ตอนที่ 2: มาพาไปดูออสเตรเลียแถบตอนกลาง Central Australia ว่ามีอะไรให้ชมบ้างคะ

อ่านตอนที่ 1 https://ppantip.com/topic/40638813

มาต่อกันค่ะ พอเราเก็บเต็นท์กันเรียบร้อยก็ใช้เส้นทางเดิม Larapinta Drive เดินทางต่อไปยัง Gosse Bluff ระยะทางจาก Ormiston Gorge 77 กม. Gosse Bluff นี้ ว่ากันว่าเป็นหลุมที่เกิดจาก asteroid หรือดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกทำให้เกิดเป็นวงแหวนเมื่อประมาณ 143 ล้านปีมาแล้ว ลักษณะเป็นเหมือนภูเขาวงกลมล้อมรอบดินมีเส้นผ่าศูนย์กลางภูเขาจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง 5 กม.

เอารูปจากเน็ตมาให้ชมก่อนนะคะเพราะเราจับภาพด้วยตาไม่ได้ค่ะ

เครดิตรูปจาก the ISS ค่ะ



จากเน็ตอีกภาพค่ะ เครดิตจาก Australianexplorer.com ค่ะ



ภาพด้านล่างถ่ายจากกล้องเราเองค่ะ

ก่อนถึง Gosse Bluff จะมีจุดชมวิวให้ถ่ายรูปมีชื่อว่า Gint's Lookout จนท.ที่เราไปจ่ายค่าธรรมเนียมการใช้ถนนเส้นนี้บอกว่าอย่าลืมแวะไปถ่ายรูปซึ่งบางทีคุณอาจจะได้รูปสวยหรืออาจจไม่ได้อะไรเลย เราก็เลยไม่อยากพลาดแวะสักหน่อยก็เลยได้ภาพ 2 ภาพด้านล่างนี้ เราก็ว่าเออ..ขอบคุณที่แนะนำมานะ..เราชอบ..


ถ่ายรูปกันแล้วก็ขับต่อมาบนถนนลาดยางมะตอยอีก 12 กม.ก็ถึงจุดสิ้นสุด และก็กลายเป็นถนนที่มีชื่อว่า Mareenie Loop ถนนเส้นนี้เข้าได้ 2 ทางนะคะระยะทาง 245 กม. เป็นถนนลูกรัง 160 กม. เส้นนี้พาเราไปยัง Kings Canyon จุดสุดท้ายของทริปซึ่งจะเป็นจุด Hightlight ของทริป ถนนลูกรังโดนฝนทำลายไปเยอะขับความเร็วประมาณ 60 กม/ชม. ใช้เวลาเกือบ 3 ชม. จึงจะถึงจุดตั้งแคมป์ที่ Kings Canyon Camping area เป็น Private ราคาที่ตั้งแคมป์ที่นี่ตกคนละ $25 ต่อคนต่อคืนค่ะ มีห้องครัวให้ทำกับข้าวได้โดยจะมีเตาแก๊ส ตู้เย็น ที่ล้างถ้วย-ชามไว้ให้ และถ้าใครไม่มีอุปกรณ์ทำครัวพวกกะทะ หม้อ สามารถเช่าได้ในอัตราชิ้นละ 10 เหรียญ แล้วยังมีเตา BBQ  ตั้งอยู่หลายจุดเยอะแยะมากมาย ห้องน้ำ-ห้องส้วมสะอาดมากมีทุกหัวมุม มีสระว่ายน้ำให้ด้วย  มีคนมาพักเยอะมากค่ะ

ถนนเส้นนี้มีฝูงม้าป่ากระจายให้เห็นไปทั่วแถมมีอูฐด้วยแต่เราเจอะแค่ฝูงม้าป่า ส่วนอูฐเจอะแค่ขี้อูฐเป็นกอง ๆ บนถนนให้เห็นแต่ไม่เห็นตัวอูฐค่ะ

 
Kings Canyon ในระยะไกล ๆ



มื้อเย็นทำแกงอินเดียกินค่ะ พกแค่น้ำพริกแกงอินเดียเทใส่ในหม้อ ใส่ไก่ แค่นั้นเอง



ทุกจุดจะมีป้ายเตือนให้ระวัง Dingo (หมาป่า ซึ่งคล้ายพันธุ์หมาทางเอเชีย) ห้ามทิ้งอาหารไม่เป็นที่เป็นทางห้ามให้อาหารด้วย  ตอนถึงเวลาเข้านอนเราจะได้ยินเสียงหอนไม่ไกลากแคมป์ที่พักค่ะ

ตะวันขึ้นที่ Kings Canyon 

Breakfast


ก่อนจะมาถึงที่นี่เราตั้งใจกันไว้ว่าเมื่อไปถึง Highlight ของที่นี่นั้นจะต้องปีนเขาที่เห็นรูปข้างบน จะมี track ให้เดินระยะทางไป-กลับ 4.5 ชม. เพื่อไปดู Straight Cut Cliffs ที่มีชื่อเสียง โดยจะต้องออกก่อนตะวันขึ้น พอเช้าวันรุ่งขึ้นเราได้ยินเสียงรถขับกันออกไป ณ จุดเริ่มต้นประมาณตี 5 กว่าหลายคัน เรา 2 คนคิดว่ามันเช้าเกินไปไหม รอสัก 8 โมงเช้ากินอาหารเช้าก่อนแล้วค่อยไปปีนเขาก็ได้น่า..กลับกลายเป็นว่าพอ 8 โมงเช้าไปถึงจุดปีนเขา อาการเริ่มร้อนแล้ว ตะวันแรงมาก ส่วนที่จะต้องปีนเขาก่อนจะถึงช่วงเดิน track บนเขาหัวโล้นนั้นก็สูงชันใช้ได้ แถมปีนขึ้นไปแล้วต้องเดินอีก 4.5 ชม. คิดว่าไม่น่ารอดค่ะ  เลยเปลี่ยนแผน track กันบนพื้นล่างล่ะกัน ระยะทาง 2 กม.เท่าน้น

เอารูปที่หลายคนปีนเขาสำเร็จ และได้ไปเห็นของสวยงามจากเน็ตให้ดูนะคะ ใครมาทางนี้ไม่กลัวว่าจะเดินพลาดตกเขาตอนตะวันยังไม่ขึ้นก็แนะนำให้ลองดูค่ะ

เครดิตรูปจาก istockphoto.com


เครดิตรูปจาก Earthtreckkers.com 



ส่วนรูปด้านล่างของเราถ่ายบนพื้นล่างของ Kings Canyon ค่ะ ไม่ได้ไปชะโงกดูเหว ก็เงยหน้าดูเอาค่ะ

 
ใช้เวลาเดินถ่ายรูปกันประมาณ 2 ชม.เสร็จแล้วเราก็เลยเดินทางกลับกัน ใช้เส้นทาง Mareenie Loop เส้นเดิม พอถึงจุดสิ้นสุดของถนนลูกรัง เราก็ออกกันอีกทางเพราะถนนเส้นนี้เป็นเหมือวงกลม เข้าทาง -ออกทาง เราขับกันไปดูจุดสุดท้ายและจะแคมป์กันที่ Palm Valley ค่ะ ระยะทาง 225 กม. ใช้เวลานานเหมือนกันเพราะถนนลูกรังไปเร็วไม่ได้  Palm Valley ตั้งอยู่ที่ Finke Gorge National Park ก่อนที่จะถึงที่ตั้งแคมป์นั้น ธรรมชาติสวยมาก ถนนบางส่วนยังถูกน้ำขัง รถธรรมดาเข้าไม่ได้แน่นอนค่ะ



แล้วก็ขับผ่านจุดที่มี walking track ให้ลงไปเดินดูระยะทาง 2 กม.ขึ้นเขานิดหน่อย แต่โอ้โห ...นึกไม่ถึงว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในนี้ด้วยหรือ เขาที่เราเดินไปดูนั้นมีลักษณะคล้าย หุบเขา Sedona ที่ Arizona มาก น่าจะอายุใก้ลเคียงกันค่ะ track นี้มีชื่อว่า Arankaia Walk ค่ะ

เรา 2 คนตื่นเต้นมากที่มาเจอะอะไรแบบนี้ มั่นใจว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วย


หลังจากนี้ก็ขับเลยไปยัง Palm Valley เพื่อจะไปตั้งแคมป์กันเป็นคืนสุดท้าย แต่ไปไม่ถึงค่ะ ถนนที่จะขับต่อนั้นยังถูกน้ำขังท่วมอยู่ ทางการได้ทำเสาปักวางไว้ว่าต้องขับอยู่ในแนวนี้เท่านั้น เราคิดว่าถ้าคนท้องถิ่นชำนาญแถบนี้ก็คงจะไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับเราดูแล้วไม่น่าจะปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเราแค่คันเดียว เกิดติดหล่ม เสียหลัก มีหวังแย่แน่นอน เราเลยถอยค่ะย้อนกลับไปพักตั้งแคมป์กันที่ตัวเมือง Alice Springs แทน



เป็นอันว่าไม่ได้ไปเห็น Palm Valley ค่ะ จากจุดที่ถอยนั้นอยู่แค่ 10 กม.เอง เอาภาพในเน็ตมาให้ดูแทนนะคะ

เคตรดิตภายจาก Viator.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่