pump ที่จะปล่อยน้ำออกมาให้เหมาะสมกับระดับการใช้งานในการทำความสะอาด
ลองลงมาด้านล่างของแท้งค์น้ำนั่นก็คือผ้าเอาไว้สำหรับถูพื้นซึ่งถูกออกแบบให้รองรับแรงกดในเวลาถูพื้นสูงถึง 600 กรัม ด้วยการถูด้วยเทคโนโลยี Sonic Mopping ที่ใช้การสั่นสะเทือนเพื่อการขัดถูพื้นสูงถึง 3,000 ครั้งต่อนาที มั่นใจได้เลยว่าพื้นสะอาดแน่นอน
และฐานของ Roborock S7 มาพร้อมกับล้อด้วยกันทั้งหมด 3 ล้อ โดยทำงานแบบขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง และล้อด้านหน้า 1 ล้อ ทำหน้าที่ในการบังคับทิศทางนั่นเอง ในส่วนอื่นๆนั้นจะมี Cliff Sensors รอบทิศทาง และ Ultrasonic ด้านหน้าเพื่อตรวจสอบพื้นผิวในการเคลื่อนที่
และการดูดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพของ Roborock S7 นั้นใช้งานแปรงปัดฝุ่นแบบยางที่อยู่ตรงกลางฐานหุ่นยนต์มีความแข็งแรงและกันการพันของเส้นผมต่างๆเพื่อไม่ให้เกิดอาการติดขัดได้ ทำงานในการารหมนุปัดของแปรงปัดด้วยเทคโนโลยี HyperForce แรงดูดสูงสุด 2,500 Pa (Pascal)
- User Experience -
ถึงแม้ว่าตัวเครื่องของ Roborock S7 ออกแบบให้สั่งงานผ่านปุ่มได้อย่างง่ายเดียวแล้วก็ตามแต่แอพ Roborock ยังมีให้การทำงานนั้นคล่องตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบพื้นที่ของการดูดฝุ่น ถูฝุ่นก็ตาม แต่ยังเรายังมาตรวจสอบแบตเตอรี่และการระยะเวลาที่ใช้ในการทำความสะอาดได้อีกด้วย รวมไปถึงในหน้าตั้งค่าของ Roborock ผู้ใช้งานสามารถควบคุม Roborock S7 ในการเคลื่อนที่ได้ด้วยตนเองแบบจอยสติ๊กผ่านมือถือ หรือเปลี่ยนภาษาของตัวหุ่นยนต์ที่มีให้เลือกหลากหลายภาษาแถมมีภาษาไทยมาให้เราด้วยนะ หรือผู้ใช้งานคนไหนที่เป็นคนไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่อยากให้หุ่นยนต์ Roborock S7 คอยทำความสะอาดบ้านให้สามารถตั้งเวลาให้ทำความสะอาดตามที่เราต้องการได้อีกเช่นกันครับ (และสำหรับผู้ใช้งาน Mi Home จาก Xiaomi อยู่แล้วสามารถเชื่อมต่อ Roborock S7 ผ่าน Mi Home ได้เลยครับ)
จากการใช้งานมาเป็นระยะเวลากว่า 3 อาทิตย์ก่อนทำรีวิวนี้ ผมสังเกตุเห็นว่า Roborock S7 นั้นสามารถดูดฝุ่นและคลาบที่ติดกับพื้นผิวได้เป็นอย่างดี แต่ว่าการใช้งานนั้นเราต้องเก็บสายไฟให้พ้นจากพื้นก่อนทุกครั้งที่จะเปิดใช้งานทำความสะอาด ไม่งั้นหุ่นยนต์อาจม้วนสายไฟเราเข้าไปด้วย ถือว่าทำให้การใช้ชีวิตของเรามีระเบียบมากขึ้นเลย จากเดิมที่เวลาใช้สายไฟเสร็จก็จะวางทิ้งไว้ที่พื้น พอเปลี่ยนมาใช้ Roborock S7 ทำให้เราเก็บสายไฟ เก็บของบนพื้นให้เป็นที่มากขึ้น ถือเป็นการฝึกวินัยในตัวเองไปได้อีกระดับนึงเลยครับ และเนื่องจากว่าบ้านผมมีสัตว์เลี้ยงอาศัยร่วมอยู่ การมีปุ่ม Child Lock กันน้องๆมาเปิดสั่งการเป็นอะไรที่ใช้งานบ่อยมากจริงๆ
สุดท้ายเลยสำหรับใครที่ไม่มีแม่บ้านประจำบ้าน/ห้อง แล้วอยากประหยัดเวลาตัวเองในการทำความสะอาดห้องผมขอแนะนำ Roborock S7 หุ่นยนต์ตัวนี้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดีเลยครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้