10 ปีแล้วสินะ กับกระทู้ ทอดสะพานยังไงให้ได้ภายใน 7 วัน

10 ปีผ่านไป กับกระทู้ ทอดสะพานยังไงให้ได้ภายใน 7 วัน

ถ้าใครเคยเล่นพันทิปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว อาจจะยังพอจำกันได้กับกระทู้ของเรา ซึ่งติดอันดับกระทู้แนะนำ 3 กระทู้ซ้อน ลบแล้วลบอีกเพราะอาย ก็ยังมีคนมาเรียกร้องขอให้เขียนต่อ 55555 เพิ่งครบรอบ 10 ปี ไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง ตอนนี้เราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พูดง่ายๆก็แก่นั้นเอง เคยกลับไปอ่านก็รู้สึกขำตัวเอง เขียนไปได้ยังไงว้า เพ้อสุดๆ 😆😆

แล้วเรามาเขียนกระทู้นี้ทำไม 
เหตุเพราะเราอยากเขียนนิยายลงเว็บเด็กดี จริงๆการเขียนนิยายคือความใฝ่ฝันของเรานะ ตอนนี้ระหว่างรอย้ายไปต่างประเทศ ก็เป็นช่วงที่ว่างพอที่จะได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองฝัน หลังจากทนทำงานสัตวแพทย์มาเป็นสิบปี เวลาหมดไปวันๆกับการทำงาน จินตนาการไม่เคยได้ออกมาโลดแล่นเลย 
แล้วพล็อตเรื่องที่เราพอจะนึกออกและนำมาเขียนได้ ก็คือความรักครั้งเก่าที่เราเคยเขียนแล้วมีคนชอบนั่นเอง และการจะเขียนให้ออกมาดี ก็ต้องนึกย้อนไปถึงวันแรกที่เรารู้สึกตกหลุมรักเค้า 

มันคงจริงดังว่า ที่ถ้านักแสดงอินกับบท แล้วจะจมดิ่งไปกับบทนั้นๆจนกลายเป็นคนละคน เราเองก็เช่นกัน พอหวนกลับไปนึกถึง มันก็ทำให้จมดิ่งไปอยู่ ณ จุดๆนั้น ซึ่งมันมีทั้งความรัก ความคิดถึง และความเจ็บปวด 
เลยอยากมาระบายลงพันทิปซะหน่อย เพราะที่ตรงนี้คือ จุดเริ่มต้นที่ทุกคนช่วยเชียร์ให้ความรักบังเกิด มันเป็นสถานที่ที่เป็นความทรงจำที่ดีของเรามากๆ เราเติบโตมาพร้อมพันทิป ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยจนวัยทำงาน แม้กระทู้จะหายไปแล้ว แต่เราก็ยังอยากจะมาระลึกความหลังซะหน่อยอ่ะนะ

ถ้าใครไม่เคยอ่าน ขอเล่าย่อๆแล้วกันนะคะ เรามีลูกค้าที่ต้องไปรักษาหมาไตวาย โดยไปให้น้ำเกลือที่บ้านเค้าเป็นเวลา 7 วัน เค้าจะมารับมาส่งเราที่ทำงาน และเราจะมีโอกาสคุยกับเค้าไปกลับประมาณ 30 นาที เราต้องปิดจ็อบให้ได้ภายใน 7 วัน เลยต้องมาตั้งกระทู้ถาม ซึ่งไม่มีใครตอบเราเลยค่ะ มีแต่มาลุ้นและรอให้เรามาอัพเดตให้ฟังต่อ 😂😂😂

และด้วยสกิลการทอดสะพานบวกความเจนงานของพ่อหนุ่มนั่น เราก็ปิดจ็อบได้ก่อน 7 วันอีกค่ะ 55555

แล้วหลังจากนั้นเราก็พบว่า เราสองคนต่างกันมากกกก
เราเป็นคนสมถะ เติบโตมาจากครอบครัวจนๆ ถึงจะเป็นสัตวแพทย์ แต่เราก็นอนห้องเท่ารูหนู ไม่มีแอร์ เปิดแต่พัดลม ไม่มีรถยนต์ ไม่มีไอโฟน ไม่มีไอแพด มีแต่มอเตอร์ไซต์ฮ่าง ประจำตำแหน่งของโรงบาล ที่เราขี่ไปทำงานทุกวัน 
ส่วนเค้านั้นเป็นคุณชาย ลูกคนรวย หน้าตาโอเค ขาวๆตี๋ๆ ยิ้มทีมีเสน่ห์มาก เคยขับทั้งเบ๊นซ์และบีเอ็มมาตั้งแต่สมัยเรียน ช็อปเสื้อผ้าทีก็ต้อง 3-4 หมื่น ไอโฟนออกใหม่ก็ต้องไปต่อคิวซื้อตั้งแต่วันแรก 
เราก็เกิดคำถามตลอดเวลานะ ว่าเค้าจะมาคบเราได้ยังไง แต่เค้าก็ขึ้นสเตตัสในบีบี (สมัยนั้นบีบียังฮ็อตค่ะ 555)

"ขนาดเดินจับมือกัน ยังใช้มือคนละข้าง แล้วทำไมคนที่ต่างกันมาก จะคบกันไม่ได้ " 

อู้ยยย อ่านแล้วก็ใจชื้นขึ้นมาทันที เค้าเขียนถึงชั้นแน่ๆ หุหุ

แล้วเราก็คบกันมาเรื่อยๆ เค้าเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ คารมดี เวลาเราเลิกงาน 3 ทุ่ม เค้าก็จะมารอเราที่หน้าหอทุกวัน บอกว่าได้เห็นหน้า 15 นาทีก็ยังดี โอ๊ยย เขิลสิคะ รออะไร แล้วก็ต้องขับรถกลับบ้านอีก 20 นาที เป็นแบบนั้นทุกวัน มันช่างเป็นอะไรที่โรแมนติกมาก ตอนเที่ยงก็มารอรับเราไปกินข้าวข้างนอกโรงบาล ถ้าบ่ายว่างก็แวะมาหา เพราะที่ทำงานอยู่ไม่ไกลกันมาก ช่วงบ่ายเราจะไม่ค่อยมีเคส จะว่าง เค้าแวะมา เราก็จะไปนั่งคุยเล่นในรถเค้าสัก 10 นาที ก็กลับมาทำงานต่อ 

ดูเป็นคู่ที่มีความสุขเนอะ 

แล้วเค้าก็เป็นคนที่สอนให้เรารู้จักใช้ชีวิต 
บ่นเราว่า 

" เธออยู่ในประเทศที่ร้อนที่สุดในโลกโดยไม่มีแอร์ได้ยังไงเนี่ย " 

เอ้า เหรอ นี่ชั้นต้องติดแอร์เหรอ 

" เธอจะแบกโน๊ตบุ๊คไปเล่นที่ทำงานทุกวันได้ยังไง ซื้อไอแพดสิ " 

เอ้าเหรอ นี่กรุต้องซื้อเหรอ 

และสุดท้าย 

" รถคันแรกได้เงินคืนแสนนึง ทำไมเธอไม่ซื้อ หาโอกาสแบบนี้ยากนะ " 

เอ้าเหร๊อออ กรุต้องซื้อใช่มั้ยเนี่ย 

แล้วสุดท้ายเราก็เหมือนโดนเซลล์หลอกให้ซื้อนู่นซื้อนี่อ่ะค่ะ รู้ตัวอีกที ก็ซื้อมาหมดแล้ว 😅 แต่ก็ต้องขอบคุณเค้า ที่ทำให้เราได้มีทรัพย์สมบัติเป็นของตัวเองบ้าง มีชีวิตที่สะดวกสบายขึ้น 

เราคบกันมาได้ราวๆ 3-4 เดือน ชีวิตช่วงนั้นคือมีความสุขมาก แต่สิ่งผิดปกติก็คือ เค้ามักจะพูดถึงแฟนเก่าเค้าเสมอ ว่าคือคนที่รักมาก อยากจะแต่งงานด้วย แต่จู่ๆแฟนเก่าก็บอกเลิก เค้าก็บอกว่า ก็เพิ่งเลิกได้สองเดือนเนี่ย ถึงมาเจอเธอ 

และแล้วลางสังหรณ์เราก็ไม่เคยพลาด ครั้งสุดท้ายที่เราไปเดินห้างกัน ครอบครัวพี่สาวเค้าขอติดรถไปด้วย จะไปซื้อเครื่องซักผ้า ก็ต้องไปโฮมโปร และด้วยความที่เอาหลานเล็กๆไปด้วย เราก็เลยต้องคอยช่วยดูหลานให้ ไม่ได้เดินกับเค้าเลย 

ขากลับเค้าแวะมาส่งเราที่หอ และบอกว่าอาทิตย์หน้าจะพาไปกินข้าวกับพ่อแม่นะ และจะพาไปเลี้ยงหลานด้วย หลานติดเธอนะ เราก็ดีใจ เออ ดูอะไรๆมันก็ผ่านไปด้วยดีไปหมด 
แต่แล้ว เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้ 
.
.
.
.
To be continue ก่อนละกันเนอะ ยาวเกินไปล้าวว 😆😆
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่